ชาวโคราชวัย 73 ปลูกผักหวานหน้าบ้าน 4 ต้น สร้างรายได้ปีละหลายหมื่นบาท

นายสุรพันธ์ ศิลปสุวรรณ นายอำเภอครบุรี พร้อมด้วยนายสมชาติ เดชดอน นายกเทศมนตรีตำบลครบุรีใต้ เดินทางไปเยี่ยมเยียนพบปะกับชาวบ้านในพื้นที่ตำบลครบุรีใต้ อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา โดยหนึ่งในนั้นเป็นเป็นบ้านของนายบุญ เจริญครบุรี อายุ 73 ปี อาศัยอยู่กับภรรยาและบุตรชาย มีความพิเศษคือมีต้นผักหวานขนาดใหญ่อยู่หน้าบ้านถึง 4 ต้น ทั้งที่มีเนื้อที่ไม่ถึงสองไร่ อีกทั้งต้นผักหวานยังสูงใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่หน้าบ้าน พร้อมกับมีการตั้งนั่งร้านไม้ไผ่ไว้รอบๆ ทุกต้น และยังพบว่ามียอดผักหวานผลิแตกยอดอ่อนอยู่เต็มต้น

จากการสอบถามลุงบุญ เจริญครบุรี เจ้าของบ้าน เล่าว่า ต้นผักหวานทั้งสี่ต้นที่เห็นดังกล่าว ได้นำเอาเมล็ดพันธุ์จากในพื้นที่มาเพาะปลูกไว้ตั้งแต่ปี พ.ศ.2537 ที่ผ่านมา ระยะเวลาผ่านไปนานกว่า 20 ปี ลำต้นก็สูงใหญ่แตกกิ่งก้านสาขาผลิใบออกมาให้ได้เก็บกินอยู่เรื่อย โดยเฉพาะในช่วงเดือนมกราคมไปจนสิ้นสุดเดือนมีนาคมของทุกๆ ปี แรกๆ ก็แตกยอดให้พอได้เก็บกิน แต่ต่อมาเมื่อต้นใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ก็ให้ผลผลิตมากขึ้นจนกินไม่ทันและสามารถเก็บไปจำหน่ายสร้างเป็นรายได้เสริมทั้งในส่วนของยอดอ่อนและเมล็ดพันธุ์ สร้างรายได้เสริมปีละหลายหมื่นบาท

ลุงบุญกล่าวอีกว่า ผักหวานที่บ้านนั้นไม่ต้องดูแลอะไรเป็นพิเศษมากนัก ทั้งนี้อาจเป็นเพราะสภาพพื้นที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโต ปุ๋ยไม่ได้ใส่สูตรอะไรเจาะจงเป็นพิเศษ เพียงอาศัยเศษใบไม้และหญ้าแห้งกวาดทับถมไว้ที่โคนต้นเท่านั้น และที่เหลือก็ต้องตัดแต่งกิ่งเล็กน้อยเพื่อให้มีการแตกยอดอ่อนออกมาเป็นระยะๆ ปัจจุบันต้นผักหวานของลุงบุญสูงใหญ่ประมาณ 4-6 เมตรแล้ว โดยได้ทำนั่งร้านไม้ไผ่รอบต้นที่สูงเพื่อไว้ปีนเก็บได้สะดวก ซึ่งในวันหนึ่งๆ สามารถขายเฉพาะผักหวานได้ไม่น้อยกว่าละ 300-500 บาท

“เมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนหน้านี้ในพื้นที่ อ.ครบุรีสามารถหาเก็บผักหวานตามป่าชุมชนใกล้บ้านได้จนเหลือกินเหลือใช้ แต่หลังจากเกิดความเข้าใจผิดๆ หรือความมักง่ายของคนเห็นแก่ตัวบางกลุ่มที่ตั้งใจจุดไฟเผาป่าเพื่อให้สะดวกต่อการหาผักหวานช่วงหน้าแล้ง ก็ทำให้จำนวนของผักหวานป่าลดลงจนต้องบุกเข้าไปในพื้นที่เขตป่าสงวนแห่งชาติหรือเขตอุทยานแห่งชาติ สร้างความสูญเสียให้กับผืนป่าของประเทศเป็นอย่างมาก จึงอยากวิงวอนให้ชาวบ้านที่หลงผิดยุติพฤติกรรมเช่นนี้เสีย เพราะผักหวานนั้นไม่จำเป็นที่จะต้องจุดไฟเผาเพื่อให้แตกยอดอ่อน ปล่อยเอาไว้ตามธรรมชาติก็จะเติบใหญ่ให้ผลผลิตจำนวนมากเอง อีกทั้งการเผาป่ายังเป็นการบั่นทอนทำลายให้ต้นผักหวานเสียหายและตายลงได้ในที่สุดอย่างที่เป็นอยู่ในตอนนี้” ลุงบุญกล่าว

นายสุรพันธ์เปิดเผยว่า ในห้วงตั้งแต่ต้นปี พ.ศ.2560 ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ในพื้นที่ อ.ครบุรีเกิดเหตุไฟป่าขึ้นในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติและพื้นที่อุทยานแห่งชาติทับลานไปแล้วหลายครั้ง มีพื้นที่ได้รับผลกระทบกว่า 1,000 ไร่ แม้ว่าทุกภาคส่วนจะรณรงค์ทำความเข้าใจกับกลุ่มผู้นำชุมชนและชาวบ้านในพื้นที่อย่างต่อเนื่องแล้วก็ตาม แต่ก็ยังคงมีกลุ่มคนบางกลุ่มที่ลักลอบจุดไฟเผาป่าเพื่อหวังผลเพียงแค่หาของป่าและล่าสัตว์เล็กๆ น้อยๆ สร้างความสูญเสียให้เกิดขึ้นกับผืนป่าสำคัญของประเทศ จึงอยากเรียกร้องให้ทุกๆ คน โดยเฉพาะชาวบ้านในพื้นที่เองช่วยกันเป็นหูเป็นตาให้กับเจ้าหน้าที่ ในการสอดส่องดูแลรักษาทรัพยากรป่าไม้ของประเทศให้คงอยู่สืบไปจนชั่วลูกชั่วหลานด้วย

ที่มา มติชนออนไลน์