ผู้เขียน | สุรเดช สดคมขำ |
---|---|
เผยแพร่ |
คำว่า “ความจนมันน่ากลัว” คงนำมาใช้ได้กับทุกยุคทุกสมัย จึงทำให้หลายๆ คน ขยันหมั่นเพียรในการทำงานเพื่อเก็บออมเงิน สร้างอนาคตให้กับตนเองหรือส่งต่อความมั่นคงทางสถานะครอบครัวให้กับลูกหลานต่อไป อย่างเช่น เกษตรกรทางการเกษตรก็เช่นเดียวกัน สร้างอาชีพเพื่อให้เกิดรายได้และมีเงินออม มีรายได้ที่มั่นคงและยั่งยืนโดยที่ไม่ต้องทิ้งบ้านเกิดเพื่อเข้าไปทำงานยังเมืองใหญ่ แต่สามารถทำกินอยู่บนที่ดินของตนเองได้อย่างมีความสุข
คุณวันเพ็ญ เริงฮัง อยู่บ้านเลขที่ 42 หมู่ที่ 6 ตำบลทับกุง อำเภอหนองแสง จังหวัดอุดรธานี เป็นเกษตรกรตัวอย่างที่สู้ชีวิต ด้วยการทำอาชีพทางการเกษตรที่มั่นคงให้กับตนเอง ด้วยการเลี้ยงกบจำหน่าย ทำการเรียนรู้และศึกษาการผสมพันธุ์ต่างๆ จึงทำให้กบที่เธอเลี้ยงสร้างรายได้ และเป็นอาชีพที่มั่นคงให้กับเธอมาจนถึงทุกวันนี้
คุณวันเพ็ญ เล่าว่า สมัยก่อนทำอาชีพรับจ้างทุกอย่าง ไม่ว่าใครจ้างทำอะไรก็ทำหมด ตั้งแต่การเป็นกรรมกรก่อสร้างเพื่อให้ได้เงินมาเลี้ยงลูกจำนวน 2 คนให้ได้อยู่สุขสบาย เมื่อเก็บเงินออมได้ก้อนหนึ่งจึงได้ตัดสินใจซื้อรถเพื่อไปออกจำหน่ายหนังสือตามงานต่างๆ ก็เริ่มรู้สึกเหนื่อยกับการค้าขาย เพราะต้องเดินทางไปทั่วในหลายๆ จังหวัด จึงเกิดความคิดที่อยากจะกลับบ้านเกิดและมาประกอบอาชีพทางการเกษตรบนพื้นที่ของเธอเอง
“พอเราไปหลายๆ จังหวัดก็ได้ไปรู้จักกับยายท่านหนึ่ง แกเพาะพันธุ์กบขาย คุยไปคุยมาเราก็ว่า เป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก เพราะว่าในจังหวัดเรายังไม่มีใครเลี้ยงมากนักในช่วงนั้น เราจึงตัดสินใจบอกกับสามีว่าเราจะกลับมาอยู่บ้านเพื่อเลี้ยงกบ ไม่อยากออกไปขายหนังสือแล้ว จึงได้ไปติดต่อขอซื้อพันธุ์จากยายท่านนั้น ประมาณปี 2546 ประมาณ 1,000 ตัว ปรากฏว่ากบที่ซื้อมาทดลองเลี้ยง ตายเกือบหมด เหลืออยู่ 15 ตัว ก็ยังไม่ลดละความพยายาม คิดว่าเหลืออยู่ก็น่าจะเลี้ยงต่อได้ จึงตั้งใจใหม่แล้วทำต่อมาเรื่อยๆ จนประสบผลสำเร็จ” คุณวันเพ็ญ เล่าถึงที่มาของการเลี้ยงกบ
การเลี้ยงกบให้ได้คุณภาพตามประสบการณ์ของคุณวันเพ็ญนั้น เธอบอกว่า บ่อที่เลี้ยงเป็นบ่อซีเมนต์ที่ทำเองทั้งหมด มีระบบการระบายน้ำที่ดี โดยในช่วงแรกจะเน้นผสมพันธุ์เพื่อจำหน่ายลูกอ๊อดให้กับลูกค้าที่ต้องการนำไปประกอบอาหาร ต่อมาเมื่อตลาดเข้ามาเรื่อยๆ ก็มีการผสมพันธุ์เพื่อจำหน่ายลูกกบเล็กและพ่อแม่พันธุ์
เมื่อกบพ่อแม่พันธุ์ผสมพันธุ์ตั้งแต่เดือนมีนาคมถึงเดือนกรกฎาคมจนได้ไข่ออกมาแล้ว จะนำลูกอ๊อดแยกออกมาเลี้ยงด้วยอาหารที่ทำเอง ด้วยการให้กินไข่แดงต้มผสมกับอาหารสำเร็จรูป ประมาณ 7-14 วัน เมื่อเห็นลูกอ๊อดเริ่มมีขาหลังออก ก็จะเลี้ยงต่อไปอีกระยะหนึ่ง ถ้ามีลูกค้าเข้ามาติดต่อซื้อก็สามารถจำหน่ายได้ทันที แต่ถ้ายังก็จะเลี้ยงไปเรื่อยๆ จนสามารถจำหน่ายเป็นกบตัวเล็กได้
หลังจากพ้นเดือนกรกฎาคมก็จะพักตัวพ่อแม่พันธุ์กบด้วยการเลี้ยงให้อยู่ภายในบ่อต่อไป จนกว่าจะผสมพันธุ์ใหม่ได้ในปีถัดไป ส่วนการป้องกันโรคในตัวกบก็จะหมั่นทำความสะอาดบ่ออยู่เสมอ ถ้าตัวไหนเกิดอาการเท้าเปื่อยก็จะจับแยกและนำมาประกอบอาหารต่อไปได้ทันที
สำหรับการทำตลาดเพื่อจำหน่ายกบภายในฟาร์มนั้น คุณวันเพ็ญ บอกว่า ตั้งแต่เลี้ยงมา 17 ปี ไม่เคยต้องนำกบออกไปจำหน่ายยังที่ต่างๆ เลย จะมีลูกค้าเข้ามาติดต่อขอซื้อถึงหน้าฟาร์ม โดยลูกค้าที่เข้ามาติดต่อซื้อก็จะมีความแตกต่างกันไป บางคนต้องการซื้อลูกกบเพื่อไปเลี้ยงเอง บางคนซื้อไปเพื่อนำไปประกอบอาหาร ดังนั้น เธอเองก็จะจัดวางระบบการเลี้ยงให้เพียงพอต่อความต้องการของลูกค้าอยู่เสมอ
“ลูกกบเล็กขายอยู่ที่ตัวละ 2 บาท เฉลี่ยเดือนหนึ่ง เราก็จะขายได้ประมาณ 50,000 ตัว รายได้ต่อปีก็สามารถทำเงินแสนได้ ต้องบอกเลยว่าตอนนี้กบเป็นอาชีพที่มั่นคงให้กับเราได้ โดยที่เราไม่ต้องออกไปทำงานในที่อื่นๆ สามารถทำเป็นอาชีพเลี้ยงลูกจนเรียนจบไปหมดแล้ว ต้องบอกเลยว่ากบทำเงินให้กับเราได้จริงๆ ให้คุณภาพชีวิตเราดีขึ้นมาจนถึงทุกวันนี้ สำหรับใครที่อยากเลี้ยง การเลี้ยงกบไม่มีอะไรยุ่งยาก มีการจัดการที่ดีก็สามารถทำเป็นอาชีพที่มั่นคงได้อย่างแน่นอน” คุณวันเพ็ญ บอก
สำหรับท่านใดที่อยู่ในจังหวัดใกล้เคียงและต้องการเข้าศึกษาดูงานในเรื่องของการเลี้ยงกบ สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คุณวันเพ็ญ เริงฮัง หมายเลขโทรศัพท์ (081) 056-3514
—————————————
พิเศษ! สมัครสมาชิกนิตยสารเทคโนโลยีชาวบ้าน, มติชนสุดสัปดาห์ และศิลปวัฒนธรรม ลดราคาทันที 40% ตั้งแต่วันนี้ – 30 มิ.ย. 63 เท่านั้น! คลิกดูรายละเอียดที่นี่