ปลูกหน้าวัว เสริมรายได้ในสวนยางพารา

ดอกหน้าวัว (Anthurium spp.) เป็นไม้ดอกเศรษฐกิจสำคัญที่นิยมใช้แพร่หลายในประเทศและส่งออก เพราะเป็นไม้ดอกที่มีหลากสีสันและหลายสายพันธุ์ ใช้ประโยชน์ได้อย่างกว้างขวาง และมีอายุการใช้งานได้นาน

หน้าวัว เสริมรายได้ช่วงฤดูฝน-ราคายางตกต่ำ

ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทอง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดนราธิวาส พบว่า เมื่อนำต้นหน้าวัวปลูกเป็นพืชร่วมในสวนยางพารา ดอกหน้าวัวสามารถเจริญเติบโตและออกดอกได้ดี จึงแนะนำให้เกษตรกรปลูกเป็นพืชร่วมในสวนยางพารา เพื่อเสริมรายได้ในช่วงฤดูฝนที่มีจำนวนวันกรีดน้อยหรือในช่วงที่ราคายางตกต่ำ

ธรรมชาติของหน้าวัว

ดอกหน้าวัว เติบโตได้ดีในแหล่งปลูกที่มีร่มรำไร มีแสงแดดประมาณ 20-30 เปอร์เซ็นต์ และต้องการความชื้นสูง ทั้งนี้ แนะนำให้ปลูกในสวนยางพารา อายุประมาณ 10 ปีขึ้นไป ที่มีปริมาณแสงเพียงพอกับการเจริญเติบโตและออกดอกแล้ว ยังมีเวลายาวนานเพียงพอกับการลงทุน

สายพันธุ์ที่แนะนำปลูก

การปลูกหน้าวัวในสวนยางพารา ควรเลือกใช้สายพันธุ์ไทยที่ต้านทานโรคและทนทานต่อแสงแดด ได้แก่ เปลวเทียนภูเก็ต (สีชมพู) เปลวเทียนลำปาง (สีขาว) หน้าวัวผกามาศ (สีส้ม) และหน้าวัวดวงสมร (สีแดง)

วิธีการปลูก

ต้นดอกหน้าวัว ปลูกได้ไม่ยาก เริ่มจากใช้ต้นพันธุ์ที่มีใบ 3-4 ใบ และมีราก 2-3 ราก นำมาปลูกในแปลงที่เตรียมไว้ โดยใช้กาบมะพร้าวสับเป็นวัสดุปลูกหลัก และใช้เศษอิฐหักผสมบ้างเพื่อกันต้นล้ม นิยมปลูกแถวคู่ โดยปลูกห่างแถวยางพารา 1.75-2 เมตร สำหรับพื้นที่สวนยางพารา 1 ไร่  ปลูกในระยะ 2.5×8 เมตร จะใช้ต้นพันธุ์ปลูกประมาณ 3,200 ต้น หากปลูกในระยะห่าง 3×7 เมตร จะใช้ต้นพันธุ์ประมาณ 2,750 ต้น

การดูแลรักษา

ต้นดอกหน้าวัวที่ปลูกในปีแรก ควรใส่ปุ๋ยเกล็ด สูตร 21-21-21 อัตรา 15 กรัม ผสมน้ำ 20 ลิตร สลับกับปุ๋ยน้ำ สูตร 11-8-6 อัตรา 30 ซีซี ผสมน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นสัปดาห์ละครั้ง ส่วนปีต่อไป ควรใช้ปุ๋ยเกล็ด สูตร 21-21-21 ในอัตราส่วนเท่าเดิม ฉีดพ่นสัปดาห์ละ 1 ครั้ง สลับด้วยปุ๋ยเกล็ด สูตร 10-52-17 อัตรา 30 กรัม ผสมน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นเดือนละ 1 ครั้ง เพื่อเร่งดอก

ในฤดูฝน แปลงปลูกดอกหน้าวัวมักเสี่ยงเจอโรคจากเชื้อรา ระบาดทางใบและดอก เช่น โรคแอนแทรกโนส ควรใช้สารออโธไซด์ฉีดพ่นเพื่อป้องกันหรือในช่วงเป็นโรคเพียงเล็กน้อย อัตรา 50 กรัม ผสมน้ำ 20 ลิตร หากโรคแพร่ระบาดรุนแรง ควรฉีดพ่นสลับด้วยสารอาลีเอท ในอัตรา 30 กรัม ผสมน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่น    2 สัปดาห์ ต่อครั้ง จึงค่อยลดระยะการใช้ห่างออกไป ส่วนฤดูแล้งไม่จำเป็นต้องใช้สารเคมี

การให้น้ำ ช่วงฤดูแล้งควรรดน้ำแปลงปลูกหน้าวัวให้ชุ่มทั้งต้นและวัสดุปลูก ในช่วงเช้าและเย็น ต้นหน้าวัวจะเริ่มออกดอกหลังจากปลูกประมาณ 5-7 เดือน ในปีแรกจะให้ดอกน้อย ในปีถัดไปจึงให้ปริมาณดอกเพิ่มขึ้น เฉลี่ย 22,000 ดอก (ปลูกระยะ 2.5×8 เมตร) และ 16,000 ดอก (ปลูกระยะ3×7 เมตร) ต่อพื้นที่ปลูกยางพารา 1 ไร่

การเก็บเกี่ยว

แนะนำให้ตัดดอกในช่วงเช้า โดยเลือกจานรองดอกที่มีดอกจริงบนจานรองดอก 1/2-3/4 ของจาน ให้สังเกตจากสีของจานรองดอกที่เปลี่ยนไป จะทำให้ดอกที่ตัดมานั้นมีอายุการใช้งานได้นาน ไม่ต่ำกว่า       1 สัปดาห์

ต้นทุนการผลิต

สำหรับพื้นที่ปลูกยางพารา 1 ไร่ การลงทุนในปีแรก จะประกอบด้วยต้นทุน จากค่าต้นพันธุ์ วัสดุปลูก อุปกรณ์ให้น้ำ ปุ๋ย และสารเคมีป้องกันกำจัดโรค เฉลี่ยประมาณ 51,700 บาท (ระยะ2.5×8 เมตร) และ 44,400 บาท (ระยะ 3×7 เมตร) ต่อพื้นที่ปลูกยางพารา 1 ไร่ ซึ่งต้นทุนการผลิตจะแตกต่างกันไปในแต่ละท้องถิ่น ขึ้นอยู่กับราคาขายและพันธุ์

ส่วนปีต่อมา จะมีต้นทุนค่าใช้จ่าย จากค่าปุ๋ยและสารเคมีป้องกันกำจัดโรค เฉลี่ย 2 บาท ต่อต้น หรือประมาณ 6,400 บาท (2.5×8 เมตร) และ 5,500 บาท (ระยะ 3×7 เมตร) ต่อพื้นที่ปลูกยางพารา 1 ไร่

ในปีแรก รายได้จากการตัดดอกมีปริมาณต่ำ เฉลี่ยประมาณ 34,450 บาท (2.5×8 เมตร) และ 29,600 บาท (ระยะ 3×7 เมตร) ต่อพื้นที่ปลูกยาง 1 ไร่ ในปีต่อมาจะมีรายได้เฉลี่ย ประมาณ 80,000 บาท (2.5×8 เมตร) และ 68,750 บาท (ระยะ 3×7 เมตร) ต่อพื้นที่ปลูกยางพารา 1 ไร่

อย่างไรก็ตาม ผู้ปลูกมีโอกาสคืนทุนได้ในปีที่ 2 หลังจากปลูก และจะมีรายได้เพิ่มจากการจำหน่ายต้นพันธุ์ ซึ่งเริ่มขยายพันธุ์ได้ในปีที่ 4-5 เป็นต้นไป

ข้อเสนอแนะ

การปลูกไม้ดอกสกุลหน้าวัวเพื่อเสริมรายได้ในสวนยางพารา เหมาะสมสำหรับสวนยางพาราในบางพื้นที่เท่านั้น โดยพิจารณาถึงตลาดรองรับ นอกจากนี้ เจ้าของสวนควรคำนึงถึงปัจจัยอื่นๆ ด้วย คือ

  1. 1. ควรมี “แหล่งน้ำ” เพียงพอสำหรับดูแลแปลงปลูกในช่วงฤดูแล้ง
  2. 2. ควรมี “แรงงาน” เพียงพอสำหรับการดูแลรักษาแปลงปลูก
  3. 3. เริ่มลงทุนปลูก จากพื้นที่น้อยๆ ก่อน เมื่อมีประสบการณ์เพิ่มมากขึ้นจึงค่อยขยายพื้นที่ปลูกเพิ่มขึ้น เพื่อให้ประสบผลสำเร็จตามที่ต้องการ

เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อวันพุธที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2563