กรมหม่อนไหมประกาศแนวทางรับส่งพันธุ์หม่อน-ไข่ไหมภายใต้พรกฉุกเฉิน

กรมหม่อนไหมประกาศแนวทางการรับ-ส่งพันธุ์หม่อนและไข่ไหมพันธุ์ดี ภายใต้พระราชกำหนดในสถานการณ์ฉุกเฉิน

นายวสันต์ นุ้ยภิรมย์ อธิบดีกรมหม่อนไหม เปิดเผยว่า ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสcorona 2019 (Covid-19) ซึ่งรัฐบาลได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินพ. ศ. 2548  ทั้งนี้ เพื่อให้การปฏิบัติภารกิจในการสนับสนุนพันธุ์หม่อนและไข่ไหมให้กับเกษตรกรผู้ปลูกหม่อนเลี้ยงไหมสามารถปฏิบัติสำเร็จลุล่วงตามเป้าหมาย อันเป็นการทำให้เกษตรกรยังคงมีรายได้จากการผลิตรังไหม เส้นไหม ผ้าไหม และยังมีดักแด้ที่เป็นแหล่งอาหารโปรตีนเพื่อการบริโภคหรือจำหน่าย

โดยที่สถานที่ราชการยังคงเปิดดำเนินการในวันและเวลาราชการตามปกติ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนและมิให้ประชาชนต้องเสียประโยชน์ รวมทั้งได้มีคำแนะนำเกี่ยวกับการเดินทางข้ามเขตพื้นที่จังหวัดที่ให้ประชาชนงดหรือชะลอการเดินทางข้ามเขตพื้นที่จังหวัดในระยะนี้โดยไม่จำเป็น

อธิบดีกรมหม่อนไหม กล่าวต่อไปว่า กรมหม่อนไหมจึงได้กำหนดแนวทางการดำเนินการรับ-ส่งพันธุ์หม่อนและไข่ไหมพันธุ์ดีภายในจังหวัดและนอกจังหวัดรับผิดชอบของศูนย์หม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติฯ ดังนี้  ผู้อำนวยการสำนักงานหม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติฯ เขต ที่กำกับดูแล ออกหนังสือราชการโดยขออนุญาตเดินทางรับส่งพันธุ์หม่อนหรือไข่ไหมให้ผู้รับ-ส่งพันธุ์หม่อนหรือไข่ไหมแสดงต่อเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองเมื่อพบด่านตรวจหรือจุดสกัด

ผู้ที่เดินทางไปรับ-ส่งไข่ไหมให้นำบัตรประชาชนติดตัวอยู่เสมอ ควรมีสุขภาพแข็งแรงไม่มีไข้ ไม่มีโรคประจำตัว ได้แก่ โรคไม่ติดต่อเรื้อรังต่าง ๆ เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดหัวใจและสมอง โรคในระบบทางเดินหายใจ โรคภูมิแพ้ซึ่งมีภูมิคุ้มกันต่ำตามธรรมชาติของโรคและด้วยยาที่ใช้รักษา

นอกจากนี้ ต้องตรวจวัดอุณหภูมิของผู้เดินทางทุกรายก่อนออกปฏิบัติงาน บันทึกข้อมูล ได้แก่ เลขที่คำสั่งปฏิบัติงาน ชื่อ-สกุล ตำแหน่งผู้ไปปฏิบัติงาน สถานที่หรือเป้าหมายในการเดินทาง วันและเวลาที่ออกเดินทางและกลับถึงที่ตั้ง และอุณหภูมิร่างกายของผู้เดินทางก่อนและหลังการเดินทาง  ต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยและถุงมือตลอดเวลาขณะเดินทางและปฏิบัติงาน

 ผู้เดินทางไปรับส่งพันธุ์หม่อนหรือไข่ไหม ไม่ควรเกิน 2 คน (รวมพนักงานขับรถยนต์) การนั่งในรถขนส่งพันธุ์หม่อนหรือไข่ไหมต้องมีระยะห่างระหว่างผู้ร่วมเดินทาง หากพบด่านตรวจหรือจุดสกัดให้แสดงบัตรประชาชนและหนังสือราชการที่ผู้อำนวยการสำนักงานหม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติฯ ที่กำกับดูแล ออกให้ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ทราบเป้าหมายในการเดินทาง ควรเดินทางไปและกลับเพื่อการรับส่งไข่ไหมเท่านั้น ห้ามแวะสถานที่อื่นหากไม่จำเป็น ควรมีการเตรียมน้ำยาล้างมือหรือเจลแอลกอฮอล์ไว้ทำความสะอาดและฆ่าเชื้อเมื่อรู้สึกไม่ปลอดภัย และต้องทำความสะอาดรถยนต์ที่ใช้ขนส่งพันธุ์หม่อนหรือไข่ไหมหลังจากภารกิจเสร็จสิ้นโดยเร็ว

การฉีดพ่นแอลกอฮอล์ เป็นสิ่งที่ต้องระวังมาก ผู้รับไข่ไหม ห้ามฉีดพ่นแอลกอฮอล์บนกล่องหรือซองไข่ไหม ต้องกำหนดเวลารับพันธุ์หม่อนหรือไข่ไหมที่ชัดเจน เพื่อให้การรับ-ส่งพันธุ์หม่อนหรือไข่ไหมมีระยะเวลาในการดำเนินการสั้นที่สุด สถานที่นัดหมายควรที่เป็นที่โล่งไม่แออัด ผ่านการทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว เพื่อให้ปลอดภัยแก่ผู้รับและส่งพันธุ์หม่อนหรือไข่ไหม  นอกจากนี้ ผู้มารับไข่ไหมควรเข้าแถวอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย โดยเข้ามารับไข่ไหม ครั้งละไม่เกิน 2ราย  และเกษตรกรผู้มารับไข่ไหมแต่ละรายควรมีระยะห่างกันอย่างน้อย 2 เมตร ตามมาตรการด้วย อธิบดีกรมหม่อนไหม กล่าว  

สำหรับเกษตรกรที่ออกมารับพันธุ์หม่อนหรือไข่ไหมให้สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ไม่ควรเป็นผู้สูงอายุตั้งแต่ 70 ปีขึ้นไป ไม่ควรนำเด็กเล็กที่มีอายุต่ำกว่า 5  ปีมาด้วย  ไม่มีไข้ ไม่มีโรคประจำตัว  ให้มีการจัดโต๊ะหรือพื้นที่การวางกล่องไข่ไหม  หากเจ้าหน้าที่ไม่มีถุงมือให้ทำความสะอาดมือด้วยแอลกอฮอล์ รอจนแห้งแล้ว จึงหยิบกล่องบรรจุไข่ไหมและเอกสารที่เกี่ยวข้องวางลงบนโต๊ะหรือสถานที่ที่เตรียมไว้ ถอยห่างจากโต๊ะประมาณ 2เมตร แล้วให้ผู้แทนกลุ่มเกษตรกรมารับไข่ไหมและลงนามในเอกสารที่เกี่ยวข้อง

เมื่อเกษตรกรรับไขไหมเรียบร้อยแล้ว ควรทำความสะอาดมือด้วยแอลกอฮอล์เช่นเดียวกัน และหากพื้นที่ใดด่านตรวจหรือจุดสกัดไม่ยินยอมให้ผ่านหรือเข้าพื้นที่ขอให้ระงับการจัดรับส่ง โดยแจ้งให้เกษตรกรผู้รับไข่ไหมทราบ และขอให้เดินทางกลับหน่วยงานทันที