เปิดเคล็ดลับผลผลิตดี ต้นทุนต่ำ ปลอดหนี้ ตามแบบเกษตรกรยุคใหม่จาก “ธำรง ทัศนา” เกษตรกรจังหวัดราชบุรี เจ้าของแปลงนากว่า 50 ไร่

ธำรง ทัศนา

ในปัจจุบัน การทำการเกษตรได้เปลี่ยนแปลงไปในหลายๆ ด้าน เกษตรกรจึงต้องมีการปรับตัวเพื่อให้เข้ากับสถานการณ์ คุณธำรง ทัศนา เกษตรกรจากอำเภอปากท่อ จังหวัดราชบุรี เจ้าของแปลงนาพื้นที่กว่า 50 ไร่ ก็เป็นหนึ่งในเกษตรกรที่มีการปรับตัวได้อย่างเหมาะสม จนกลายเป็นต้นแบบของการพัฒนาอาชีพสู่ความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน พร้อมทั้งนำประสบการณ์ที่สะสมกว่า 20 ปี มาถ่ายทอดให้คนในชุมชนได้เรียนรู้และปฏิบัติตามอีกด้วย

คุณธำรง เริ่มอาชีพเกษตรกรด้วยการสืบทอดอาชีพทำนาต่อจากครอบครัว ด้วยความมุ่งมั่นและใจรัก คุณธำรงได้ศึกษาการทำนาจนมีความเข้าใจและมีองค์ความรู้จนได้รับรางวัลมากมาย เช่น รางวัลเกษตรกรดีเด่นสาขาอาชีพทำนาจังหวัดราชบุรี รางวัลชนะเลิศอันดับ 1 ต้นทุนการผลิตข้าวเฉลี่ยต่อไร่ต่ำสุดระดับประเทศ ปี 2556 เกษตรกรดีเด่น สาขาอาชีพทำนาระดับเขต รางวัลคนดีศรีปากท่อ สาขาเกษตร และรางวัลศูนย์ข้าวชุมชนดีเด่น ระดับประเทศ ปี 2550

เคล็ดลับในการทำนาให้ได้ผลผลิตดีมีคุณภาพของคุณธำรงคือการศึกษาหาความรู้ ทำความเข้าใจทุกขั้นตอนอย่างลึกซึ้ง และใส่ใจทุกรายละเอียด เริ่มตั้งแต่การคัดเลือกเมล็ดพันธุ์ การเตรียมพื้นที่ทำนา การฟื้นฟูบำรุงดิน การเลือกใช้ปุ๋ย และการบริหารจัดการน้ำ โดยคุณธำรง กล่าวว่า “ขอเพียงมีความตั้งใจ ทำงานด้วยใจรัก และมีความรู้เรื่องการดูแลจัดการแปลงนาที่ถูกต้อง ทุกคนจะประสบความสำเร็จได้ไม่ยาก”

เริ่มต้นที่การใช้ “เมล็ดพันธุ์ดี” เพื่อช่วยลดต้นทุน คุณธำรงเลือกใช้เมล็ดพันธุ์ข้าว 3 พันธุ์ ด้วยกัน ได้แก่ พันธุ์หอมปทุมธานี 1 ซึ่งเป็นพันธุ์ข้าวที่แตกกอดี ให้ผลผลิตดี และราคาดี พันธุ์ กข 31 ซึ่งสามารถต้านทานโรคแมลง และผลิตไปเป็นเมล็ดพันธุ์ได้ และพันธุ์สุดท้ายคือพันธุ์ กข 49 ที่ให้ผลผลิตดีและต้านทานโรค นอกจากนี้ ยังต้องหว่านในอัตราส่วน 18-20 กิโลกรัม ต่อไร่ เพื่อไม่ให้หนาแน่นจนเกินไป เพราะจะส่งผลให้ข้าวไม่สามารถแตกกอ กลายเป็นการลงทุนที่สูญเปล่า

การฟื้นฟูบำรุง “ดิน” ก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะดินจะสูญเสียธาตุอาหารเมื่อทำการเกษตรต่อเนื่องเป็นเวลานาน คุณธำรง จะวิเคราะห์ลักษณะของดินและธาตุอาหารที่ดินต้องการ จากนั้นจึงใช้ปุ๋ยคอกมาปรับปรุงโครงสร้างของดิน เพิ่มจุลินทรีย์ ทำให้ดินร่วนซุยและอุ้มน้ำได้ดี แต่ถึงแม้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยอินทรีย์จะมีธาตุอาหารที่พืชต้องการครบถ้วนแต่ก็มีสัดส่วนอยู่น้อย จึงต้องใช้ปุ๋ยเคมีเข้าไปเพิ่มธาตุอาหารให้กับพืช เพิ่มการปลดปล่อยธาตุอาหารให้พืชได้อย่างมีประสิทธิภาพ

“ในท้องตลาดมีปุ๋ยหลากหลาย แต่ผมเลือกใช้ปุ๋ยตรากระต่ายมาตลอด 20 ปี ผมใช้มานานจนมั่นใจในคุณภาพดี เมื่อนำมาใช้ผสมกับปุ๋ยคอกในสัดส่วนที่เหมาะสม จะช่วยให้ต้นข้าวได้รับธาตุอาหารอย่างเต็มที่ เติบโตแข็งแรง และให้ผลผลิตที่ดี” คุณธำรงกล่าว

“ใส่ปุ๋ยให้ถูกสูตร ถูกเวลา” เคล็ดลับผลผลิตดี คุณธำรงใช้ปุ๋ยเคมี 3 สูตร คือ ปุ๋ยสูตรยูเรีย     46-0-0, 16-20-0 และ 0-0-60 มาผสมเองเพื่อให้ได้ธาตุอาหารตามที่พืชต้องการ

ต้นข้าวในแต่ละช่วงวัยต้องการธาตุอาหารที่แตกต่างกัน ต้นข้าวอายุ 25-30 วันต้องการธาตุอาหารประเภทไนโตรเจนและฟอสฟอรัส  คุณธำรงจะใส่ปุ๋ยบำรุงต้นข้าวในอัตราส่วน 30-35 กิโลกรัมต่อไร่ เพื่อเร่งต้นข้าวให้แตกกอ เมื่อต้นข้าวอายุ 55-60 วันจะใส่ปุ๋ยยูเรีย สูตร 46-0-0 อัตรา 10 กิโลกรัม ต่อไร่ เมื่อต้นข้าวเริ่มตั้งท้องจะเน้นใส่ปุ๋ยเคมีที่ให้ธาตุโพแทสเซียมเพื่อบำรุงต้นข้าวไม่ให้ล้มง่าย เพิ่มแป้งให้เมล็ดข้าวเติบโตสมบูรณ์ ได้น้ำหนักดี ขายได้กำไร อีกเคล็ดลับคือการวิเคราะห์และการสังเกตต้นข้าว เมื่อต้นข้าวเขียวแล้วก็สามารถปรับลดการใส่ปุ๋ยยูเรียได้ แต่หากต้นข้าวยังไม่เขียวตามที่ต้องการให้เพิ่มปุ๋ยยูเรียลงไปเพื่อปรับปริมาณธาตุไนโตรเจนในข้าวให้สมดุล

ด้านการบริหารจัดการน้ำ คุณธำรงใช้ระบบการให้น้ำแบบเปียกสลับแห้ง โดยหลังจากใส่ปุ๋ยเคมีลงไปแล้วจะปล่อยให้น้ำแห้งไปเรื่อยๆ พอน้ำแห้งจนดินแตกจึงค่อยเอาน้ำเข้าเพื่อให้ข้าวเจริญเติบโต แข็งแรง รากไม่ดำ ไม่เป็นโรคง่าย เมื่อข้าวตั้งท้องจะเก็บน้ำไว้ให้ต้นข้าว ก่อนจะปล่อยน้ำออกเมื่อใกล้ถึงเวลาเก็บเกี่ยว

ข้อคิดสำคัญที่คุณธำรงอยากฝากถึงเกษตรกรที่เริ่มต้นการทำนาคือ “เราต้องมีความตั้งใจ ทำด้วยใจรัก และมีความรู้ในการทำนาที่ถูกต้อง”

ทั้งนี้ ผู้สนใจเคล็ดลับการทำการเกษตรสามารถติดตามข่าวสารและความรู้เพิ่มเติมได้ทาง  เฟซบุ๊กเพจปุ๋ยตรากระต่าย https://www.facebook.com/puitrakratai/ ปุ๋ยตรากระต่ายขอเป็นอีกแรงสนับสนุนให้เกษตรกรไทยทำนาด้วยใจรัก เพื่อให้ได้ผลผลิตดี นำไปสู่คุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้นอย่างยั่งยืน