“ลิ้นจี่พันธุ์ป้าชิด 2” เนื้อแห้งหนา หวานหอม ผลไม้รสอร่อยของไร่บีเอ็น จังหวัดเพชรบูรณ์

“ลิ้นจี่พันธุ์ป้าชิด 2” เป็นหนึ่งในสินค้าขายดีที่สร้างชื่อเสียงให้กับ ไร่บีเอ็น (BN) ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรสำคัญแห่งหนึ่งของอำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์  ไร่บีเอ็นปลูกและขายที่นี่ พืชผัก ผลไม้นานาชนิดตามฤดูกาล ที่นี่เป็นแหล่งรวบรวมสายพันธุ์ลิ้นจี่นานาพันธุ์ที่มาจากประเทศจีน เช่น พันธุ์กุ้ยบี พันธุ์จุดบิจี๊ ควบคู่กับการพัฒนาสายพันธุ์ลิ้นจี่จากการเพาะเมล็ด จนประสบความสำเร็จได้ลิ้นจี่พันธุ์ใหม่ที่เจริญเติบโตได้ดีกับสภาพอากาศของเมืองไทย เช่น พันธุ์ป้าชิด พันธุ์ป้าอี๊ด พันธุ์ลุงเจิด ซึ่งมีลักษณะเด่นคือ ผลโต เนื้อแห้งหนา รสหวานหอม เมล็ดลีบเล็ก จำหน่ายผลผลิตให้ผู้สนใจได้ลิ้นลองรสชาติความอร่อย ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม-เดือนกรกฎาคมของทุกปี 

คำว่า “ลิ้นจี่พันธุ์ป้าชิด 2” มาจากชื่อคุณแม่ ของ คุณโจ้ หรือ คุณจุลพงษ์ คุ้นวงศ์ ผู้จัดการไร่ บี.เอ็น. นั่นเอง ลิ้นจี่พันธุ์ป้าชิด 2 มีคุณภาพดีเหมาะสำหรับปลูกเชิงเกษตรอุตสาหกรรม เพราะให้ผลผลิตคุณภาพดี และติดผลง่ายกว่าลิ้นจี่พันธุ์อื่นๆ นอกจากนี้ ยังมีลักษณะเด่นที่โดนใจผู้บริโภคทั่วไป นั่นคือ ผลโต มีรสชาติหวานกรอบ เนื้อแห้งหนา มีเมล็ดเล็กลีบ

ลิ้นจี่ป้าชิด 2 ผลโตมากๆ มีรสชาติอร่อยหวานฉ่ำ

ที่ผ่านมาทางไร่บีเอ็นคัดผลผลิตลิ้นจี่ออกขาย 2 เกรด คือ เกรดพรีเมียร์ เน้นคัดผลสวย เมล็ดลีบเล็ก และตัดก้านสั้น และสินค้าเกรดเอ คัดผลสวย มีก้าน เมล็ดขนาดปกติแต่มีรสชาติอร่อยเหมือนเกรดพรีเมียร์ ไปวางขายในตลาดไฮเปอร์มาร์เก็ต เช่น Gourmet Market และ Home Fresh Mart หลายคนคงเคยเห็นลิ้นจี่พันธุ์ป้าชิด บรรจุในเข่งไม้ไผ่วางขาย ติดยี่ห้อไร่บีเอ็นมาบ้างแล้ว รสชาติความอร่อยของลิ้นจี่พันธุ์ป้าชิด เป็นที่ถูกอกถูกใจผู้ซื้อทั้งคนไทยและต่างชาติ

ไร่บีเอ็น ขยายพื้นที่การปลูกลิ้นจี่ป้าชิด เพื่อป้อนตลาดส่งออกโดยเฉพาะ ตลาดญี่ปุ่นและจีน ซึ่งเป็นตลาดผู้ซื้อรายใหญ่ โดยมั่นใจว่า คุณภาพลิ้นจี่พันธุ์ป้าชิดสู้กับลิ้นจี่จีนได้อย่างสบาย เพราะได้เปรียบในเรื่องช่วงการขาย เนื่องจากลิ้นจี่พันธุ์ป้าชิดมีผลผลิตออกก่อนลิ้นจี่จีนถึง 1 เดือน (มิถุนายน-กรกฎาคม) ขณะที่ลิ้นจี่จีนมีผลผลิตเข้าสู่ตลาดในช่วงปลายเดือนกรกฎาคม-สิงหาคมของทุกปี 

ลิ้นจี่พันธุ์ป้าชิด เนื้อแห้งหนา รสหวานหอม เมล็ดลีบเล็ก
ลิ้นจี่ป้าชิด 2 ให้ผลดก คุ้มค่ากับการลงทุน

จัดการสวนเชิงเกษตรอุตสาหกรรม

เนื้อที่ 60 ไร่ บริเวณด้านหน้าไร่บีเอ็น ปลูกต้นลิ้นจี่พันธุ์ป้าชิด 2 และพันธุ์ป้าอี๊ด ในช่วงที่ต้นลิ้นจี่มีผลผลิต ทางไร่จะเปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวที่สนใจซื้อลิ้นจี่เข้ามาเก็บผลผลิตจากต้นได้อย่างสนุกสนาน สำหรับลิ้นจี่พันธุ์ป้าอี๊ด มีลักษณะเด่นในเรื่อง ผลกลมโต หนามแหลม รสหวาน เนื้อสวยใส เมล็ดลีบเล็ก ลิ้นจี่พันธุ์นี้ มีรสชาติอร่อยไม่แพ้พันธุ์กุ้ยบี ซึ่งเป็นลิ้นจี่พันธุ์ดีที่สุดของจีน แต่จุดอ่อนสำคัญของลิ้นจี่พันธุ์ป้าอี๊ดคือ ติดผลยาก หากอากาศไม่หนาวเย็นเพียงพอ

ไร่บีเอ็น เน้นดูแลจัดการสวนในเชิงเกษตรอุตสาหกรรม โดยนำเทคโนโลยีเครื่องจักรกลเข้ามาใช้ดำเนินงาน เช่น ใช้รถตัดหญ้า รถพ่นยา ให้ปุ๋ยพร้อมกับการให้น้ำผ่านระบบสปริงเกลอร์ เปิดให้น้ำทุกๆ 4 วัน การดูแลสวนลิ้นจี่ในรูปแบบนี้จึงสะดวก รวดเร็ว ช่วยประหยัดเวลาและแรงงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

คุณจุลพงษ์ และ คุณชลธิชากร คุ้นวงศ์ สองพี่น้องผู้บริหารไร่ บี.เอ็น.

ปลูกต้นลิ้นจี่ระยะชิด

เดิมไร่บีเอ็น ปลูกต้นลิ้นจี่ในระยะห่าง 8×8 เมตร ต่อมา ปรับวิธีการปลูกลิ้นจี่ใหม่เป็นระยะชิด เช่นเดียวกับการปลูกลิ้นจี่ของจีน โดยทดลองปลูกลิ้นจี่ในระยะห่าง 3×3.50 เมตร จำนวน 150 ต้น ในพื้นที่ 1 ไร่ เมื่อต้นลิ้นจี่อายุ 1 ปีครึ่ง จะดูแลควบคุมทรงต้นไม่ให้สูงเกิน 2 เมตร เพื่อให้ง่ายต่อการดูแลจัดการสวน ต้นลิ้นจี่ที่ปลูกในระยะชิด ผลิดอกออกผลได้เร็วขึ้นกว่าเดิม โดยเริ่มให้ผลผลิตครั้งแรกเมื่ออายุปลูกเพียงปีเศษเท่านั้น ทางไร่บีเอ็นได้ประยุกต์เทคนิคการควั่นกิ่งจากจีน มาใช้ในช่วงที่ต้นลิ้นจี่ติดผล สามารถลดปัญหาผลร่วง และช่วยให้ต้นลิ้นจี่มีรสชาติดีขึ้น 

“ป้าชิด 2” หนึ่งในสายพันธุ์ลิ้นจี่คุณภาพดีของไทย

ลิ้นจี่ต้นเตี้ย ดูแลง่าย

ไร่บีเอ็นปลูกต้นลิ้นจี่พันธุ์ป้าชิด และพันธุ์ป้าอี๊ดไว้หลายรุ่น ต้นลิ้นจี่มีอายุตั้งแต่ 10-40 ปี สำหรับต้นลิ้นจี่ที่มีอายุมากถึง 40 ปี กลับมีลักษณะต้นเตี้ย เพียง 3 เมตรกว่า เมื่อเทียบกับต้นลิ้นจี่ในสวนทั่วไป ที่มักมีความสูงประมาณ 7-8 เมตร เนื่องจากต้นลิ้นจี่ในไร่บีเอ็นผ่านการทำสาวมาแล้วนั่นเอง สามารถลดค่าใช้จ่ายในการดูแลต้นลิ้นจี่แบบเดิมลงได้ถึง 80%

ไร่บีเอ็นเรียนรู้เทคนิคดูแลจัดการ “ทำสาวต้นลิ้นจี่” ให้ต้นเตี้ยลง จาก “พ่อหลวงมนัส” เจ้าของสวนลิ้นจี่ศรินทิพย์ อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย โดยเน้นตัดแต่งกิ่งอย่างหนักหลังจากที่เก็บเกี่ยวผลผลิตเสร็จในแต่ละปี กิ่งที่ความสูงเกิน 3 เมตร จะตัดออกทั้งหมดเพื่อให้ต้นลิ้นจี่สามารถรับแสงแดดได้ง่ายขึ้น

กิ่งน้ำค้าง หรือกิ่งกระโดง ที่อยู่กลางทรงพุ่ม

หลังจากนั้น ต้นลิ้นจี่จะแตกกิ่งออกมาเป็นจำนวนมากจะต้องคัดเลือกตัดแต่งทิ้งอีกรอบ สำหรับกิ่งที่แตกออกด้านข้างจะเก็บไว้ตลอด แต่กิ่งน้ำค้าง หรือกิ่งกระโดง ที่อยู่สันกิ่ง ตรงกลางทรงพุ่ม จะเก็บไว้ในช่วงแรกไม่เกิน 2 ปี หลังจากนั้น จะตัดกิ่งออก เพื่อให้ลำต้นแบกน้ำหนักกิ่งน้อยลง เทคนิคการตัดแต่งกิ่งดังกล่าว ช่วยให้ต้นลิ้นจี่ติดผลทั้งในทรงพุ่มและที่ปลายทรงพุ่ม ผลผลิตที่อยู่ภายในทรงพุ่มจะมีคุณภาพที่ดีกว่าปลายทรงพุ่มด้วยซ้ำไป การดูแลตัดแต่งให้ลิ้นจี่ให้มีลำต้นเตี้ยลง ช่วยให้ต้นลิ้นจี่เติบโตได้ดีขึ้นด้วยเพราะต้นลิ้นจี่สามารถดูดกินน้ำและแร่ธาตุได้ดีกว่าเดิม ให้ผลผลิตเร็วขึ้น และได้ผลผลิตคุณภาพดีแล้ว ยังช่วยให้คนงานดูแลเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ง่ายขึ้น ประหยัดเวลาและแรงงานไปพร้อมๆ กัน

เทคนิคการค้ำกิ่ง

ต้นลิ้นจี่อายุ 40 ปี ที่ผ่านการทำสาว จนมีลักษณะต้นเตี้ย เมื่อเวลาติดผล พวงลิ้นจี่จะห้อยติดถึงดินเลย ซึ่งจะทำให้ผลผลิตมีคุณภาพไม่ดี จึงต้องเสียเวลาค้ำกิ่งด้วยไม้ไผ่ และหลังสิ้นสุดฤดูเก็บเกี่ยวก็ต้องเสียเวลาเก็บไม้ไผ่ มิฉะนั้นจะตัดหญ้าไม่ได้ ดังนั้น การค้ำไม้ไผ่เป็นเรื่องที่เสียทั้งเวลาและค่าใช้จ่ายจำนวนมากในแต่ละปี

ปักเสาปูนใกล้ต้นลิ้นจี่ เพื่อทำหน้าที่ดึงกิ่ง แทนการใช้ไม้ไผ่ค้ำยัน

ไร่บีเอ็น ใช้วิธีฝังเสาปูนตรงกลางต้นลิ้นจี่ และติดสายสลิงเพื่อโยงดึงกิ่ง แทนการค้ำกิ่งด้วยไม้ไผ่เหมือนในอดีต เทคนิคการค้ำกิ่งแบบนี้ ใช้เงินลงทุนต่ำแต่ให้ผลลัพท์ที่ดีมาก เพราะจ่ายค่าเสาปูนแค่ต้นละพันกว่าบาทเท่านั้น แต่มีอายุการใช้งานได้นานหลายสิบปี ช่วยประหยัดเวลาการทำงานและลดต้นทุนค่าใช้จ่ายได้ก้อนโต ไอเดียนี้น่าสนใจ สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับไม้ผลอื่นๆ ได้เช่นกัน

หากใครสนใจอยากแลกเปลี่ยนข้อมูลการปลูกลิ้นจี่ สามารถเดินทางเข้าไปเยี่ยมชมสวนลิ้นจี่ ของไร่บีเอ็น (BN) ได้ที่ ตำบลแคมป์สน อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ เปิดให้ชมทุกวัน เวลา 08.30-17.00 น. สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ Call Center : (096) 879-0324 และ Line ID : bn.1969

 ………………………………………

พิเศษ! สมัครสมาชิกนิตยสารเทคโนโลยีชาวบ้าน, มติชนสุดสัปดาห์ และศิลปวัฒนธรรม ลดราคาทันที 40% ตั้งแต่วันนี้ – 30 มิ.ย. 63 เท่านั้น! คลิกดูรายละเอียดที่นี่