ข้าวโพดหวานภาคเหนือตีตลาด70ประเทศ”ซันสวีท”เพิ่มโปรดักต์ใหม่ปั๊ม2พันล้าน-มุ่งสมาร์ทฟาร์ม

“ซันสวีท” ผู้ส่งออกข้าวโพดหวานเบอร์ 1ของประเทศ ปลื้มผลประกอบการปี”59 แตะ 1,500 ล้าน ชี้ธุรกิจอาหารในตลาดโลกยังโตไม่หยุด ตั้งเป้าปี”60 ยอดส่งออกพุ่ง 2,000 ล้านจากฐานลูกค้า 70 ประเทศ ลุยเพิ่มไลน์ผลิตสินค้าใหม่ส่ง “ถั่วขาวในซอสมะเขือเทศ” นำร่องวางจำหน่ายห้าง San-A เมืองโอกินาวา ญี่ปุ่น เผยเตรียมนำสินค้ากลุ่มน้ำนมข้าวโพด ข้าวโพดคลุกเนย ข้าวโพดปิ้ง เปิดตลาดกลางปีนี้ พร้อมทุ่ม 200 ล้านใช้หุ่นยนต์ช่วยทำงาน มุ่งสู่สมาร์ทฟาร์มเบอร์ 1 ส่งออกข้าวโพดหวาน

นายองอาจ กิตติคุณชัย ประธานกรรมการ บริษัท ซันสวีท จำกัด ผู้ผลิตและส่งออกข้าวโพดหวานรายใหญ่อันดับหนึ่งของประเทศไทย ภายใต้แบรนด์ “KC” มีฐานการผลิตอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผย”ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ภาพรวมการส่งออกข้าวโพดหวานของบริษัทและสินค้าในเครือในปี 2559 เติบโตขึ้นตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยมียอดขายมากกว่า 1,500 ล้านบาท แบ่งเป็นการส่งออก 80% และขายในประเทศ 20% ซึ่งแม้ว่าในปีที่ผ่านมาจะมีปัจจัยเรื่องสภาพภูมิอากาศที่ร้อนและภาวะแล้ง แต่ก็สามารถซ่อมแซมและแก้ปัญหาวัตถุดิบไม่ให้เกิดความเสียหายได้

ขณะที่ความต้องการด้านอาหารของตลาดโลกยังเพิ่มสูงขึ้นจึงเป็นผลให้ยอดการส่งออกของบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปีโดยมีวัตถุดิบข้าวโพดหวานที่ส่งออกในปีที่ผ่านมาราว1แสนตันสำหรับปี 2560 ตั้งเป้ายอดส่งออกข้าวโพดหวานและสินค้าในเครือไว้ที่ 2,000 ล้านบาท ตามคำสั่งซื้อสินค้าที่เพิ่มขึ้น และการเพิ่มไลน์การผลิตสินค้าใหม่ออกสู่ตลาดอีกหลายชนิด ทำให้มั่นใจว่ายอดขายในปีนี้จะเป็นไปตามที่กำหนดไว้

“สินค้าหลักที่ได้รับความนิยมสูงสุด ได้แก่ ข้าวโพดหวานชนิดเมล็ดบรรจุกระป๋องพร้อมรับประทาน ข้าวโพดหวานชนิดฝักในถุงสุญญากาศพร้อมรับประทาน ซึ่งมีฐานตลาดลูกค้าราว 300 ราย อยู่ใน 70 ประเทศทั่วโลก และข้าวโพดหวานแช่แข็ง (Frozen) ชนิดเมล็ดบรรจุถุง มีตลาดหลักคือญี่ปุ่นและอิหร่าน”

ส่งออกเบอร์หนึ่ง – ผลิตภัณฑ์ข้าวโพดหวานแบรนด์ KC ของกลุ่มบริษัทซันสวีท เชียงใหม่ ส่งออกไปจำหน่ายใน 70 ประเทศทั่วโลก โดยสินค้ายอดฮิต ได้แก่ ข้าวโพดหวานชนิดเมล็ดบรรจุกระป๋อง และชนิดฝักในถุงสุญญากาศพร้อมรับประทาน ล่าสุดยังได้เพิ่มไลน์ผลิตถั่วขาวในซอสมะเขือเทศเจาะตลาดญี่ปุ่น

เพิ่มไลน์การผลิตเปิดตลาดใหม่

นายองอาจกล่าวว่า ในปี 2560 ได้เพิ่มไลน์การผลิตสินค้ากลุ่มอาหารหลายชนิด อาทิ ถั่วขาวในซอสมะเขือเทศ ซึ่งได้นำเข้าซอสมะเขือเทศมาจากออสเตรเลีย และเมล็ดถั่วขาวแห้งจากสหรัฐอเมริกา โดยผลิตที่โรงงานซันสวีทเชียงใหม่ ถือเป็นไลน์ผลิตใหม่นอกเหนือจากข้าวโพด ตลาดแรกที่เริ่มเปิดคือ ญี่ปุ่น ล่าสุดบริษัทได้ทำสัญญาซื้อขายกับห้างสรรพสินค้า San-A ซึ่งเป็นช็อปปิ้งมอลล์ขนาดใหญ่ในเมืองโอกินาวา ขณะเดียวกันก็เตรียมขยายตลาดสินค้ากลุ่มนี้ไปยังฐานลูกค้าเดิมที่มีอยู่ราว 300 ราย ใน 70 ประเทศ

นอกจากนี้ยังได้เตรียมนำสินค้ากลุ่ม Cooking Corn หรือสินค้าที่ผลิตจากข้าวโพด นำออกจำหน่ายทั้งต่างประเทศและในประเทศ อาทิ น้ำนมข้าวโพดพร้อมดื่ม ข้าวโพดคลุกเนย และข้าวโพดปิ้ง ซึ่งทั้งหมดผ่านการทำวิจัยและพัฒนา (R&D) แล้ว คาดว่าจะเริ่มเปิดตลาดได้ประมาณกลางปี 2560 นี้

Advertisement

นายองอาจกล่าวต่อว่า ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา บริษัทได้ขยายไลน์ทำข้าวสารบรรจุถุงภายใต้แบรนด์ KC โดยจ้างโรงสีข้าวในจังหวัดแถบภาคกลางเป็นผู้ผลิตให้ และส่งออกไปยังประเทศกลุ่มเซาท์แอฟริกา ซึ่งมีความต้องการข้าวเป็นจำนวนมาก มีมูลค่าส่งออกเฉลี่ยต่อปีราว 20-30 ล้านบาท

Advertisement

นอกจากนี้ ยังมีไลน์การผลิตผักปลอดภัยภายใต้แบรนด์ KC 10 ชนิด วางจำหน่ายในห้างริมปิงซูเปอร์มาร์เก็ต ซึ่งเป็นห้างท้องถิ่นในจังหวัดเชียงใหม่ มีมูลค่าการขายต่อปี 1-2 ล้านบาท ซึ่งในอนาคตก็มีแผนจะพัฒนาไปสู่ผักออร์แกนิก ขณะเดียวกันในช่วงนี้ (มกราคม-มีนาคม) เป็นฤดูการผลิตหอมหัวใหญ่ มีแหล่งปลูกใหญ่อยู่ที่อำเภอสันป่าตองและแม่วาง โดยปีนี้มียอดส่งออก 20-50 ตู้คอนเทนเนอร์ มูลค่าราว 20 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของข้าวโพดหวานยังคงเป็นสินค้ากลุ่มหลักที่มีสัดส่วนการส่งออก 70-80% คาดว่าวัตถุดิบข้าวโพดหวานที่ส่งออกในปีนี้จะเพิ่มขึ้นราว 30% หรือ 130,000 ตัน ซึ่งปัจจุบันมีเกษตรกรที่เข้าร่วมทำ Contract Farming หรือเกษตรพันธสัญญากับบริษัทกว่า 20,000 ราย ครอบคลุมพื้นที่ในเขตภาคเหนือตอนบนและล่าง พื้นที่ปลูกทั้งหมด 50,000-100,000 ไร่

ทุ่ม 200 ล้านใช้หุ่นยนต์ช่วยทำงาน

นายองอาจกล่าวว่า ปีนี้บริษัทได้ลงทุนราว 200 ล้านบาท ในการนำเข้าเครื่องจักรเทคโนโลยีทันสมัย เพื่อช่วยระบบการทำงานภายในโรงงานทั้งชุดฆ่าเชื้อและชุดแพ็กกิ้ง ซึ่งจะทำให้ระบบการผลิตมีมาตรฐานสูงมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะได้นำเข้าหุ่นยนต์จำนวน 2 ตัว ตัวละ 3-5 ล้านบาทจากประเทศเยอรมนี เพื่อช่วยยกของภายในโรงงาน สามารถช่วยให้ระบบการทำงานมีความเสถียรและลดต้นทุนการใช้แรงงานได้ถึง 50% โดยแรงงาน 50% ที่หุ่นยนต์มาทำงานแทนนั้น ก็ได้ปรับเปลี่ยนไปทำงานในส่วนอื่นแทน แต่ไม่ได้มีการปรับลดหรือเลิกจ้างงาน เนื่องจากกำลังขยายงานเพิ่มขึ้นหลายส่วน แรงงานจึงยังมีความจำเป็นและยังต้องการเพิ่มขึ้นด้วย

ฟาร์มอัจฉริยะ KC Smart Farm

นายองอาจกล่าวด้วยว่า ระบบแปลงเพาะปลูกข้าวโพดหวานแบบแม่นยำในรูปแบบฟาร์มอัจฉริยะ หรือ Smart Farm มีความสำคัญมาก โดยเริ่มทำโครงการ Smart Farm ตั้งแต่ปี 2555 กระบวนการจะเริ่มจากการนำดินในพื้นที่เกษตรกรปลูกข้าวโพดหวานมาวิเคราะห์ธาตุอาหารหลักในดิน (N-P-K) การปลูกจะใช้วิธีการย้ายกล้าเพื่อให้ได้จำนวนต้นต่อไร่มากขึ้นตามเกณฑ์ที่กำหนด การวางระบบน้ำหยดในแปลงปลูกข้าวโพดหวานเพื่อให้ต้นข้าวโพดหวานได้รับความชื้นที่เหมาะสมและสามารถให้ปุ๋ยทางระบบน้ำหยดซึ่งประหยัดต้นทุนและเป็นการใส่ปุ๋ยที่มีคุณภาพได้ทำให้ผลผลิตเพิ่มขึ้น2,800-3,500กิโลกรัมต่อไร่

ทั้งนี้ระบบการชลประทาน เป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับการเพาะปลูกพื้นที่แปลงขนาดใหญ่ ซึ่งปริมาณของผลผลิตมีความสัมพันธ์กับระดับความชื้นในดินโดยตรง ดังนั้นระบบควบคุมการให้น้ำแบบอัตโนมัติ ที่มีความเที่ยงตรงและแม่นยำ ทำให้ได้ผลผลิตและคุณภาพที่สูงขึ้น ซึ่งบริษัทได้มีการประยุกต์ใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่หาได้ในประเทศนำมาพัฒนาเป็นชุดอุปกรณ์ตรวจวัดค่าความชื้นในดินและมีระบบเปิด-ปิดจ่ายน้ำในพื้นที่นั้นๆอย่างแม่นยำ

ที่มา ประชาชาติธุรกิจออนไลน์