บัณฑิตเกษตร พระจอมเกล้าฯ ลาดกระบัง ทำปศุสัตว์ผสมพืชผักสวนครัว สร้างรายได้ มีเงินเก็บ

ปัจจุบันมีผู้คนมากมายที่กำลังหาคำตอบและหาความสุขให้กับตัวเอง ด้วยการกลับมาทำงานอยู่กับครอบครัวมากขึ้น โดยอาชีพหลักที่ลงมือทำคือ การทำเกษตร เพราะมีหลายท่านส่วนใหญ่จะมีที่ดินเป็นของตนเอง จึงได้กลับมาทำการพัฒนาที่ดินให้มีการทำเกษตรที่ครบวงจร สามารถสร้างรายได้พร้อมกับไม่ต้องอยู่ห่างครอบครัวไปทำงานตามที่ไกลๆ การเป็นนายตัวเองด้านการเกษตรคือสิ่งที่ตอบโจทย์

คุณอาทิตย์ แป้นเมือง

คุณอาทิตย์ แป้นเมือง อยู่บ้านเลขที่ 171 หมู่ที่ 10 ตำบลหนองบุนนาก อำเภอหนองบุญมาก จังหวัดนครราชสีมา จบการศึกษาปริญญาตรี สาขาสัตวศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง และศึกษาปริญญาโท MPA. กรุงเทพธนบุรี เขาได้มองหาความสุขให้กับตัวเองด้วยการมาทำการเกษตรในแบบที่เขาได้ร่ำเรียนมา คือการทำฟาร์มปศุสัตว์ผสมผสานกับการปลูกพืชผักสวนครัว ตามแนวหลักเศรษฐกิจพอเพียง จึงทำให้เขาพบตัวตนว่าชอบทำการเกษตรและมีความสุขที่ได้อยู่กับครอบครัว

พื้นที่ปลูกหญ้าให้โคกิน

ก่อนมาทำเกษตร
ผ่านงานรับราชมา 8 ปี

คุณอาทิตย์ เล่าให้ฟังว่า เมื่อจบการศึกษาในระดับปริญญาตรีแล้วได้ไปทำงานบริษัทเอกชนอยู่ประมาณ 1 ปี จากนั้นได้สมัครสอบรับราชการทหารเพื่อทำตามความตั้งใจของคุณพ่อคุณแม่ เมื่อสอบติดแล้วทำงานรับราชการทหารอยู่ประมาณ 8 ปี ในระหว่างนั้นเริ่มเกิดความคิดขึ้นมาในใจว่า สิ่งที่กำลังทำอยู่นี้ไม่ตอบโจทย์กับการศึกษาที่ได้เล่าเรียนมา จึงเริ่มหาคำตอบและมองว่าที่จริงตัวเขาเองนั้นชอบอะไรกันแน่ ทำให้ตัดสินใจลาออกจากราชการทหารมาทำการเกษตรด้านปศุสัตว์ผสมผสานกับการปลูกพืชผักสวนครัว

พื้นที่บ้านพักให้นักท่องเที่ยวได้เรียนรู้วิถีชีวิตเกษตรกร

“พอเรารู้สึกว่าการทำงานแบบประจำไม่ใช่คำตอบของเรา เลยตัดสินใจลาออกมาทำการเกษตรที่บ้านเลย เพราะอยากเป็นนายตัวเอง ช่วงแรกที่ลาออกมาบอกเลยว่าเคว้งคว้างมาก เจอคนรอบข้างกดดันเราทุกอย่าง เพราะทุกคนมองว่าเรามีงานประจำรับราชการดีอยู่แล้ว แต่ทำไมกลับลาออกมาทำเกษตร แต่เราก็ไม่ท้อไม่หมดกำลังใจ เพราะเรามองว่าเราชอบทางด้านนี้ ดังนั้น เราต้องเอาวิชาความรู้ที่มี มาทำงานเกษตรให้เกิดประโยชน์ เพื่อพิสูจน์ให้คนเห็นว่าเราต้องทำได้ จึงเริ่มจับทางมาขายอาหารสัตว์ก่อน และเลี้ยงโคเนื้อ เลี้ยงไก่ไข่ ผสมผสานเข้าด้วยกันก็เกิดรายได้และทำกินบนที่ดินของเราได้มาจนถึงทุกวันนี้” คุณอาทิตย์ เล่าถึงที่มาของชีวิตในอดีต

พื้นที่ให้โคเดินเล่น

ปศุสัตว์ผสมพืชผักสวนครัว
เกื้อหนุนกันได้ดี
คุณอาทิตย์ เล่าถึงหลักการทำปศุสัตว์ให้ฟังว่า ในพื้นที่ที่เขาอยู่นั้นมีการทำเกษตรเชิงเดี่ยวเพียงอย่างเดียว บางครั้งเมื่อผลผลิตทางการเกษตรราคาตกต่ำ ทำให้ไม่สามารถจำหน่ายได้ราคาทำให้ขาดทุนได้ จึงได้ศึกษาการทำเกษตรหลายๆ อย่างมาผสมผสานเข้าด้วยกัน ประกอบกับตัวเขาเองเรียนจบทางการสัตวศาสตร์มีความรู้ในด้านนี้ พร้อมกับเปิดร้านจำหน่ายอาหารสัตว์อยู่ด้วย จึงทำให้แบ่งพื้นที่ดินของบ้านเกิดใช้สำหรับเลี้ยงโคเนื้อ ไก่ไข่ ปลูกผักสวนครัว และปลูกหญ้าให้โคกิน พร้อมกับสถานที่อยู่สร้างเป็นแหล่งท่องเที่ยวอีกด้วย คือสร้างบ้านหลังเล็กๆ ให้นักท่องเที่ยวได้เข้ามาพักและเรียนรู้การทำเกษตร

โคพันธุ์แองกัสที่เลี้ยง

“ช่วงแรกพอลาออกมาทำธุรกิจอาหารสัตว์ก่อน พอเริ่มมีทุนมีผลกำไร เราก็เอากำไรนั้นมาต่อยอดซื้อโคมาเลี้ยง โดยแบ่งพื้นที่ให้เหมาะสม ทั้งการทำคอก พื้นที่ปลูกหญ้าจะช่วยให้เราประหยัดต้นทุนได้มากขึ้น พร้อมกับทำที่พักสำหรับคนอยากเรียนรู้วิถีทางการเกษตรก็เข้ามาพักได้ พอเราเริ่มลงมือทำหลายๆ อย่าง สรุปมันไปได้ และทำให้หลายๆ คนที่เคยว่าเรา เห็นว่าการเกษตร หากเราทำอย่างจริงจัง มันสามารถไปได้และมีรายได้เห็นผลจริง” คุณอาทิตย์ บอก

โดยโคเนื้อที่เลี้ยงเป็นพันธุ์แองกัสสำหรับสร้างรายได้รายปีเพื่อเป็นเงินเก็บ ส่วนไก่ไข่และพืชผักสวนครัวสำหรับสร้างรายได้ประจำวันนำมาใช้จ่ายภายในครัวเรือน ซึ่งการทำเกษตรผสมผสานในลักษณะนี้สามารถสร้างรายได้หลากหลายช่องทาง

ตัดหญ้าให้โคกิน

 

ส่วนอาหารที่ใช้สำหรับเลี้ยงโคนั้น คุณอาทิตย์ บอกว่า มีพื้นที่ปลูกหญ้าเป็นของตนเอง โดยหญ้าที่ปลูกสามารถช่วยลดต้นทุนการผลิตได้เป็นอย่างดี ส่วนไก่ไข่ก็จะใช้อาหารที่เหลือจากครัวเรือนมาให้ไก่กิน และมูลสัตว์ต่างๆ ที่ได้จากการเลี้ยง จะนำมาทำเป็นปุ๋ยคอกสำหรับใส่ลงในแปลงปลูกผัก จึงทำให้การทำเกษตรเกื้อหนุนซึ่งกันและกัน เมื่อมีผลผลิตออกมาจึงทำกำไรได้สูงขึ้น

“อย่างโคที่เราเลี้ยงนี่ต้องบอกก่อนว่า เราต้องดูว่าสายพันธุ์ไหนสามารถทำผลกำไรได้ ตลาดในพื้นที่ต้องการโคแบบไหน เราก็จะเลี้ยงโคสายพันธุ์นั้นๆ พื้นที่นี้ค่อนข้างชอบโคที่เป็นสายพันธุ์ยุโรป จากนั้นนำน้ำเชื้อเข้ามาผสมพันธุ์เองภายในฟาร์ม เมื่อได้ลูกพันธุ์ออกมาแล้ว มีคุณภาพสวยก็จะช่วยให้ขายได้ง่ายขึ้น ในอนาคตผมอยากจะเลี้ยงอเมริกันบราห์มันเลือดร้อยเข้ามาด้วย ก็จะพัฒนาการเลี้ยงให้มากขึ้น พัฒนาสายพันธุ์ให้ดี เพื่อที่ตลาดในอนาคตจะกว้างขึ้นและสร้างรายได้ มีเงินเก็บจากแผนการผลิตที่เราวางไว้” คุณอาทิตย์ บอก

ผลผลิตที่มีในฟาร์ม
สามารถขายได้เงินทั้งหมด
ในเรื่องของการทำตลาดเพื่อจำหน่ายสินค้าทางการเกษตรที่มีอยู่ในฟาร์มนั้น คุณอาทิตย์ บอกว่า โคเนื้อส่วนใหญ่จะเน้นจำหน่ายให้กับเกษตรกรที่อยู่ในพื้นที่ โดยการซื้อขายจะตกลงราคากันอยู่ที่ความพอใจ ไม่มีการซื้อขายผ่านพ่อค้าคนกลางก็จะช่วยให้จำหน่ายได้ราคาสูงขึ้น ซึ่งเขามองว่าโคในปัจจุบันไม่จำเป็นต้องใช้พื้นที่เยอะในการเลี้ยง มีการจัดสรรที่ดินที่เหมาะสมก็ช่วยให้มีรายได้เป็นเงินเก็บได้ ส่วนไก่ไข่และพืชผักสวนครัวเป็นรายรับรายวันรายสัปดาห์ ช่วยให้มีเงินมาหมุนเวียนเป็นค่าใช้จ่ายเล็กๆ น้อยๆ ในครัวเรือนได้

“ช่วงแรกต้องพูดตามความเป็นจริงว่า เคว้งไหมที่เรามายึดอาชีพนี้ เคว้งมากเพราะมีความกังวลสูง แต่เมื่อเราทำอย่างจริงจัง ทำเพราะเราชอบในวิชาชีพที่เราเรียนจบมา มันก็สามารถทำได้และเห็นผลได้ทันที โดยเราพึ่งพาตัวเองได้ มีสัตว์เลี้ยงไว้ทำเป็นเงินเก็บ มีพืชผักไว้ใช้จ่ายรายวัน อย่างโคเนื้อแองกัสเป็นโคสาว ราคาขายอยู่ที่ 60,000 บาท ต่อตัว ส่วนพืชผักกับไข่ไก่ก็ได้เงินหลักร้อยต่อวัน เมื่อมองแล้วเราสามารถอยู่ได้ เพราะฉะนั้น ยุคนี้การทำเกษตรแบบผสมผสานคือคำตอบ อย่างการเลี้ยงสัตว์ต้องไม่เลี้ยงเพียงอย่างเดียว แต่ต้องมีทั้งพืชอาหารสัตว์ให้กินด้วย” คุณอาทิตย์ บอก

กิจกรรมที่ได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากับครอบครัว

สำหรับท่านใดที่สนใจอยากจะทำการเกษตร โดยเฉพาะด้านปศุสัตว์ แล้วยังไม่กล้าตัดสินใจเพราะมองว่าสัตว์เป็นสิ่งที่มีชีวิต กลัวเลี้ยงแล้วสัตว์จะตาย ยังไม่มีความกล้าในก้าวแรก คุณอาทิตย์ แนะนำว่า ทุกคนต้องมีก้าวแรกเสมอ แต่ถ้าทำด้วยใจรักมีความมุ่งมั่น ครั้งแรกอาจจะล้มเหลวแต่ครั้งต่อๆ ไป ก้าวที่สอง ก้าวที่สามจะประสบผลสำเร็จ และจะรู้สึกภูมิใจที่ได้ลงมือทำในสิ่งที่รัก มีความสุขได้อยู่กับครอบครัว ท่านใดสนใจสอบถามพูดคุยหรือเที่ยวชมฟาร์ม สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ (092) 415-0006

………………………………………………………………………………………………

พิเศษ! สมัครสมาชิกนิตยสารเทคโนโลยีชาวบ้าน, มติชนสุดสัปดาห์ และศิลปวัฒนธรรม ลดราคาทันที 40% ตั้งแต่วันนี้ – 30 มิ.ย. 63 เท่านั้น!คลิกดูรายละเอียดที่นี่