หน่วยแพทย์พระราชทานฯ รพ.ชลประทาน ตรวจสุขภาพนักเรียนและประชาชน ณ ผาภูพยัคฆ์ตำนานพื้นที่สีแดง

หน่วยแพทย์พระราชทานฯ รพ.ชลประทาน

ตรวจสุขภาพนักเรียนและประชาชน ณ ผาภูพยัคฆ์ตำนานพื้นที่สีแดงกลุ่มคอมมิวนิสต์

นายแพทย์สุรสิทธิ์  ตั้งสกุลวัฒนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลชลประทาน (ศูนย์การแพทย์ปัญญานันทภิกขุ ชลประทาน มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ) นำทีมแพทย์ ทันตแพทย์ พยาบาลและเจ้าหน้าที่ ปฏิบัติงานหน่วยแพทย์พระราชทานในโครงการสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อตรวจสุขภาพ ให้บริการด้านทันตกรรม และสอนสุขอนามัยเบื้องต้นแก่เด็กนักเรียนและประชาชนในพื้นที่โรงเรียนบ้านน้ำช้างพัฒนา และโรงเรียนบ้านน้ำรีพัฒนา  ตำบลขุนน่าน อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดน่าน ซึ้งพื้นที่ดังกล่าวอยู่ติดกับภูพยัคฆ์ ใต้เทือกเขาผีปันน้ำกั้นเขตแดนระหว่างไทย-ลาว หลักกิโลเมตรที่ 30 เป็นดินแดนแห่งตำนานร่องรอยของสมรภูมิรบเก่าระหว่างทหารไทยกับกลุ่มคอมมิวนิสต์ เป็นที่ตั้งของศูนย์บัญชาการรบ เป็นฐานที่มั่นของกลุ่มคอมมิวนิสต์ อยู่ใกล้กับนาขั้นบันไดของสำนัก 708 หรือที่ตั้งของศูนย์กลางพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยในอดีต ซึ่งปัจจุบันได้พัฒนาเป็นสถานีพัฒนาการเกษตรที่สูงภูพยัคฆ์

การปฏิบัติงานหน่วยแพทย์พระราชทานฯ ในครั้งนี้ คณะผู้ปฏิบัติงานได้เข้าเฝ้ารับเสด็จสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ซึ่งทรงเยี่ยมหน่วยแพทย์พระราชทาน และหน่วยทันตกรรมพระราชทานที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ไปออกหน่วยบริการตรวจรักษาราษฎร โดยทั้ง 2 โรงเรียนที่ได้ตั้งหน่วยแพทย์พระราชทานฯ มีผู้รับบริการทั้งหมด 344 คน แบ่งเป็นนักเรียน 200 คน ประชาชน 144 คน ให้บริการทันตกรรม 214 คน ผู้ป่วยส่วนใหญ่ป่วยเป็นโรคเหงือกและฟัน รองลงมาคือโรคระบบกล้ามเนื้อและกระดูก โดยทรงรับผู้ป่วยไว้เป็นคนไข้ในพระราชานุเคราะห์ 7 คน

เด็กหญิงนภัสกร จิรพรชิต นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนบ้านน้ำช้างพัฒนา กล่าวว่า “รู้สึกตื่นเต้นและดีใจมากๆ ที่มีหมอมาตรวจถึงที่โรงเรียน เพราะเด็กๆ อยู่ที่หมู่บ้านห่างไกลจากตัวเมืองไม่ค่อยได้พบเจอคนต่างถิ่น ชีวิตประจำวันอยู่บ้านและโรงเรียนเท่านั้น แม้เมื่อไม่สบายเจ็บไข้ก็รักษาตัวเอง ไม่ได้ไปหาหมอที่สถานีอนามัยหรือโรงพยาบาล วันนี้หมอบอกว่าควรดูแลทำความสะอาดปากและฟันให้มากกว่านี้และต้องแปรงฟันทุกวันค่ะ”

ทุกครั้งที่คณะหน่วยแพทย์พระราชทานฯ โรงพยาบาลชลประทาน ออกปฏิบัติงานต่างจังหวัดและชายแดนไทยพื้นที่ต่างๆ เดินทางด้วยเส้นทางทุรกันดาร ที่พัก อาหารการกิน และการใช้ชีวิตไม่ได้สะดวกสบายเหมือนอยู่ในเมือง แต่ทุกคนต่างตระหนักถึงการทำความดีเพื่อประเทศชาติ และดำเนินรอยตามแบบอย่างในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ทรงมีความห่วงใยประชาชนชาวไทยในทุกๆ ด้าน โดยเฉพาะในด้านสุขภาพอนามัย ซึ่งพระองค์ทรงถือว่าปัญหาด้านสุขภาพอนามัยของประชาชนนั้น เป็นปัญหาสำคัญที่ต้องได้รับการแก้ไข ดังพระราชดำรัสที่ว่า “ถ้าคนเรามีสุขภาพเสื่อมโทรม ก็จะไม่สามารถพัฒนาชาติได้ เพราะทรัพยากรที่สำคัญของประเทศชาติก็คือพลเมืองนั่นเอง” ครั้นเมื่อพระองค์เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรตามท้องที่ต่างๆ ทุกครั้ง พระองค์จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มีคณะแพทย์ ทั้งแพทย์ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญในแต่ละสาขาจากโรงพยาบาลต่างๆ และแพทย์อาสาสมัคร เพื่อที่จะได้รักษาผู้ป่วยไข้ได้ทันที เพราะพระองค์ทรงเห็นว่าหากประชาชนมีร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรงจะนำไปสู่สุขภาพจิตที่ดี และส่งผลให้เศรษฐกิจและสังคมดีไปด้วย