แบ่งพื้นที่นา ปลูกอินทผลัม ผลผลิตดีมีคุณภาพ สร้างรายได้งาม

อินทผลัม เป็นพืชตระกูลปาล์มมีถิ่นกำเนิดในแถบตะวันออกกลาง โดยสามารถเจริญเติบโตได้ดีในภูมิภาคที่มีอากาศร้อนและแห้งแบบทะเลทราย ลำต้นมีความสูงประมาณ 30 เมตร โดยใบติดอยู่บนต้น 40-60 ก้าน ทางใบยาว 3-4 เมตร ลักษณะใบของอินทผลัมเป็นแบบขนนก ใบย่อยพุ่งออกหลายทิศทาง ช่อดอกจะออกจากโคนใบ เมื่อติดผลมีลักษณะเป็นรูปทรงรี ยาวประมาณ 2-4 เซนติเมตร มีรสหวานฉ่ำ สามารถทานได้ทั้งผลสดและสุก ซึ่งผลมีสีเหลืองถึงสีส้มและเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลถึงสีน้ำตาลเข้มเมื่อแก่จัด โดยผลสุกจะนิยมไปตากแห้งจึงเป็นหนึ่งพืชที่น่าจับตามองในเรื่องของการทำตลาด

คุณธัญญา กาญจนประดิษฐ์

 

ปัจจุบัน ในบ้านเรามีเกษตรกรหลายพื้นที่ปลูกกันมากขึ้น เกิดผลผลิตที่มีคุณภาพ นำมาจำหน่ายเป็นสินค้าคุณภาพตามฤดูกาล สร้างรายได้ไม่น้อยทีเดียว คุณธัญญา กาญจนประดิษฐ์ เป็นเกษตรกรชาวกาญจนบุรี ที่ได้มองเห็นถึงอนาคตของการทำตลาดของอินทผลัมว่าเป็นสินค้าที่มีราคา เธอจึงแบ่งพื้นที่ทำนาบางส่วนมาปลูกอินทผลัมเพื่อเป็นการกระจายรายได้ เมื่อราคาข้าวตกต่ำก็ยังมีผลผลิตของอินทผลัมอยู่ แม้พื้นที่ปลูกจะเป็นดินที่ผ่านการทำนามาก่อนแต่ก็สามารถปลูกจนประสบผลสำเร็จ

คุณธัญญา เล่าว่า เป็นคนที่ชอบทานอินทผลัมมานานมากแล้ว แต่ด้วยพืชชนิดนี้ในเมืองไทยยังค่อนข้างหาซื้อยาก จึงเป็นจุดประกายให้เธอคิดที่อยากจะปลูกเอง เพราะไม่กี่ปีให้หลังมานี้ข้าวมีราคาถูกและทำได้ปีละ 1 ครั้ง จึงได้เกิดความคิดที่อยากจะปรับปลี่ยนจากพื้นที่นาบางส่วนมาแบ่งปลูกอินทผลัมเพื่อชดเชยรายได้

พื้นที่ปลูก

“แบ่งปลูกเป็น 2 ช่วงอายุ โดยแบ่งพื้นที่ปลูกรุนแรก 8 ไร่ กับรุ่นที่ 2 บนเนื้อที่ 7 ไร่ รวมพื้นที่ปลูกอินทผลัมทั้งหมดก็ประมาณ 15 ไร่ ซึ่งนาก็ไม่ได้เลิกทำยังทำอยู่ เพียงแต่แทนที่เราจะปลูกข้าวอย่างเดียว เราก็มาปลูกทำเกษตรอย่างอื่นด้วย เพื่อเป็นการกระจายรายได้ให้ครบทุกด้านอย่าทำพืชเชิงเดี่ยวอย่างเพียงเดียว” คุณธัญญา เล่าถึงที่มา

โดยวิธีการปลูกและการเลือกซื้อสายพันธุ์นั้น คุณธัญญา บอกว่า ได้ศึกษาหาข้อมูลเรียนรู้จากแหล่งต่างๆ พร้อมทั้งเดินทางไปศึกษาจากเพื่อนๆ ที่ปลูกจนประสบผลสำเร็จ จากนั้นเธอจึงได้ข้อสรุปเลือกอินทผลัมที่ได้จากการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อมาปลูกสร้างรายได้

ผลผลิตดกเต็มต้น

ในเรื่องของวิธีการปลูกอินทผลัมนั้นมีการเตรียมพื้นที่ปลูกก่อนในช่วงแรก โดยให้บริเวณรอบๆ สวนมีร่องน้ำสำหรับระบายน้ำไม่ให้ท่วมขังภายในพื้นที่ปลูก เพราะอินทผลัมเป็นพืชที่ไม่ชอบน้ำขังอยู่บริเวณโคนต้น ดังนั้น ในเรื่องของการระบายน้ำออกจึงเป็นสิ่งสำคัญ

การเตรียมต้นกล้า ระยะแรกจะนำมาอนุบาลเพื่อให้มีระบบรากแข็งแรง โดยใช้เวลาประมาณ 8 เดือน จากนั้นเมื่อเห็นว่าต้นอินทผลัมมีความสมบูรณ์ดีแล้ว จะนำมาลงปลูกในพื้นที่ที่เตรียมไว้ทันที

ช่วงติดผล ต้องมีการห่อและดูแลอย่างใกล้ชิด

“ใช้ต้นกล้าที่ผ่านการอนุบาลมาประมาณ 8 เดือนมาลงปลูก พื้นที่ปลูกก็จะเน้นให้มีระยะห่างระหว่างต้นระหว่างแถวอยู่ที่ 7×7 เมตร โดยการปลูกจะไม่ฝังต้นลงไปใต้ดินจนลึก ขนาดหลุมปลูกกว้าง 1 เมตร ความลึกอยู่ที่ 40 เซนติเมตร พอปลูกเสร็จแล้วก็จะมีไม้ค้ำยันไว้ เพื่อไม่ให้ต้นโยกไปมา ให้ต้นตั้งตรงอยู่นิ่งๆ จะช่วยให้รากค่อนข้างที่จะเดินได้ดี หลังจากนั้นก็ดูแลให้น้ำด้วยระบบมินิสปริงเกลอร์ทุกวันประมาณ 1 เดือน หลังจากนั้นก็จะเปลี่ยนให้น้ำ 2-3 วันครั้งก็เพียงพอ” คุณธัญญา บอก

หลังจากที่ปลูกได้ครบ 1 เดือน ใส่ปุ๋ยบำรุงต้นด้วยสูตร 20-10-10 ดูแลไปจนได้อายุเข้า 2 ปีครึ่ง อินทผลัมก็จะเริ่มเจริญเติบโตจนให้ผลผลิตได้ ซึ่งแต่ก่อนที่จะติดผลต้องเตรียมต้นให้พร้อมเสียก่อน

ผลสวยน่าทาน

โดยในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงธันวาคมเปลี่ยนใส่ปุ๋ยเป็นสูตร 8-24-24 หลังจากนั้นช่วงเดือนมกราคมถึงเดือนพฤษภาคม อินทผลัมก็จะเริ่มมีจั่นออกมาให้เห็น ในช่วงนี้เมื่อเห็นว่าจั่นมีความสมบูรณ์จึงช่วยผสมเกสรเพื่อให้ติดผลผลิตได้ดีขึ้น

ซึ่งอินทผลัมเป็นพืชที่แยกเพศอย่างชัดเจน คือ ต้นตัวผู้และต้นตัวเมียจะอยู่คนละต้นกัน ดังนั้น ในการปลูกภายในสวนจะให้มีอัตราส่วนต้นตัวผู้ 1 ต้น ต่อต้นตัวเมีย 15-20 ต้น โดยจะปลูกในพื้นที่กี่ไร่ก็ตาม  จะเน้นอัตราส่วนของต้นตัวผู้และตัวเมียในอัตราส่วนนี้เสมอ

“พอเราผสมเกสรติดดีแล้ว ช่วงที่ดูแลผล ก็จะมีการปรับเปลี่ยนปุ๋ยเป็นสูตร 15-5-20 กับสูตร 11-6-25 สลับกันไปมาในช่วงที่ติดผล ซึ่งผลของอินทผลัมกว่าจะเก็บเกี่ยวได้ นับจากวันที่ผสมเกสรไปใช้เวลาอยู่ที่ประมาณ 140 วัน ช่วงนี้ผลก็ต้องดูแลเป็นพิเศษ นำกระดาษมาหุ้มพร้อมทั้งใช้ตาข่ายห่ออีกชั้นหนึ่ง เพื่อป้องกันหนูและแมลงที่มาทำลายผล พอครบกำหนดผลก็จะเริ่มสุกพร้อมๆ กัน สามารถเก็บเกี่ยวได้” คุณธัญญา บอก

เน้นเป็นอินทผลัมทานผลสด

ส่วนในเรื่องของการป้องกันโรคและแมลงนั้น คุณธัญญา บอกว่า สิ่งที่ต้องป้องกันมากที่สุดคือด้วงมะพร้าว โดยหมั่นเดินสำรวจอยู่เสมอเพื่อไม่ให้มี ถ้าหากมีการเข้าทำลายของศัตรูพืชชนิดนี้ยอดของอินทผลัมจะได้รับความเสียหาย ดังนั้น จึงต้องหมั่นป้องกันและดูแลตั้งแต่ครั้งแรกที่ปลูก

สำหรับตลาดเพื่อส่งขายอินทผลัม คุณธัญญา บอกว่า ได้มีลูกค้ามาติดต่อขอซื้อถึงสวนไว้แล้ว และส่วนที่เป็นอีกเกรดก็จะขายตามตลาดอื่นๆ ต่อไป ซึ่งทางสวนของเธอเองก็ได้มีการปลูกแบบได้มาตรฐานจีเอพี (GAP) ลูกค้าที่รับซื้อจึงมั่นใจได้ในผลผลิตที่ผ่านการดูแลเป็นอย่างดีในทุกขั้นตอน

“ราคาของอินทผลัมผลสด ที่สวนเราขายอยู่ที่กิโลกรัมละ 500 บาท ซึ่งที่สวนมีอยู่ประมาณ 200 ต้น ผลผลิตที่เฉลี่ยคาดว่าจะได้แต่ละปี 4-5 ตัน ด้วยราคาประมาณนี้คิดว่าก็น่าจะทำเงินได้ แต่ถ้าอนาคตต่อให้ราคาลงไปบ้าง เราก็มองว่าน่าจะทำเงินได้อยู่ เพราะอินทผลัมเมื่อเทียบกับพืชบางชนิด เรื่องใช้ปุ๋ยและยาน้อยมาก จึงทำให้ต้นทุนในเรื่องนี้ไม่ค่อยมาก ในการลงทุนแต่ละปี ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งพืชที่น่าสนใจ” คุณธัญญา บอกเรื่องการตลาด

สำหรับผู้ที่สนใจอยากจะปลูกอินทผลัม คุณธัญญา แนะนำว่า หากมีพื้นที่บางส่วนที่ทำเกษตรเชิงเดี่ยวอยู่ ก็ให้แบ่งมาปลูกพืชให้มีความหลากหลายมากขึ้น โดยเลือกพืชที่เหมาะสมกับสถานที่นั้นๆ อย่างที่เธอเลือกปลูกอินทผลัม เพราะเป็นพืชที่ใช้น้ำน้อยเมื่อเทียบกับการทำนา ดังนั้น อินทผลัมจึงเป็นอีกหนึ่งพืชที่เธอมองว่าน่าจะทำรายได้เสริมควบคู่ไปกับกับทำนาของเธอ

เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อวันพุธที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2563