| ผู้เขียน | กาญจนา จินตกานนท์ |
|---|---|
| เผยแพร่ |
ใครมาจังหวัดตราดแล้ว น้อยคนที่ไม่รู้จักร้านอาหารทะเล “บ้านทิวธารา” บ้านปากคลองน้ำเชี่ยว อำเภอเมืองตราด จังหวัดตราด เพราะเป็นร้านอาหารทะเลชั้นแนวหน้า บรรยากาศแบบบ้านๆ มีอาหารทะเลสดๆ (จริงๆ ๆ ๆ) มากมาย โดยเฉพาะเมนูเด็ด ปูดำหรือปูทะเลนึ่งจิ้มน้ำพริกเกลือสูตรเด็ดของตราด (น้ำพริกซีฟู้ด) ชนิดที่มีลูกค้าจากกรุงเทพฯ ต่างจังหวัด และกลุ่มลูกค้ากำลังซื้อสูงจากกรุงเทพฯ นั่งเครื่องไป-กลับ หรือจังหวัดชายแดนเพื่อนบ้านขับรถข้ามชายแดนมากินกันเฉพาะกิจทีเดียว ปักหมุดมากินอาหารทะเลล้านทิวธาราโดยไม่สนใจแหล่งท่องเที่ยวใดๆ
เมื่อเดือนมีนาคม พิษโควิด-19 ต้องมี พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ห้ามเดินทางข้ามจังหวัดและการล็อกดาวน์จังหวัดตราดไม่รับนักท่องเที่ยว ส่งผลกระทบเต็มๆ ยอดขายเหลือเพียง 10% ธุรกิจร้านต้องปรับเปลี่ยนการจำหน่ายอาหาร ในร้านจัดทำความสะอาด เว้นระยะห่าง หันมาขายแบบดิลิเวอรี่ภายในจังหวัดและขายออนไลน์ทั่วประเทศ พร้อมกับมีความหวังว่าระยะอีก 1-2 เดือนข้างหน้า ภาวะต่างๆ จะกลับคืนมาสู่ภาวะปกติ
“บ้านทิวธารา” กำเนิดจากร้านบ้านๆ ในท้องถิ่น
คุณบรรเทา บุญธรรม วัย 59 ปี เจ้าของร้านอาหารบ้านทิวธารา บ้านเลขที่ 185 หมู่ที่ 3 บ้านปากคลองน้ำเชี่ยว ตำบลหนองโสน อำเภอเมือง จังหวัดตราด เล่าว่า เมื่อ 35 ปี กับสามี คุณศักดิ์ชัย สุริยวงศ์ มารับซื้อปูดำจากชาวบ้านที่จับจากทะเลในตำบลหนองโสนและใกล้เคียง ขายส่งร้านอาหารใหญ่ๆ ที่อ่างศิลา สัตหีบ พัทยา และตลาดต่างจังหวัดแถบภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ต่อมาทำฟาร์มเลี้ยงปูนิ่มส่งขายเช่นกัน เมื่อปี 2554 ได้เปิดกิจการร้านอาหารบ้านทิวธาราให้ลูกค้ามากินด้วย เพราะเห็นว่ามีวัตถุดิบปูสดๆ และอยู่ในแหล่งอาหารทะเล ทั้งกุ้ง หอย ปลาหมึก ประกอบกับตัวเองชอบทำอาหาร ร้านอาหารตั้งอยู่ในทำเลติดคลองน้ำเชี่ยว มีป่าชายเลนที่อุดมสมบูรณ์ร่มรื่น มีนกเหยี่ยวแดงมาบินโฉบอาหารให้เห็นกว่า 100 ตัวทุกวัน เหมาะกับการมาพักผ่อนนั่งกินอาหาร ทั้งส่วนตัวและครอบครัว ระยะเวลา 9 ปีเต็มกับการพัฒนามาแบบค่อยเป็นค่อยไป จนกระทั่งเติบโตมีชื่อเสียงมากเมื่อองค์การบริหารส่วนตำบลหนองโสนได้สนับสนุนให้นักท่องเที่ยวได้รู้จัก ร้านได้พัฒนาให้ลูกค้าสะดวกสบาย มีลานจอรถพร้อมรถรับ-ส่งลูกค้า กลุ่มลูกค้ามีทั้งภายในจังหวัด นักท่องเที่ยว และกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง ทุกวันนี้ร้านอาหารสามารถรับลูกค้าได้ทั้งหมด 200-300 คน รับลูกค้ากลุ่มเล็กๆ 2-3 คน และกลุ่มใหญ่ที่นัดเลี้ยงสังสรรค์ 20-30 คน
“ช่วงเทศกาลหรือวันหยุดยาวหรือเสาร์-อาทิตย์มีลูกค้าใช้บริการหนาแน่นมาก บางครั้งต้องให้ลูกค้าโทร.มาจองก่อน ไม่ต้องรอคิว ลูกค้าเกือบ 100% จะมากินปูดำนึ่งสดๆ มีลูกค้า VIP สั่งจองและนั่งเครื่องไฟล์เช้ากลับเย็นให้เราเอารถรับเพื่อมากินปูและอาหารทะเลอื่นๆ โดยเฉพาะ รวมทั้งเพื่อนบ้านขับรถยนต์ข้ามชายแดนมากินและซื้อกลับจำนวนมาก โดยไม่สนใจแหล่งท่องเที่ยว เพราะปูที่ให้บริการลูกค้าในร้านเป็นปูธรรมชาติ 100% รับซื้อจากชาวบ้านมาเป็นๆ จะคัดไซซ์แยกประเภท เลือกปูแน่นๆ มีทั้งปูไข่ ปูเนื้อ ปูมัน ไว้บริการลูกค้าโดยเฉพาะ ให้ลูกค้าประทับใจคุณภาพที่มาตรฐาน เชื่อมั่นว่ามาร้านนี้ต้องได้กินของดี ของสด อร่อยตามที่บอก มีการันตีให้ลูกค้าปูไข่ต้องมีไข่ ปูเนื้อต้องแน่น ปูมันต้องมีมันเพราะเราจะใช้วิธีเอกซเรย์ไข่ (ส่องไฟ) เลือกไว้ ถ้าจังหวะมีปูก้ามที่เนื้อก้ามอร่อย ปูสองกระดองแกะกินได้ทั้งตัว รสชาติจะอร่อยมาก นอกจากนั้น เมนูเด็ดๆ ที่ลูกค้าติดใจคือ หอยเชลล์ผัดฉ่า หอยลายผัด และเมนูปลา กุ้ง หมึกหลากหลาย รวมทั้งปูนิ่มผัดพริกไทยดำจากฟาร์มปูนิ่มเอง เนื้อปูที่ไม่แน่นจะแกะเนื้อทำข้าวผัดปูที่ลูกค้าชื่นชอบเช่นกัน” คุณบรรเทา เล่าถึงบรรยากาศของร้าน
ดิลิเวอรี่ออนไลน์ ฝ่าวิกฤตโควิด-19
อุ้มพนักงาน 40 คน
คุณบรรเทา เล่าถึงการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์รับสถานการณ์โควิด-19 ว่า ตั้งแต่ปลายเดือนกุมภาพันธ์ แม้จังหวัดตราดจะยังเป็นพื้นที่สีขาว ไม่พบผู้ติดเชื้อแม้แต่รายเดียว แต่เมื่อมีประกาศห้ามเดินทางออกจากกรุงเทพฯ พ.ร.ก.ฉุกเฉินและประกาศล็อกดาวน์ของจังหวัดตราด ให้งดการเดินทางข้ามจังหวัด การเดินทางข้ามชายแดน งดรับนักท่องเที่ยว คนในจังหวัดตราดเก็บตัวอยู่บ้าน นักท่องเที่ยวหรือผู้เดินทางมาจากที่อื่นๆ แม้แต่จันทบุรีอยู่ติดกันที่เป็นลูกค้าเดินทางมาไม่ได้ ยอดขายลดลงทันที 90% หรือกว่านี้ แต่เรายังคงเปิดร้านทำตามมาตรการของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดตราดที่มาชี้แจง แต่มีลูกค้าเพียงวันละ 1-2 โต๊ะ บางวันไม่มีเลย ขณะที่เรามีพนักงานทั้งหมด 40 คนที่ต้องดูแลทั้งที่พัก อาหาร เงินเดือน ตั้งแต่เดือนมีนาคมได้ปรับกลยุทธ์ขายออนไลน์ทั่วประเทศและดิลิเวอรี่บริการส่งถึงบ้าน จัดโปรโมชั่นปูนึ่งลดราคาลงเกือบ 50% โดยรักษาคุณภาพ ความสดใหม่
เมื่อไม่มีลูกค้ากินปู ยังมีชาวประมงพื้นบ้านที่จับปูดำมาขายให้ ที่ต้องช่วยรับซื้อให้เขามีอาชีพมีรายได้ ร้านต้องพูดคุยซื้อลดราคาลงและพยายามทำออนไลน์และดิลิเวอรี่ออกไป เช่น ปกติปูใหญ่ กิโลกรัมละ 800-1,000 บาท เหลือกิโลกรัมละ 500-600 บาท ปูก้ามจาก 550 บาท เหลือ 270 บาท ชาวบ้านที่เคยขายปูได้ครั้งละ 1,500 บาท จะเหลือ 1,000 บาท 2 เดือนที่ผ่านมาพนักงานที่ทำหน้าที่ต่างๆ ต้องปรับเปลี่ยนช่วยกัน ทั้งการให้บริการในร้านที่ต้องรักษามาตรฐานสาธารณสุข การแพ็กของใส่กล่องฟรีซส่งออนไลน์ กรุงเทพฯ ต่างจังหวัดซึ่งจะมีถึง 50% ทำอาหารตามเมนูนำส่งให้ลูกค้าในตัวเมืองโดยไม่คิดค่าขนส่ง วันละ 2 รอบ ได้ลูกค้าประมาณ 10% โปรโมชั่นปูนึ่งลดราคา 50% ขายดีสุด เดิมกิโลกรัมละ 600-800 บาท เหลือเพียง 350 บาท (ต่างจังหวัดไม่รวมค่าขนส่ง) อาหารตามเมนูจะเพิ่มปริมาณให้
“เมื่อรับออเดอร์แล้วจัดแพ็กกล่องโฟมใส่น้ำ ใส่แผ่นเจลรักษาความเย็น ใส่ไว้ในตู้ฟรีซอุณหภูมิลบ 17 องศาเซลเซียส เนื้อปูนึ่ง อาหารทะเลที่แยกบรรจุกล่องไว้แล้วต้องแช่ในตู้ฟรีซ 1 คืน ให้เนื้อปูมีความเย็นคงความสดไว้ วันรุ่งขึ้นนำมาบรรจุกล่องใส่น้ำแข็งปิดฝาผนึกซีล จัดส่งบริษัทขนส่งอาหารสดแช่เย็นภายใน 1-2 วันจะได้รับ รับรองว่าปู อาหารที่จัดส่งผ่านการฟรีซของทางร้านจะสด รสชาติคงเดิม อยู่ได้ถึง 3 วันเหมือนใส่ตู้เย็นไว้ เมื่อนำเนื้อปูนำออกมากินจะยังคงสด เป็นธรรมชาติ ส่วนถังโฟมนำมาขายคืนได้ครึ่งราคาเป็นถังมือ 2 ช่วยลูกคาประหยัด” คุณบรรเทา กล่าวถึงไฮไลต์บรรจุภัณฑ์ส่ง
“อึด” ติดลบเดือนละกว่า 400,000 บาท
หวังสถานการณ์ฟื้นตัว
คุณบรรเทา กล่าวว่า ร้านอาหารบ้านทิวธารารายได้วันละหลักแสนต่อวัน เหลือเพียงหลักหมื่นหรือลดเหลือ 5-10% เรามีค่าใช้จ่าย ไฟฟ้า น้ำประปา พนักงานที่ต้องดูแลทั้งหมด 40 คน เราต้องจ่ายเงินเดือนให้ตามปกติคนละ 12,000-20,000 บาท บางคน 30,000 บาท เมื่อไม่ได้ปิดร้าน ไม่มีเงินประกันสังคมมาช่วย เกือบ 2 เดือนที่ผ่านมา ขาดทุนแต่ละเดือนละกว่า 400,000 บาท ต้องแบกรับเต็มๆ ตอนนี้ได้ธนาคารช่วยลดภาระหยุดส่งเงินต้น งดดอกเบี้ย 6 เดือน ช่วยพยุงกิจการ เปิดร้านมาครบ 9 ปี พนักงานทุกคนอยู่ด้วยกันแบบครอบครัว ไม่สามารถตัดใจปิดร้าน ลดหรือเลิกจ้าง คิดว่าถ้าอยู่ก็อยู่ด้วยกัน วิกฤตนี้ยังส่งผลถึงชุมชนในหมู่บ้านทั้งที่ขายปู รับบริการจอดรถ แปรรูปอาหารทะเล ปลาเค็ม กุ้งแห้ง หมึกแห้ง กะปิ ที่เป็นลูกค้าของบ้านทิวธารา ตอนนี้ต้องหยุดทำ กลางเดือนมิถุนายนจะครบ 3 เดือน หวังว่าสถานการณ์จะดีขึ้น
หวังว่าวิกฤตนี้สถานการณ์จะกลับคืนมาค่อยๆ ดีขึ้นหลังเดือนพฤษภาคม นี่คืออีกหนึ่งธุรกิจในท้องถิ่นที่นับเวลารอให้ภาวะวิกฤตโควิด-19 คลี่คลาย เพื่อให้ผู้ประกอบการและชุมชนกลับมาทำมาหากินได้ และเชื่อว่าทุกคนพร้อมกิน โทร. ติดต่อบ้านทิวธารา (096) 908-1528 หรือ เฟซบุ๊ก บ้านทิวธารา
