นักเรียนเกษตรไทยในฟิลิปปินส์ (ตอนที่ 13) มายอน (Mayon) ภูเขาไฟที่สวยที่สุด

ประเทศฟิลิปปินส์ (สาธารณรัฐฟิลิปปินส์) เป็นหมู่เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิกฝั่งตะวันตก ซึ่งอยู่ช่วงรอยต่อการเคลื่อนตัวของเปลือกโลกและเป็นหนึ่งในประเทศที่ตั้งอยู่ในแนว “วงแหวนแห่งไฟ” (Pacific Ring of Fire) อันเป็นบริเวณที่มักเกิดแผ่นดินไหวและภูเขาไฟระเบิดอยู่เป็นประจำ ดังนั้น จึงเกิดภัยพิบัติจากการระเบิดของภูเขาไฟและแผ่นดินไหวบ่อยครั้ง เช่นเดียวกับประเทศอินโดนีเซียและประเทศญี่ปุ่น ประเทศฟิลิปปินส์มีภูเขาไฟหลายลูก ทั้งลูกที่ดับสนิทไปแล้วและลูกที่ยังมีพลังคุกรุ่นรอการระเบิดอยู่อีกหลายลูก มีภูเขาไฟที่พร้อมจะปะทุขึ้นมา 22 ลูก

มีภูเขาไฟบางลูกน่าสนใจและคนอยากไปชมกัน เช่น ภูเขามายอน (Mayon) ภูเขาปินาตูโบ (Pinatubo) ภูเขาไฟตาอัล (Taal) เป็นต้น เราเรียนอยู่ในพื้นที่ที่อยู่ห่างไกลจากภูเขาไฟมาก จึงไม่กังวลในเรื่องการระเบิดของภูเขาไฟที่จะส่งผลมาถึงเรา

ส่วนแผ่นดินไหวนั้นเท่าที่เคยประสบมีเพียงครั้งเดียวตลอด 2 ปีกว่าเมื่อวันที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2530 เวลาประมาณ 2 ทุ่มกว่า ขณะอยู่ที่หอพักแค่สั่นไหวนิดเดียว เจอแต่พายุฝนช่วงมรสุมเข้าบ่อยทุกปีเพราะอยู่ในมรสุมเขตร้อน ได้มาเรียนอยู่ในประเทศที่มีภูเขาไฟเลื่องชื่อและสวยงามมากจึงอยากหาโอกาสไปดูภูเขาไฟมายอน (Mayon) ที่เล่าลือกันว่าสวยงามที่สุด ทำให้อยากจะไปเห็นภูเขาไฟสวยงามที่ยังคุกรุ่นอยู่สักครั้งหนึ่งในชีวิต ได้วาดฝันตั้งความหวังไว้ว่า เมื่อมาเรียนในดินแดนแห่งภูเขาไฟก็ไม่ควรพลาดไปเหยียบตีนภูเขาไฟมายอนสักครั้ง

อีกมุมหนึ่งในปัจจุบัน

ต้นเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2529 จึงได้ไปเห็นภูเขาไฟครั้งแรก เป็นภูเขาไฟที่ไม่ได้คาดหวังไว้ แต่ก็เป็นภูเขาไฟลูกหนึ่งที่อยู่ในรายการท่องเที่ยวฟิลิปปินส์ นั่นก็คือภูเขาไฟตาอัล (Taal) เป็นภูเขาไฟที่อยู่ใกล้

…ห่างจากกรุงมะนิลาประมาณ 60 กว่ากิโลเมตร ลงทางใต้ใช้เวลาเดินทางประมาณชั่วโมงเศษที่เมืองตากาไต (Tagatay) ในจังหวัดบาตันกัส (Batangas) ภูเขาไฟตาอัลเป็นภูเขาไฟขนาดเล็ก สูงเพียง 331 เมตร จนได้ชื่อว่าเป็นภูเขาไฟที่เล็กที่สุดในโลกจึงกลายเป็นจุดสนใจ ระเบิดมาแล้ว 33 ครั้ง ระเบิดครั้งสุดท้ายเมื่อปี พ.ศ. 2522 ห้อมล้อมด้วยทะเลสาบตาอัล เราเดินทางไปถึงจุดใกล้ที่สุดริมฝั่งทะเลสาบ มองเห็นภูเขาไฟลูกเตี้ยๆ ส่วนยอดยุบลงจากการระเบิด…อยู่ข้างหน้าไม่สวย

ถ้าจะเข้าไปดูใกล้กว่านี้ต้องลงเรือข้ามเข้าไปดู เราไม่ได้ลงเรือเข้าไปดู ได้แต่ยืนดูในระยะไกลเพียงแค่นั้น ภูเขาไฟตาอัล (Taal) นับเป็นภูเขาไฟลูกแรกที่ได้เห็นในประเทศฟิลิปปินส์ ต่อจากนั้นจึงเดินทางไปหานักเรียนไทยที่เรียนอยู่ที่คาวิเต้ (Cavite) ย้อนขึ้นมาอีกประมาณ 20 กิโลเมตร

จนกระทั่งต้นเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2529 ได้ทราบข่าวว่า เพื่อนนักเรียนไทยที่มหาวิทยาลัยแห่งชาติฟิลิปปินส์ ลอสบานโยส 4 คนอยากไปเที่ยวภูเขาไฟมายอน (Mayon) แต่เป็นผู้หญิงทั้งหมด การไปเที่ยวยังสถานที่ห่างไกลและไม่เคยไปมาก่อน อาจจะไม่ปลอดภัยสำหรับพวกหล่อน ต้องหาผู้ชายไปด้วยเพื่อเป็นเพื่อนคุ้มกัน

เพื่อนรุ่นพี่ของเรามีแฟนเรียนที่มหาวิทยาลัยแห่งชาติฟิลิปปินส์ ลอสบานโยส แฟนจึงชวนให้รุ่นพี่ไปเที่ยวด้วยและให้ชวนผู้ชายไปอีก 2-3 คน เพื่อนรุ่นพี่เลยมาชวนเราสองคนอีกต่อ เป็นจังหวะเหมาะพอดีที่วาดฝันไว้จะได้เป็นจริงเสียที เมื่อกำหนดวันไปได้แน่นอนแล้วจึงนัดพบกันที่กรุงมะนิลา ได้ตกลงกันว่าตอนขาไปจะขึ้นเครื่องบินเพื่อประหยัดเวลา

ภูเขาไฟมายอนปัจจุบัน

ภูเขาไฟมายอน (Mayon) อยู่ที่เมืองเลกัสปี้ (Legazpi) จังหวัดอัลบาย (Albay) เขตบิคอล (Bicol region) ประเทศฟิลิปปินส์แบ่งการปกครองออกเป็น 17 เขต 79 จังหวัด กับอีก 117 เมือง หมู่เกาะลูซอนมีอยู่ 8 เขต หมู่เกาะวิสาย่าส์มี 3 เขต และหมู่เกาะมินดาเนามีมี 6 เขต ในเขตบิคอล (Bicol region) อยู่ทางใต้ของเกาะลูซอน ประกอบด้วยจังหวัดอัลบาย (Albay), คามาริเนส นอร์เต้ (Camarines Norte), คามาริเนส ซัวร์ (Camarines Sur), คาตันดูเนส (Catanduanes), มัสบาเต้ (Masbate) และ ซอร์โซกอน (Sorsogon)

เขตบิคอลนอกจากเป็นแหล่งปลูกมะพร้าวและอะบาก้าแล้วยังเป็นดินแดนแห่งภูเขาไฟ มีภูเขาไฟอยู่หลายลูก มีทั้งที่ดับไปแล้วและที่ยังคุกรุ่นอยู่ ภูเขาไฟที่ยังไม่ดับมีอยู่ 2 ลูก คือภูเขาไฟมายอน (Mayon) กับภูเขาไฟบูลูซา (Bulusan) และภูเขาไฟที่ดับไปแล้วอีก 5 ลูก

ภูเขาไฟมายอน (Mayon) เป็นภูเขาที่สวยงาม มีรูปทรงได้สัดส่วนสมมาตร ไม่ว่าจะมองที่ด้านไหนก็เห็นเป็นรูปสามเหลี่ยม ซึ่งภูเขาส่วนใหญ่มองด้านหนึ่งเป็นรูปสามเหลี่ยม แต่พอไปมองอีกด้านไม่ได้เป็นรูปสามเหลี่ยม เห็นเป็นรูปบูดเบี้ยว นอกจากมีภูเขาไฟแล้วที่นี่ยังมีน้ำตกที่สวยงาม ถ้ำดึกดำบรรพ์ชื่อ ถ้ำโฮยอป-โฮปัน (Hoyop-Hopan) ถ้ำที่เคยมีมนุษย์ก่อนประวัติศาสตร์อาศัยอยู่ก่อนไม่ต่ำกว่า 4,000 ปี

การจะไปดูภูเขาไฟมายอน (Mayon) เริ่มจุดแรกไปที่เมืองเลกัสปี้ (Legazpi) เมืองเลกัสปี้ห่างจากกรุงมะนิลาประมาณ 600 กิโลเมตร การเดินทางไปยังเมืองเลกัสปี้มี 3 เส้นทาง ทางรถยนต์ รถไฟ และเครื่องบิน การเดินทางด้วยรถโดยสารประจำทางใช้เวลาเดินทางเกือบทั้งวัน พอๆ กับการเดินทางด้วยรถไฟ

ไปเที่ยวมายอน

ดังนั้น การเดินทางด้วยเครื่องบินจะสะดวกรวดเร็ว ใช้เวลาในการเดินทางน้อยกว่า ไม่ถึง 2 ชั่วโมง ผู้ที่เดินทางด้วยเครื่องบินมาเมืองเลกัสปี้ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยว เพื่อที่จะมาชมภูเขาไฟมายอน ดังนั้น เมื่อเครื่องบินบินถึงภูเขาไฟมายอน กัปตันจะโฉบไปใกล้ปล่องภูเขาไฟ เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ดูใกล้ๆ วันใดถ้าท้องฟ้าปลอดโปร่งกัปตันอาจจะบินวนไปให้ดูอีกรอบ

ลงจากเครื่องบินประมาณ 3 โมงเช้าต่อรถจี๊ปนี้ย์จากสนามบินเข้าที่พักเอากระเป๋าไว้ ไม่ต้องล้างหน้าอาบน้ำ ออกจากที่พักได้จ้างเหมารถจี๊ปนี่ย์ไปยังถ้ำโฮยอป-โฮปัน (Hoyop-Hopan) ก่อน เพราะอยู่ไม่ไกลอยู่ห่างจากเมืองเลกัสปี้ไปทางตะวันออกเฉียงเหนือประมาณ 25 กิโลเมตร

เมื่อไปถึงมัคคุเทศก์ท้องถิ่นรอให้การต้อนรับอยู่แล้ว ถ้ำนี้ถูกค้นพบเมื่อปี พ.ศ. 2515 มัคคุเทศก์จุดตะเกียงเจ้าพายุหิ้วเดินนำหน้าเข้าไปในถ้ำ อธิบายเหลือบถ้ำแต่ละจุด จนมาถึงห้องโถงใหญ่เพดานถ้ำสูงและกว้างมาก ภายในถ้ำเย็นสบาย มัคคุเทศก์บอกว่า ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ชาวบ้านกว่าร้อยคนได้เข้ามาหลบภัยอยู่ในห้องโถงนี้

สถานีรถไฟเมืองนาก้า

อดีตประธานาธิบดีเฟอร์ดินาน มาร์กอส เคยมาเที่ยวชมที่ถ้ำแห่งนี้ ชมถ้ำอยู่พักใหญ่จึงออกจากถ้ำ เดินต่อไปยังภูเขาไฟมายอน รถจี๊ปนี่ย์บางคันไม่อยากไปเพราะมันต้องไต่ขึ้นไปบนเขา สภาพถนนไม่ดีและระยะทางยังไกลจากเมืองไปยังตีนเขาประมาณ 48 กิโลเมตร แต่เจ้าของรถจี๊ปนี้ย์คันนี้ใจถึงพร้อมที่จะพาพวกเราไป นั่งรถกระเด็นกระดอนจนมาถึงตีนเขา

รถค่อยๆ คืบคลานขึ้นมายังจุดชมวิว แวะพักชมวิวสักพักอากาศเย็นสบายดี รถไต่ขึ้นไปอีกจนถึงสถานีศึกษาภูเขาไฟ เข้าไปดูเป็นภาพโปสเตอร์ ไม่มีเจ้าหน้าที่ประจำอยู่ รถจึงไต่ขึ้นไปอีกที่ระดับความสูง 762 เมตร มีจุดชมวิวอีก เป็นจุดที่สามารถมองเห็นปากปล่องภูเขาไฟมายอนกำลังปล่อยกลุ่มควันลอยขึ้นอย่างช้าๆ จากนี้ไปไม่สามารถเดินต่อขึ้นไปอีกได้

เนื่องจากเส้นทางแคบ นอกจากจะเดินด้วยเท้าขึ้นไปเท่านั้น บนนี้อากาศเย็นฉ่ำ หมอกละอองน้ำลอยอยู่ใกล้ๆ มีตะไคร่น้ำ มอสส์ เฟิร์น ขึ้นตามก้อนหินต้นไม้เต็มไปหมด เราอยู่ในที่มองเห็นยอดภูเขาไฟมามายอนใกล้กว่าตอนอยู่ข้างล่างหน่อย เมื่อเดินทางต่อไปอีกไม่ได้จึงเดินทางกลับลงมาเข้าในเมือง

ภูเขามายอนปี พ.ศ. 2529

ภูเขาไฟมายอน (Mayon) มีพื้นที่รอบตีนเขาเป็นวงประมาณ 130 กิโลเมตร ความสูง 2,462 เมตร ระเบิดมาแล้วไม่น้อยกว่า 47 ครั้ง เกิดการระเบิดครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2159 แต่การระเบิดที่สร้างความหายนะให้มากที่สุดเกิดขึ้นในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2357 ชาวเมืองดาราก้าอยู่ห่างจากเมืองเลกัสปี้ไปทางตะวันตกประมาณ 6 กิโลเมตร ได้มีชาวเมืองส่วนหนึ่งพากันอพยพเข้าไปหลบภัยในโบสถ์กักซาว่า (Cagsawa) เพื่อสวดอ้อนวอนพระเจ้าให้ช่วยปกปักคุ้มครองอยู่รอดปลอดภัย

แต่ในคืนนั้นภูเขาไฟมายอนได้ระเบิดพ่นลาวาไหลลงมาครอกชาวเมืองในโบสถ์เสียชีวิตทั้งหมด 1,200 คน และเมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ. 2549 พายุไต้ฝุ่นทุเรียนมีส่วนร่วมกับภูเขาไฟมายอนด้วย เพราะได้เกิดน้ำท่วมพื้นที่รอบตีนภูเขาไฟคร่าชีวิตชาวบ้านไปอีกหลายร้อยคน

การปะทุของภูเขาไฟมายอนเกิดขึ้นครั้งล่าสุดเป็นการปะทุที่รุนแรงในวันที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2561 ได้พ่นลาวาขึ้นไปบนอากาศสูงถึง 600 เมตร ก่อนจะไหลลงจากปากปล่องเป็นระยะทางกว่า 3 กิโลเมตร ขณะเดียวกัน ก็พ่นเถ้าถ่านขึ้นไปบนอากาศสูงถึง 5 กิโลเมตร ปกคลุมท้องฟ้าในจังหวัดอัลบายจนมืดครึ้ม ซึ่งทางการฟิลิปปินส์ก็ต้องเฝ้าจับตาอยู่ตลอด ทางการได้สั่งอพยพประชาชนในบริเวณใกล้เคียงเกือบ 60,000 คนออกจากพื้นที่ตั้งแต่วันที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2561

หอระฆังโบสถ์กักซาว่า ข้างหน้าตากข้าว ข้างหลังภูเขาไฟมายอน

มายอน (Mayon) มาจากคำว่า มากายอน (Magayon) มีความหมายในภาษาท้องถิ่นบิคอลว่า สวยงาม มีเรื่องเล่าของภูเขาไฟมายอนที่เล่าสืบต่อกันมาว่า ในครั้งกระโน้นนานมาแล้วพื้นที่แห่งนี้ยังไม่มีภูเขาไฟ พื้นดินมีความอุดมสมบูรณ์ด้วยพืชพรรณต่างๆ ขึ้นงอกงาม มีตาเฒ่าคนหนึ่งชื่อ เฒ่ามากายอน ปลูกกระท่อมอาศัยอยู่กับหลานสาวคนสวย เฒ่ามากายอนหวงหลานสาวคนนี้มาก ความสวยของหลานสาวเป็นที่เลืองลือไปไกล แต่ไม่มีหนุ่มใดกล้าไปจีบ เพราะเฒ่ามากายอนนอกจากหวงหลานสาวแล้วยังดุมากอีกด้วย

แต่แล้ววันหนึ่งก็มีไอ้หนุ่มใจถึงมาฉุดเอาหลานสาวแกไป ทำเอาเฒ่ามากายอนโกรธจัดที่มีคนมาลองของ กล้าล้วงคองูเห่าแก่ๆ เฒ่ามากายอนจึงออกติดตามไปอย่างไม่คิดชีวิต แต่คล้ายสวรรค์จะรู้เห็นเป็นใจกับไอ้หนุ่ม อยากให้ไอ้หนุ่มฉุดหลานสาวแกไปเป็นเมียได้สำเร็จ จึงบันดาลให้ภูเขาถล่มมาทับร่างเฒ่ามากายอนจมตายอยู่ที่นั่น เวลาใดก็ตามที่เฒ่ามากายอนคิดถึงหลานสาว แกจะพ่นลาวาออกมา ไหลลงมาเผาผลาญบ้านชาวบ้านไหม้หมด การที่ภูเขาไฟมายอนระเบิดแต่ละครั้งก็เท่ากับว่าเฒ่ามากายอนแกคิดถึงหลานสาวแก ไม่ทราบเหมือนกันว่าเมื่อไรเฒ่ามากายอนจะหยุดคิดถึงหลานสาวแกสักที

หอระฆังโบสถ์กักซาว่า ปี พ.ศ. 2529

นิทานพื้นเมืองบางตำนานเล่าว่า คำว่า Mayon มาจากชื่อเจ้าหญิงดารากัง มากายอน (Daragang Magayo) ชื่อของเจ้าหญิงมีความหมายว่า หญิงผู้เลอโฉม เป็นหญิงที่สวยงามที่สุดแห่งเมืองบิโกลาโน (Bikolano) ความงามของเจ้าหญิงทำให้เกิดสงครามแย่งชิงตัวเจ้าหญิง

เจ้าหญิงได้หนีไปกับชายคนรัก แต่พวกที่อยากได้ตัวเจ้าหญิงก็ไล่ตามและล้อมคนทั้งสองไว้ เจ้าหญิงจึงแทงตัวตาย ชายคนรักก็แทงตัวตายตามในอ้อมกอดของเจ้าหญิง ร่างทั้งสองจึงถูกฝังไว้ที่เดียวกัน ไม่นานแผ่นดินตรงนั้นก็สูงขึ้นเป็นภูเขาไฟมายอน

เราได้ลาจากเจ้าหญิงดารากัง มากายอนไปเที่ยวที่อื่นต่อ ตอนเดินทางกลับเข้ากรุงมะนิลาเราเลือกใช้บริการรถไฟเป็นตู้ปรับอากาศที่สถานีรถไฟเมืองนาก้า (Naga) รถออกประมาณ 1 ทุ่มกว่า สองข้างทางมืดมิดมองไม่เห็นทิวทัศน์อะไร รถไฟจอดที่สถานีไหนบ้างก็ไม่รู้ หน้าต่างกระจกถูกปิดและกั้นด้วยตะแกรงเหล็กตาเล็กๆ เขาบอกว่าที่ต้องมีตะแกรงเหล็กก็เพื่อป้องกันก้อนหิน ตอนกลางคืนมักมีพวกปาหินใส่หน้าต่างรถไฟกระจกแตกอยู่บ่อยๆ จึงต้องป้องกันด้วยวิธีนี้ ด้วยระยะทางประมาณ 377 กิโลเมตร ถึงกรุงมะนิลาตอนตี 4 ของวันใหม่พร้อมกับความอิ่มเอมใจที่ได้ไปเห็นภูเขาไฟที่สวยที่สุดสมดังความตั้งใจมาแล้ว…

ขอขอบคุณแหล่งข้อมูลที่ใช้ในการอ้างอิง
https://www.britannica.com/place/Mayon-Volcano
https://www.en.wikipedia.org/wiki/Mayon
https://www.volcanodiscovery.com/mayon.html