วว. ร่วมขับเคลื่อนระบบโลจิสติกส์ ด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแบบ New Normal ระดมผู้เชี่ยวชาญแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ชี้แนะแนวทางฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจไทย

สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) จัดสัมมนา การขับเคลื่อนระบบโลจิสติกส์ ด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแบบ New Normal” เพื่อสนับสนุนการใช้ระบบโลจิสติกส์สมัยใหม่อย่างปลอดภัย ระดมผู้เชี่ยวชาญแลกเปลี่ยนความรู้ ชี้แนะแนวทางเกี่ยวกับการฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจไทย รวมทั้งความปลอดภัยในการขนส่งสินค้า/วัตถุอันตราย สร้างความเชื่อมั่นให้กับคู่ค้า (วันที่ 22 กันยายน 2563 ณ โรงแรมเดอะเบอร์เคลีย์ กรุงเทพฯ)

รศ.นพ.สรนิต ศิลธรรม ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กล่าวในโอกาสเป็นประธานเปิดการสัมมนาฯ ว่า การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจทั่วโลก เกิดการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ และระบบโลจิสติกส์ต่างก็ได้รับผลกระทบ ภาคการขนส่งทางบก ทางอากาศ และทางเรือ ทั้งในประเทศและขนส่งข้ามแดนที่ล่าช้าจากการจำกัดการเข้าออกในหลายพื้นที่ ดังนั้น ผู้ประกอบการจำเป็นต้องปรับกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจให้สอดคล้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพื่อตอบสนองต่อพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป และการต่อยอดธุรกิจเพื่อขยายโอกาสและก้าวข้ามวิกฤตเศรษฐกิจ ทั้งนี้ โครงสร้างพื้นฐานระบบคมนาคมขนส่งที่ปลอดภัยได้มาตรฐาน รวมถึงการออกกฎ ระเบียบ ข้อบังคับเพื่อควบคุมและป้องกันการสูญเสียจากการเกิดอุบัติเหตุ โดยเฉพาะการขนส่งสินค้าและวัตถุอันตราย ไม่ว่าจะเป็นทางบก ทางเรือ หรือทางอากาศนั้น จะต้องมีวิธีดำเนินการขนส่งที่แตกต่างจากสินค้าทั่วๆ ไป แม้ว่าสินค้าอันตรายนั้นจะมีปริมาณเพียงเล็กน้อยแต่อาจทำให้เกิดอันตรายต่อชีวิต ทรัพย์สินและสิ่งแวดล้อมได้ ดังนั้น การดำเนินการต่างๆ ที่เกี่ยวกับสินค้าอันตรายจะต้องมีการออกกฎ ระเบียบ ข้อบังคับต่างๆ ที่มีความเฉพาะและรัดกุม เพื่อควบคุมและป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น รวมถึงการบรรจุและการบรรทุกสินค้าอันตรายนั้น จำเป็นจะต้องเป็นไปตามมาตรฐาน เหมาะสมกับคุณสมบัติ และปริมาณของสินค้าอันตรายที่จะขนส่งนั้นๆ และจะต้องบ่งชี้ หรือแสดงเครื่องหมายตามที่กฎหมายกำหนด นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานต้องได้รับการฝึกอบรมเป็นพิเศษอีกด้วย ดังนั้น ผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องจะต้องมีความตระหนัก เข้าใจและปฏิบัติตามกฎ ระเบียบ ข้อบังคับอย่างเคร่งครัด เพื่อให้การขนส่งสินค้าและวัตถุอันตรายเป็นไปอย่างปลอดภัย ลดการสูญเสีย และสร้างความเชื่อมั่นให้กับคู่ค้า

“…ระบบโลจิสติกส์เป็นหัวใจหลักในการขนส่งสินค้า จากการขยายตัวของธุรกิจขนส่งและการเชื่อมโยงของระบบขนส่ง รถ-ราง-เรือ ความปลอดภัยในการขนส่งจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ทุกภาคส่วนจะต้องคำนึงถึง ทั้งความปลอดภัยในการขับขี่ ยานพาหนะที่พร้อมใช้งาน การสัมมนาในครั้งนี้ จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ในการใช้ระบบโลจิสติกส์สมัยใหม่อย่างปลอดภัย ได้รับทราบถึงทิศทางของการพัฒนาโลจิสติกส์ไทย ด้วยการใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจหลังโควิด-19 และสร้างความได้เปรียบทางการค้าให้ผู้ประกอบการไทย…” ปลัดกระทรวง อว. กล่าว

ดร.ชุติมา เอี่ยมโชติชวลิต ผู้ว่าการ วว. กล่าวว่า การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบโลจิสติกส์ของประเทศอย่างมีประสิทธิภาพเป็นปัจจัยสําคัญต่อการสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน เพิ่มศักยภาพการขยายตัวทางเศรษฐกิจและการเตรียมความพร้อมทางด้านเศรษฐกิจและสังคมให้มีความเข้มแข็ง เอื้ออํานวยต่อการบรรลุวัตถุประสงค์การพัฒนาในทุกๆ ด้านของประเทศ ทั้งนี้ จากการดําเนินการจัดอันดับความสามารถในการแข่งขันของแต่ละประเทศของสถาบันการจัดการนานาชาติ (International Institute for Management Development : IMD) ทั้งในภาพรวมและรายปัจจัยตัวชี้วัดของการพัฒนาโดยมีระบบโครงสร้างพื้นฐานและโลจิสติกส์เป็นหนึ่งในปัจจัยตัวชี้วัดดังกล่าว ในปี 2562 ทั้งนี้ IMD ได้จัดอันดับความสามารถในการแข่งขันในภาพรวมของประเทศไทยเป็นอันดับที่ 25 จาก 63 เขตเศรษฐกิจ ดีขึ้นจากอันดับที่ 30 ในปี 2561 ขณะที่อันดับคุณภาพด้านโครงสร้างพื้นฐานดีขึ้นจากอันดับที่ 31 มาเป็นอันดับที่ 27 ในปี 2562 ทั้งนี้ เนื่องจากการลงทุนเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการคมนาคมของประเทศเชื่อมโยงระบบรถ-ราง-เรือ รวมถึงมีการบริหารจัดการการให้บริการที่เป็นมาตรฐานสากล ซึ่งสอดคล้องกับทิศทางการขับเคลื่อนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศในช่วงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 จะมุ่งเน้นการขยายขีดความสามารถและพัฒนาคุณภาพการให้บริการ เพื่อรองรับการขยายตัวของเมืองและพื้นที่เศรษฐกิจหลักสนับสนุนให้เกิดความเชื่อมโยงกับอนุภูมิภาคและภูมิภาคอย่างเป็นระบบ ส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพชีวิตของทุกกลุ่มในสังคมสร้างความเป็นธรรมในการเข้าถึงบริการพื้นฐาน และพัฒนาระบบการบริหารจัดการและการกำกับดูแลให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล เพื่อยกระดับประเทศไทยสู่อนาคตการเป็นประเทศที่มีรายได้สูง (High Income Country) สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals : SDGs) พร้อมสนับสนุนการปรับโครงสร้างประเทศไทยไปสู่ประเทศไทย 4.0

ผู้ว่าการ วว. กล่าวต่อว่า จากวิกฤตโรคโควิด-19 ระบาด ส่งผลกระทบต่อธุรกิจทั่วโลก รวมถึงโลจิสติกส์ เนื่องจากการขนส่งทั้งทางบกทั้งในประเทศ และขนส่งข้ามแดนมีความล่าช้า จากการล็อกดาวน์หลายพื้นที่ ส่วนขนส่งทางอากาศธุรกิจการบินไม่สามารถทำการบินได้ ทำให้ธุรกิจได้รับผลกระทบด้านรายได้เกือบเป็นศูนย์ ขณะที่การขนส่งทางเรือได้รับผลกระทบเช่นกัน แต่ยังมีการขนส่งสินค้านำเข้าส่งออกอยู่บ้าง ทั้งนี้ สถานการณ์ดังกล่าว คาดว่าจะกระทบต่อธุรกิจโลจิสติกส์ปี 2563 แนวโน้มจะหดตัวลงมากถึง 30-40% ขณะที่การขนส่งหลายประเภทอยู่ในภาวะหดตัว แต่การขนส่งพัสดุ การขนส่งสินค้าถึงบ้านหรือเดลิเวอรี่ต่างๆ กลับมีการเติบโตสูงมาก สวนกระแสตลาดโดยรวม เนื่องจากห้างร้านปิดให้บริการและการที่ประชาชนอยู่บ้าน ทำให้ใช้บริการสั่งซื้อสินค้าและบริการส่งตรงถึงบ้าน ดังนั้น ผู้ประกอบการจำเป็นต้องตระหนักเพื่อรับความเปลี่ยนแปลงหรือเรียกได้ว่าเป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์ นั่นคือ “บริหารต้นทุนให้ต่ำ ทำให้เร็วกว่าเดิม เพิ่มการลงทุนเทคโนโลยี”

“…สิ่งที่ผู้ประกอบการต้องคำนึงถึงคือ ความปลอดภัย ความเร็วในการจัดส่งสินค้า การส่งมอบสินค้าตรงเวลา สินค้าอยู่ในสภาพสมบูรณ์ พนักงานให้บริการอย่างมืออาชีพ เพื่อให้ผู้รับสินค้ามีความพึงพอใจ ขณะที่ธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์ไทยที่กำลังเติบโตท่ามกลางการแข่งขันที่ดุเดือด ได้เร่งปรับตัว นำเทคโนโลยีเข้ามาบริหารงานมากขึ้น การแข่งขันจึงไม่ใช่แค่การใช้เทคโนโลยี แต่คือการลงทุนเทคโนโลยีให้ถูกจุด เพื่อครองชัยชนะบนสมรภูมิยุค Digital Disruption วว. เล็งเห็นถึงความสำคัญของการขับเคลื่อนระบบโลจิสติกส์ ด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยเฉพาะในยุค New Normal จึงได้จัดสัมมนาในครั้งนี้ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลทั้งที่เป็นภาพรวมและเชิงลึกแก่ผู้ประกอบการ โดยเฉพาะการขนส่งสินค้าอันตรายเพื่อให้ผู้ประกอบการนำข้อมูลที่ได้รับนี้จัดลำดับความสำคัญของปัญหา เพื่อเป็นแนวทางในการกำหนดนโยบายการจัดการความเสี่ยงและการประเมินความเสี่ยงในอนาคต…” ผู้ว่าการ วว. กล่าว

ดร.ชุติมา เอี่ยมโชติชวลิต ผู้ว่าการ วว. กล่าวว่า  วว. มีศักยภาพและความพร้อมทางด้านห้องปฏิบัติการในการให้บริการทดสอบและรับรองชิ้นส่วนในระบบขนส่ง รวมถึงบรรจุภัณฑ์สำหรับสินค้าและวัตถุอันตราย ได้แก่ ศูนย์ทดสอบมาตรฐานระบบขนส่งทางราง ซึ่งเป็นหน่วยงานกลางของประเทศด้านการทดสอบรับรองคุณภาพระบบขนส่ง ด้านระบบขนส่งที่ครอบคลุมทั้งด้านระบบรางและส่วนเชื่อมต่อกับการขนส่ง  เช่น  รถไฟขนส่งสินค้า รถไฟฟ้าในเมือง รถบรรทุกสินค้า ยานยนต์ไฟฟ้า ฯลฯ เพื่อสนับสนุนด้านความปลอดภัยในการใช้งานระบบขนส่งทางรางและเสริมขีดความสามารถผู้ประกอบการในการทดแทนการนำเข้าชิ้นส่วนระบบราง นอกจากนี้ ยังสนับสนุนการถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านระบบราง รวมถึงให้การฝึกอบรมและส่งเสริมการพัฒนาบุคลากรที่เกี่ยวข้องในส่วนวิศวกรรมระบบราง เช่น วิศวกรและนักศึกษา คณาจารย์รวมถึงผู้ประกอบการผลิตชิ้นส่วนรถไฟ ศูนย์การบรรจุหีบห่อไทย เป็นหน่วยงานกลางของชาติด้านการพัฒนาบรรจุภัณฑ์มาตรฐาน ที่สอดคล้องกับมาตรฐานสากลระดับนานาชาติ เพื่อช่วยรักษาคุณภาพสินค้า ลดความสูญเสียของสินค้าจากการใช้บรรจุภัณฑ์ที่ไม่ได้คุณภาพมาตรฐาน และพัฒนาบรรจุภัณฑ์ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการส่งออก ตลอดจนส่งเสริมให้ความรู้ด้านเทคโนโลยีการบรรจุภัณฑ์ให้แก่ประชาชนและผู้สนใจทั่วไปเพื่อยกระดับมาตรฐานการบรรจุหีบห่อของประเทศ

อนึ่ง การจัดสัมมนา “การขับเคลื่อนระบบโลจิสติกส์ ด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแบบ New Normal” วว.ได้รับเกียรติจากผู้เชี่ยวชาญจากสาขาต่างๆ มาร่วมแลกเปลี่ยนความรู้ พร้อมชี้แนะแนวทางให้กับผู้ประกอบการไทย ดังนี้ รศ.ดร.สถาพร อมรสวัสดิ์วัฒนา รองอธิการบดีอาวุโสสายงานวิชาการและงานวิจัย มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย บรรยายเรื่อง “ฝ่าวิกฤติเศรษฐกิจไทย ด้วยระบบโลจิสติกส์สมัยใหม่” โดยสรุปว่า ปัจจุบันและอนาคต ระบบโลจิสติกส์จะยิ่งเติบโต เพื่อลดต้นทุนการผลิต สนองตอบความต้องการของผู้บริโภค จะมีการใช้สมองทำงาน มีการใช้ระบบไอที มากกว่าการใช้แรงงานกำลังบุคลากร  ผู้ประกอบการจะต้องมีการปรับตัวให้เท่าทันกับสถานการณ์ นอกจากนี้ ระบบดาต้า ฐานข้อมูลต่างๆ ที่เชื่อมโยงกับพฤติกรรมการใช้ของผู้บริโภค มีความจำเป็นและจะมีบทบาทสำคัญที่เชื่อมโยงกับระบบโลจิสติกส์มากขึ้นในลักษณะ “ขาย” และ“ขน” ทำให้ธุรกิจออนไลน์เติบโตอย่างต่อเนื่อง การเสวนาเรื่อง ความปลอดภัยในการขนส่งสินค้าและวัตถุอันตราย โดยมีผู้ร่วมเสวนา ได้แก่ นายฐากูร สิทธิบุศย์  หัวหน้ากลุ่มตรวจท่า สำนักความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อมทางน้ำ กรมเจ้าท่า นายอมฤทธิ์ ปั้นศิริ ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ สมาคมตัวแทนขนส่งสินค้าทางอากาศไทย นายรังสรรค์ โพธิสิทธิพร หัวหน้าวิศวกร  บริษัท โตโยต้า ไดฮัทสุ เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ แมนูแฟคเจอริ่ง จ้ากัด นายชลัช วงศ์สงวน Sustainability Solution Business Director SCG Logistics Management Co., Ltd. และ นายวิรัช จันทรา รองผู้ว่าการบริการอุตสาหกรรม สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) โดยมีเนื้อหาการเสวนามุ่งเน้นการแลกเปลี่ยนความรู้ภารกิจองค์กรในด้านที่เกี่ยวกับระบบโลจิสติกส์ พร้อมชี้แนะให้ผู้ประกอบการตระหนักและให้ความสำคัญด้านความปลอดภัยในการขนส่งสินค้า/วัตถุอันตรายและบุคลากร พร้อมเน้นย้ำให้มีการปรับตัว ให้เท่าทันเทคโนโลยีที่ทันสมัย ให้เท่าทันต่อสภาวการณ์ของธุรกิจที่เติบโตโดยเฉพาะธุรกิจออนไลน์ซึ่งมีบทบาทสำคัญมากในช่วงการประสบภาวะโควิด-19 ทั้งนี้ หน่วยงานภาครัฐพร้อมให้การสนับสนุนผู้ประกอบการให้มีความเข้มแข็งและมีศักยภาพการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ