มะม่วงหิมพานต์ สรรพคุณเป็นยา ใช้บด พอกแก้โรคผิวหนัง แผลน้ำร้อนลวก สูดดมควัน แก้โรคไอ และเจ็บคอ

ครั้งนี้จะชวนปลูกต้นไม้ที่มีผลกินได้ และมีคุณค่าทางสมุนไพรอย่างมาก ต้นไม้ที่ว่าคือ ต้น “มะม่วงหิมพานต์”

มะม่วงหิมพานต์ ทางวิชาการจัดอยู่ในพันธุ์ไม้ยืนต้นขนาดกลาง มีความสูงโดยเฉลี่ย 10 เมตร มีใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับกัน รูปใบรูปไข่ ปลายใบมน โคนใบแหลม เนื้อใบหนาคล้ายใบลั่นทม

เมื่อมีดอกจะออกเป็นช่อกระจาย แรกออกจะสีขาว ก่อนจะเปลี่ยนเป็นสีชมพู มีเกสรอยู่หลายอัน พอดอกเริ่มจะโรยจะติดผล ลักษณะผลคล้ายผลชมพู่

ผลที่ยังอ่อนจะมีสีเหลืองอมชมพู เมื่อผลสุกจะเป็นสีแดงสด ปลายผลจะมีเมล็ดอยู่ 1 เมล็ด รูปคล้ายไต เปลือกนอกแข็ง สีน้ำตาลอมเทา

คนแต่โบราณรู้จักนำเอาใบ ยางจากผล เมล็ด และยางลำต้น มาใช้ประโยชน์ทางยาสมุนไพร

สรรพคุณของใบ ใช้ใบสดมาบด พอกแก้โรคผิวหนัง แผลน้ำร้อนลวก แผลไฟไหม้ หากนำใบสดมาเผาไฟ สูดดมควัน แก้โรคไอ และเจ็บคอ

สรรพคุณยางจากผล ใช้กัดหูด กัดตาปลา แก้โรคเท้าช้าง

สรรพคุณจากผล เป็นยาแก้โรคเลือดออกตามไรฟัน แก้แผลในปาก และแก้อาเจียน

สรรพคุณของเมล็ด ใช้กินสด หรือคั่วเกลือ แก้โรคบวมน้ำ ขับปัสสาวะ

หากนำเมล็ดมาสกัดเอาน้ำมัน ใช้ทาแก้กลาก เกลื้อน แก้โรคเรื้อน และโรคผิวหนังอื่นๆ ทั้งนี้คือภูมิปัญญาของคนโบราณที่ได้ศึกษาไว้ มาช่วยกันปลูกคนละต้นสองต้น ไม่ต้องพึ่งยาปฏิชีวนะ เงินก็ไม่เสีย กินเป็นอาหารได้อีก