Smart SME EXPO 2020 เงินสะพัดกว่า 2 พันล้านบาท

Smart SME EXPO 2020 ฝ่าวิกฤตโควิด-19 เผยมียอดผู้เข้างานตลอด 4 วันเฉียด 3 หมื่นคน สร้างเม็ดเงินสะพัดกว่า 2 พันล้านบาท ขณะที่การจับคู่ธุรกิจ Business Matching สูงถึง 293 คู่ ส่วนผู้เข้าอบรมสร้างงานสร้างอาชีพในงานเกือบ 1,000 คน

นางสาวณรินณ์ทิพ วิริยะบัณฑิตกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีเอ็มจี คอร์ปอเรชั่น จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้จัดงาน Smart SME EXPO 2020 เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม-1 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา พบว่าประสบความสำเร็จเกินคาดหมาย แม้จะเป็นช่วงที่ประเทศไทยกำลังเผชิญกับปัญหารอบด้าน ที่ส่งผลกระทบต่อภาพรวมทางเศรษฐกิจ แต่คนไทยก็ยังคงให้ความสนใจ และมองหาโอกาสในการลงทุนและประกอบกิจการ

ทั้งนี้ ภาพรวมของงาน ปรากฏว่ามียอดผู้คนเข้าชมงาน ตลอด 4 วัน รวมทั้งสิ้นเกือบ 3 หมื่นคน ภายใต้มาตรการเว้นระยะห่างเพื่อป้องกันการระบาดโควิด-19 และไม่นับรวมผู้เข้าร่วมอบรมสัมมนาที่จัดขึ้นภายในงานผ่านระบบออนไลน์อีกจำนวนมาก

สำหรับแฟรนไชส์ธุรกิจ ภายในงานที่มีมากมายกว่า 300 บู๊ธ พบว่า มีผู้สนใจจองและซื้อแฟรนไชส์ มูลค่ารวมถึง 500 ล้านบาท (ไม่รวมยอดขายปลีก) โดยแฟรนไชส์ที่มียอดขายสูงสุดเรียงลำดับ ได้แก่ ตู้เติมน้ำมันอัตโนมัติและคลังน้ำมันออสซี่ออยล์, แฟรนไชส์ร้านตัดผม Yes it is, แฟรนไชส์เครื่องซักผ้า M soul, แฟรนไชส์ไส้กรอกแม่ไก่, แฟรนไชส์ ชานม Am Tea และ แฟรนไชส์ T-Time ติ่มซำ เป็นต้น

ส่วนยอดยื่นขอสินเชื่อจากสถาบันการเงิน ที่มาเปิดโอกาสทางการเงินให้กับผู้ซื้อแฟรนไชส์และนักลงทุนภายในงาน มีเม็ดเงินรวมประมาณ 1,500 ล้านบาท ได้แก่ ธนาคารออมสิน 605 ล้านบาท, ธนาคารกรุงเทพ 352 ล้านบาท, ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย 241 ล้านบาท Exim Bank 70 ล้านบาท, ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร 133 ล้านบาท ธนาคารกสิกรไทย 45 ล้านบาท เป็นต้น

นอกจากนี้ บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม ได้ให้บริการค้ำประกันยอดสินเชื่อมูลค่า 13 ล้านบาท และธนาคารอาคารสงเคราะห์ มียอดจองสินเชื่อบ้านภายในงานสูง 63 ล้านบาท

ส่วนสิ่งที่เหนือความคาดหมายคือ งานนี้มียอดเจรจาจับคู่ธุรกิจ (Business Matching) สูงเป็นประวัติการณ์ โดยมีจำนวนคู่เจรจาธุรกิจมากถึง 293 คู่ แบ่งเป็นการจับคู่กับคู่ค้าภายในประเทศไทย 206 คู่ และการจับคู่กับคู่ค้าต่างประเทศทั้งประเทศจีน ลาว กัมพูชา รวม 87 คู่ โดยประเทศที่ผู้ประกอบการสนใจเจาะตลาดมากที่สุดคือ ประเทศกัมพูชา และประเภทธุรกิจที่เข้าร่วมเจรจามากที่สุด คือธุรกิจอาหารแปรรูป คิดเป็นร้อยละ 70 รองลงมาคือ ธุรกิจความงาม และธุรกิจผลิตสินค้าอุปโภคบริโภค

ด้านกิจกรรมสัมมนาและอบรมอาชีพฟรี เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ได้รับความสนใจจากผู้เข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก โดยหัวข้ออบรมและเวิร์กช็อป ที่ได้รับความนิยมสูงสุดคือ หลักสูตร ชง ชิม ช็อป กับแชมป์บาริสต้า 4 สมัย, เปิดโลกกัญชา กัญชง และ กระท่อม โดย Thai Herb, การสร้างโอกาสการขายบน TikTok, ทำการตลาดออนไลน์ ให้เหนือคู่แข่งหลังยุค COVID-19, YouTuber เปลี่ยนสายตาและประสบการณ์ชีวิตเป็นสินทรัพย์ดิจิทัล เป็นต้น โดยผู้ที่เข้าร่วมฟังและอบรมรวมเกือบ 1,000 คน

นางสาวณรินณ์ทิพ กล่าวต่ออีกว่า สำหรับหน่วยงานให้บริการและส่งเสริมเอสเอ็มอีที่ร่วมงานครั้งนี้ยังคงได้รับความสนใจจากผู้เข้าชมงานเช่นทุกปี อาทิ สสว. ซึ่งมาให้บริการรับขึ้นทะเบียนจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐให้กับเอสเอ็มอี สำนักงานเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า ที่มาโชว์นวัตกรรมทางเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อให้เอสเอ็มอีได้เรียนรู้ เป็นต้น

นางสาวณรินณ์ทิพ วิริยะบัณฑิตกุล

“เราจัดงานครั้งนี้ขึ้น ท่ามกลางสถานการณ์วิกฤตรอบด้าน แต่สิ่งที่เราพบคือ ผู้ประกอบการและคนทั่วไป ก็ยังต้องการโอกาสและช่องทางเสริมรายได้ รวมทั้งความรู้ต่างๆ เพื่อสร้างความมั่นคง และขอขอบคุณพันธมิตรทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ที่ทำให้งานครั้งนี้ประสบความสำเร็จ และร่วมกันสร้างผู้ประกอบการ หรือเอสเอ็มอีหน้าใหม่เพิ่มขึ้นอีกจำนวนมาก ซึ่งถือว่าเป็นอีกแรงหนึ่งที่ช่วยพัฒนาเอสเอ็มอีไทย”

ทั้งนี้ บริษัท พีเอ็มจี คอร์ปอเรชั่น ได้วางแผนจัดงาน Smart SME EXPO ในปีหน้า โดยจะขยายการจัดงานเป็น 4 ครั้ง แบ่งเป็นที่กรุงเทพฯ 1 ครั้ง หัวเมืองในภูมิภาค 3 ครั้ง เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการและผู้สนใจในต่างจังหวัด สามารถเข้าร่วมงานได้สะดวกขึ้น โดยสามารถติดตามข่าวสารได้ทาง https://expo.smartsme.co.th/