สศท.5 แนะเกษตรกรปลูกถั่วเหลืองพืชหลังนา อายุสั้น-บำรุงดิน กำไรงาม

นางอิศราภรณ์ ชัยกุณา รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 5 นครราชสีมา (สศท.5) สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยว่า ถั่วเหลืองนับเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญในประเทศและมีความต้องการทางตลาดสูงสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้หลายด้าน ปัจจุบันเกษตรกรนิยมนำมาปลูกหลังจากการทำนา ซึ่งนอกจากจะสร้างรายได้ให้เกษตรกรแล้วยังเป็นการปรับปรุงโครงสร้างของดิน เกิดความสมดุลของธาตุอาหาร ทำให้ดินมีความอุดมสมบูรณ์มากขึ้น จึงนับได้ว่าถั่วเหลืองเป็นพืชที่มีอนาคตสำหรับเกษตรกร โดยแต่ละปีการผลิตถั่วเหลือง เกษตรกรสามารถทำการเพาะปลูกได้ 2 ฤดู คือ ฤดูฝน จะปลูกในช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม เก็บเกี่ยวผลผลิตประมาณเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน และถั่วเหลืองฤดูแล้ง เริ่มในเดือนธันวาคม-กลางเดือนมกราคม ของปีถัดไป และเก็บเกี่ยวในช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน ของปีถัดไป

สำหรับจังหวัดชัยภูมิมีพื้นที่เพาะปลูกถั่วเหลืองประมาณ 9,000 ไร่ ซึ่งเป็นแหล่งเพาะปลูกอันดับต้นๆ ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เนื่องจากมีสภาพดินร่วนเหนียวปนทราย มีอุณหภูมิที่เหมาะสมต่อการงอกและการเจริญเติบโต (20-30 องศาเซลเซียส) และสภาพความเป็นกรดด่างที่เหมาะสม ระหว่าง 5.5-6.5 แหล่งปลูกสำคัญอยู่ในอำเภอภูเขียว อำเภอเกษตรสมบูรณ์ และอำเภอคอนสาร ซึ่งในช่วงเดือนธันวาคมที่จะถึงนี้ เริ่มเข้าสู่การเพาะปลูกถั่วเหลืองฤดูแล้ง

ถั่วเหลือง

สศท.5 ได้ลงพื้นที่เพื่อติดตามสถานการณ์การผลิตและต้นทุนถั่วเหลือง รุ่นที่ 2 (ถั่วเหลืองหลังฤดูกาลทำนาปี) ของจังหวัดชัยภูมิ พบว่า ปัจจุบันเกษตรกรนิยมปลูกถั่วเหลืองพันธุ์เชียงใหม่ 60, มข.35 และพันธุ์พื้นเมือง ซึ่งสามารถหาซื้อได้ตามท้องตลาดทั่วไป ราคาเมล็ดพันธุ์เฉลี่ย 25-30 บาท ต่อกิโลกรัม ซึ่งปลูกด้วยวิธีการหว่าน ใช้เมล็ดพันธุ์ประมาณ 20 กิโลกรัม ต่อไร่ มีต้นทุนการผลิตจนถึงเก็บเกี่ยวเฉลี่ย 2,827 บาท ต่อไร่ ต่อรอบการผลิต เริ่มเก็บเกี่ยวผลผลิตได้เมื่อมีอายุ 90-110 วัน ให้ผลผลิตรวม 868 ตัน ผลผลิตเฉลี่ย 210 กิโลกรัม ต่อไร่ ต่อรอบการผลิต ราคาที่เกษตรกรขายได้เมล็ดความชื้น 14.5% เฉลี่ย 19 บาท ต่อกิโลกรัม (ราคา ณ เดือนพฤศจิกายน 2563) สร้างรายได้เฉลี่ย 3,990 บาท ต่อไร่ ต่อรอบการผลิต คิดเป็นผลตอบแทนสุทธิเฉลี่ย (กำไร) 1,163 บาท ต่อไร่ ต่อรอบการผลิต ด้านสถานการณ์ตลาด ผลผลิตส่วนใหญ่ร้อยละ 95 เกษตรกรจะจำหน่ายในลักษณะเมล็ดแห้งให้กับพ่อค้าที่รวบรวมในท้องที่ เพื่อให้ผู้ประกอบการนำไปแปรรูป ส่วนอีกร้อยละ 5 เกษตรกรเก็บเป็นเมล็ดพันธุ์เพื่อลดต้นทุนการผลิตต่อไปได้

 นางอิศราภรณ์ ชัยกุณา

ทั้งนี้ จึงขอเชิญชวนและส่งเสริมเกษตรกรที่สนใจหันมาปลูกถั่วเหลืองคุณภาพดี เนื่องจากเป็นพืชอายุสั้น ปลูกเพียง 4 เดือน ต้องการน้ำน้อย ให้ผลผลิตสูง ราคาดี เพื่อรองรับความต้องการของตลาด และยังเป็นพืชที่ช่วยบำรุงคุณภาพดินที่จะส่งผลให้การปลูกข้าวของเกษตรกรได้ผลผลิตสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม พื้นที่ปลูกถั่วเหลืองที่เหมาะสมควรมีปริมาณน้ำเพียงพอและเป็นพื้นที่ที่สามารถระบายน้ำออกได้ดี โดยเกษตรกรต้องระมัดระวังเรื่องคุณภาพ การเก็บเกี่ยว ควบคุมคุณภาพเมล็ดในเรื่องของความชื้นสูง เพราะจะทำให้เมล็ดบวม เน่า เสียหาย สำหรับท่านที่สนใจข้อมูลสถานการณ์การผลิตการตลาดถั่วเหลืองในพื้นที่จังหวัดชัยภูมิ หรือพื้นที่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ สศท.5 โทร. (044) 465-120 หรืออีเมล zone5@oae.go.th