กรมส่งเสริมสหกรณ์ปรับระบบจัดเก็บฐานข้อมูลสหกรณ์

กรมส่งเสริมสหกรณ์ปรับระบบจัดเก็บฐานข้อมูลสหกรณ์ เพื่อใช้ในการวางแผนพัฒนาต่อยอดธุรกิจสหกรณ์และเชื่อมโยงกับฐานข้อมูลของภาครัฐ

กรมส่งเสริมสหกรณ์ปรับระบบจัดเก็บฐานข้อมูลสหกรณ์ เจาะลึกให้เข้าถึงตัวสมาชิกสหกรณ์ เพื่อให้ทราบถึงการประกอบอาชีพและหนี้สินของแต่ละราย พร้อมเชื่อมโยงกับฐานข้อมูลของหน่วยงานภาครัฐอื่นๆ ให้เป็นฐานข้อมูลอันเดียวกัน เบื้องต้นจะเน้นสมาชิกสหกรณ์ภาคการเกษตร เพื่อใช้สำหรับวางแผนการแนะนำพัฒนาอาชีพและให้ความช่วยเหลือหากเกิดสถานการณ์ภัยธรรมชาติได้ทันท่วงที

ดร.วิณะโรจน์  ทรัพย์ส่งสุข อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้กรมส่งเสริมสหกรณ์ได้ปรับระบบการจัดเก็บฐานข้อมูลสหกรณ์ให้เข้าถึงสมาชิกเป็นรายบุคคล โดยมอบหมายให้ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กองแผนงาน กองพัฒนาสหกรณ์ภาคการเกษตรและกลุ่มเกษตรกร กองสหกรณ์ด้านการเงินและร้านค้า และสำนักนายทะเบียนและกฎหมาย ร่วมกันพิจารณาวางแนวทางในการจัดทำระบบฐานข้อมูลของสหกรณ์ว่าควรจะมีการจัดเก็บในเรื่องใดบ้าง ที่เป็นข้อมูลสำคัญและเป็นประโยชน์ในการนำมาใช้วางแผนพัฒนาสหกรณ์ได้ตรงกับศักยภาพของแต่ละสหกรณ์ จะวางระบบการจัดเก็บข้อมูลสหกรณ์ทั่วประเทศมาจัดเก็บไว้เป็นฐานข้อมูลกลางที่กรมส่งเสริมสหกรณ์ เพื่อจะได้ข้อเท็จจริงในการนำไปใช้วิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างรอบด้าน สำหรับใช้ในการเข้าไปแนะนำส่งเสริมและพัฒนาสหกรณ์ต่าง ๆ  ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เบื้องต้นกรมฯได้กำหนดให้สำนักงานสหกรณ์จังหวัดเก็บข้อมูลสถานภาพการดำเนินงานของสหกรณ์ทุกแห่งฐานข้อมูลสหกรณ์จะทำให้เห็นตัวตนและสถานะของสหกรณ์แต่ละแห่งที่แท้จริง และจะทำให้เจ้าหน้าที่ส่งเสริมสหกรณ์สามารถนำมาวางแผนสำหรับการเข้าไปแนะนำส่งเสริมเพื่อพัฒนาสหกรณ์ได้ตรงจุดและเกิดประสิทธิภาพในการดำเนินงานมากยิ่งขึ้น  สหกรณ์ไหนที่เข้มแข็งแล้ว กรมฯจะเข้าไปส่งเสริมให้สหกรณ์เหล่านี้เติบโตก้าวหน้า หากสหกรณ์ใดยังมีปัญหาในการดำเนินงานก็จะเร่งเยียวยาแก้ไขปัญหาจนสามารถยกระดับให้เป็นสหกรณ์ที่เข้มแข็งยิ่งขึ้น และจะเชื่อมโยงข้อมูลกับสหกรณ์ทุกแห่งทั่วประเทศโดยตรงเพื่อให้ได้ข้อมูลที่เป็นจริงและเข้าถึงสหกรณ์ได้มากที่สุด โดยให้เจ้าหน้าที่ของสหกรณ์เป็นผู้กรอกข้อมูลผ่านระบบอินเตอร์เน็ตเข้ามายังส่วนกลาง เพื่อจะได้ข้อมูลที่ละเอียดและชัดเจนยิ่งขึ้น กรมฯจะต้องเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อให้ได้ข้อมูลสำหรับนำมาใช้วิเคราะห์เพื่อกำหนดทิศทางในการพัฒนาสหกรณ์ในอนาคต เพราะหากรู้ข้อเท็จจริงของแต่ละสหกรณ์แล้ว ก็จะสามารถเข้าไปแนะนำส่งเสริมและช่วยแก้ไขปัญหาในจุดที่ถูกต้องได้  เนื่องจากยังมีฐานข้อมูลสหกรณ์บางอย่างที่สำคัญต่อการนำมาพัฒนาหรือต่อยอดให้กับธุรกิจของสหกรณ์ได้

“สำหรับการจัดเก็บฐานข้อมูลที่เจาะลึกถึงตัวสมาชิกสหกรณ์ที่มีอยู่ในปัจจุบันกว่า 11 ล้านคนทั่วประเทศ กรมฯได้มีหนังสือขอความร่วมมือไปยังสหกรณ์ทุกแห่งแจ้งรายการทะเบียนหุ้นและทะเบียนสมาชิก ตามที่พระราชบัญญัติสหกรณ์ มาตรา 64 กำหนดให้ทุกสหกรณ์ต้องรายงานต่อนายทะเบียนสหกรณ์ ภายใน 30 วัน นับจากวันสิ้นปีทางบัญชี ซึ่งจะทำให้ กรมฯมีฐานข้อมูลรายชื่อสมาชิกสหกรณ์ จำนวนหุ้นที่มีอยู่กับสหกรณ์ และเลขที่บัตรประชาชน 13 หลัก โดยจะเน้นการจัดเก็บฐานข้อมูลสสมาชิกสหกรณ์ในภาคการเกษตรเป็นอันดับแรก ซึ่งกรมฯจะนำเลขที่บัตรประชาชน 13 หลัก ของสมาชิกสหกรณ์ไปเชื่อมโยงกับฐานข้อมูลของกระทรวงมหาดไทยและกรมส่งเสริมการเกษตร กรมการข้าว กรมปศุสัตว์และกรมประมง เพื่อให้ทราบว่าสมาชิกสหกรณ์มีอาชีพหลักคืออะไร มีที่ดินทำกินเท่าไหร่   มีรายได้  มีหนี้สินเท่าไหร่ และมีการขึ้นทะเบียนเกษตรกร ไว้กับกรมต่าง ๆ หรือไม่ เพื่อให้ง่ายต่อการเข้าไปให้การสนับสนุนหรือช่วยเหลือได้ทันท่วงทีหากเกิดสถานการณ์ภัยธรรมชาติ  โดยขอให้ทุกสหกรณ์รายงานฐานข้อมูลสมาชิกสหกรณ์ภายในวันที่ 15 พฤษภาคม นี้” อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าว