“ปั๊ก” ยอดสุนัขไฮเปอร์ ขี้เล่น แฝงไปด้วยความตลก

รู้หน้าไม่รู้ใจ คำโบราณว่าไว้ และน่าจะใช้ได้กับสุนัขสายพันธุ์นี้ “ปั๊ก” สุนัขที่ได้ชื่อว่า หน้าตาทะเล้น บางครั้งก็ดูจริงจัง แต่โดยนิสัยของปั๊กแล้ว ร่าเริงตลอดเวลา จนไม่รู้ว่าหน้าตาที่เห็นอยู่หมายความว่าอารมณ์แบบไหน ธรรมชาติของปั๊ก จะเป็นสุนัขที่อารมณ์ดี น้อยนักที่จะได้ยินว่าปั๊กดุหรือกัดใคร เว้นเสียแต่ว่าขู่ตามอารมณ์หวงเจ้าของและหวงของเท่านั้น

กลุ่มคนรักปั๊กในไทยมีไม่น้อย จากการพูดคุยกับ คุณฉันทลักษณ์ ภู่เกตุ เจ้าของฟาร์มปั๊กบ้านยาย ทำให้ทราบว่า ตลาดต้องการสุนัขสายพันธุ์ปั๊กมาก เมื่อพิจารณาจากจำนวนพ่อแม่พันธุ์ในฟาร์มปั๊กบ้านยาย ที่มีอยู่เกือบ 40 ตัว ลูกปั๊กที่ได้มีลูกค้าจองหมดทุกคอก ถึงแม้ว่าฟาร์มปั๊กบ้านยายจะไม่ได้มีที่ตั้งทำเลฟาร์มอยู่ในแหล่งที่ไปมาได้สะดวกก็ตาม

“ปัจจุบัน เรามีพ่อแม่พันธุ์ปั๊กมากเกือบ 40 ตัว แต่ละปีก็มีลูกสุนัขหลายคอก แต่ละแม่ให้ลูกสุนัข 1-11 ตัว ซึ่งถือว่ามากพอสมควร แต่ก็ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของผู้สนใจเลี้ยงสุนัขพันธุ์ปั๊ก”

คุณฉันทลักษณ์ ภูเกตุ

ฟาร์มปั๊กบ้านยาย ไม่ได้ตั้งอยู่ใจกลางเมืองหรือแหล่งที่เดินทางสะดวก เพราะคุณฉันทลักษณ์ เห็นว่าการเลี้ยงสุนัขควรมีพื้นที่ ควรตั้งอยู่ห่างแหล่งชุมชน เพื่อไม่ให้เสียงหรือกลิ่นที่อาจเกิดขึ้นจากสุนัขไปรบกวนเพื่อนบ้าน อีกทั้งครอบครัวของคุณฉันทลักษณ์ ก็มีแหล่งที่พักอาศัยอยู่ในเขตอำเภอคลองขลุง จังหวัดกำแพงเพชร จึงเป็นเรื่องดีที่จะทำฟาร์มสุนัขให้ห่างจากชุมชน

คุณฉันทลักษณ์ เล่าให้ฟังว่า แรกเริ่มของการทำฟาร์มสุนัขพันธุ์ปั๊ก เพราะพี่สาวและพี่ชายทำฟาร์มสุนัขพันธุ์ปั๊กอยู่แล้ว เมื่อเห็นครั้งแรกก็รู้สึกชอบ เพราะความมีเสน่ห์ที่หน้าตาของสุนัขพันธุ์นี้ ที่มักจะทำหน้าย่น ทำให้อารมณ์ดีขึ้นมา ในบางครั้งหน้าย่นของสุนัขพันธุ์ปั๊กมองดูเหมือนหน้าบึ้ง แต่แท้จริงแล้วแฝงความตลกไว้ รวมถึงนิสัยของสุนัขพันธุ์ปั๊กที่ออกแนวนิสัยแบบไฮเปอร์ คือไม่อยู่นิ่ง ชอบสำรวจ รื้อ ค้น ขี้สงสัย ด้วยนิสัยเช่นนี้จะสามารถสร้างความสุขให้กับผู้เลี้ยงได้ ทั้งหมดคือเสน่ห์ที่หาได้ยากในสุนัขสายพันธุ์อื่น

“เริ่มต้นด้วยการซื้อสุนัขพันธุ์ปั๊กมาเลี้ยง 1 คู่ ไม่นานก็ได้ลูกสุนัขคอกแรก และคอกต่อๆ มา แรกๆ ก็เก็บไว้เลี้ยงเอง พอเริ่มเยอะ ก็เริ่มขายให้กับคนที่อยากได้ ราคากันเองในจังหวัดกำแพงเพชร กระทั่งวันหนึ่งมีพ่อค้าคนกลางติดต่อขอซื้อลูกสุนัขในราคาเหมา ซึ่งเป็นราคาที่ถูกมาก จนเราคิดว่า เราน่าจะทำฟาร์มขายสุนัขเองจะดีกว่า”

คุณฉันทลักษณ์ มองเรื่องการตลาดเป็นเรื่องสำคัญ เมื่อคิดจะทำฟาร์มจริงจัง ก็เริ่มมองตลาดมากขึ้น โดยเริ่มแรกทำเพจทางเฟซบุ๊กขึ้นมา เริ่มจากการโพสต์รูปลูกสุนัขน่ารักในอิริยาบถต่างๆ โดยไม่โพสต์ราคาขาย ทำเช่นนี้เรื่อยๆ ก็จะทำให้มีคนติดตามเพจเพิ่มมากขึ้น เมื่อเห็นความน่ารักของสุนัขก็จะเป็นที่มาของการสนใจซื้อของลูกค้าเอง

เหตุผลหนึ่งที่คุณฉันทลักษณ์ มองว่า สุนัขพันธุ์ปั๊ก น่าจะยังคงขายดีตลอด เพราะตามความเชื่อของชาวจีน เชื่อว่าสุนัขพันธุ์ปั๊ก เป็นสุนัขสายพันธุ์ชั้นสูงของจีน เพราะมีรอยพับย่นบริเวณหน้าผากที่คล้ายอักษรจีน หมายถึง “เจ้าชาย” ซึ่งถือว่าเป็นลักษณะที่ดีมาก นอกจากนี้ สุนัขพันธุ์ปั๊กเป็นสัตว์เลี้ยงมงคล หากเลี้ยงไว้ในบ้านจะนำมาซึ่งความเจริญรุ่งเรือง มีความสุข เงินทองไหลมาเทมา ทั้งยังเป็นสุนัขขนสั้นดูแลง่าย จึงเป็นที่นิยมไม่เสื่อมคลาย

การผลัดขนของสุนัขพันธุ์ปั๊ก จะเกิดขึ้นเพียงปีละครั้งในฤดูร้อน การผลัดขนก็ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ ไม่ต้องช่วยสางเหมือนกับสุนัขพันธุ์ที่มีขนยาว เพราะขนของสุนัขพันธุ์ปั๊กสั้นและเกรียน

สำหรับการเลือกซื้อสุนัขพันธุ์ปั๊กให้ตรงตามสายพันธุ์นั้นไม่ยาก คุณฉันทลักษณ์ แนะนำว่า สุนัขพันธุ์ปั๊กมี 4 สี คือ 1. สีขาว เป็นสีที่หายาก แต่ไม่ได้รับความนิยม 2. สีดำ ค่อนข้างหายาก 3. สีฟางข้าว และ 4. สีลูกวัว คล้ายสีฟางข้าวแต่เข้มกว่า ซึ่งการเลือกซื้อสุนัขพันธุ์ปั๊ก นอกจากจะเลือกสีตามใจชอบแล้ว ควรพิจารณาจากลักษณะที่บ่งบอกได้ว่าเป็นพันธุ์ปั๊กแท้ หลักๆ ได้แก่ กะโหลกใหญ่ ตากลมโปน ขาใหญ่ ตัวเตี้ยตัน หน้าผากมีรอยย่นเยอะ ขนสองชั้นหนานุ่มเหมือนกำมะหยี่ โดยสีที่ได้รับความนิยมในประเทศไทยมากที่สุด คือ สีฟางข้าว

การเลี้ยงดูสุนัขพันธุ์ปั๊กของฟาร์มปั๊กบ้านยาย ปฏิบัติกับสุนัขตามธรรมชาติ ในทุกเช้าจะพาเดินเหยาะๆ หรือวิ่งช้าๆ ออกกำลังกาย เพื่อสร้างความแข็งแรงให้กับร่างกายน้องหมา เนื่องจากสุนัขพันธุ์ปั๊กเป็นสุนัขที่มีจมูกสั้น ไม่มีระบบกรองอากาศ หากอากาศร้อนจะดึงอากาศร้อนเข้าสู่ร่างกายได้เร็วมาก ในช่วงอากาศหนาวก็เช่นกัน จะดึงอากาศหนาวเข้าสู่ร่างกายได้เร็ว ดังนั้น หากฤดูร้อนหรืออากาศชื้นให้สวมเสื้อ กินน้ำอุ่น พาออกมายืนกลางแดดในช่วงสาย แต่ถ้าอากาศร้อนก็จะให้อยู่ห้องปรับอากาศ ช่วยระบายความร้อนจากร่างกายของสุนัขพันธุ์ปั๊กได้

ปล่อยวิ่งออกกำลังกาย

“การออกกำลังกายของสุนัขเป็นส่วนหนึ่งของการเตรียมความพร้อมให้กับพ่อพันธุ์” คุณฉันทลักษณ์ กล่าวและว่า หากพ่อพันธุ์ไม่แข็งแรง ไม่เคยได้ออกกำลังกายเลยจะมีผลต่อการผสมพันธุ์ เมื่อต้องผสมจะขึ้นทับตัวเมียได้ยาก เมื่อเหนื่อยก็จะหมดความพยายามและไม่ขึ้นทับตัวเมียอีกเลย ดังนั้น นอกจากจะเตรียมความพร้อมด้วยการให้ออกกำลังกายเพื่อฟิตร่างกายแล้ว ยังต้องช่วยเมื่อถึงเวลาผสมพันธุ์ โดยหากตัวเมียเตี้ยกว่าก็ให้ตัวเมียยืนบนเก้าอี้ หรือขุดหลุมให้กับตัวผู้ยืน เพื่อให้ระดับความสูงระหว่างเพศผู้และเพศเมียไม่แตกต่างกัน

ในกรณีที่สุนัขทั้งพ่อพันธุ์และแม่พันธุ์ไม่ยอมให้ผสม ผู้เลี้ยงจำเป็นต้องเข้าไปช่วยเหลือด้วยการผสมเทียมให้ แต่ทั้งนี้ หากทำได้จะพยายามให้สุนัขผสมพันธุ์เองตามธรรมชาติ เพื่อให้การผสมได้ผลตามธรรมชาติเช่นเดียวกัน

การช่วยเหลือนอกจากเทคนิคระหว่างการผสม คุณฉันทลักษณ์ ให้ข้อมูลว่า นำไข่ขาวดิบให้กับสุนัขเพศผู้กินจะช่วยให้น้ำเชื้อแข็งแรง ส่วนเพศเมียจะให้กินกล้วยก่อนผสมเล็กน้อย รวมถึงให้กินน้ำหวาน จะช่วยบำรุงแม่พันธุ์ได้เป็นอย่างดี

การให้ลูกในสุนัขสายพันธุ์ปั๊กมากที่สุดคือ 11 ตัว น้อยที่สุดเพียงตัวเดียวก็เคยมี ส่วนสีที่ได้ในลูกสุนัขก็ขึ้นอยู่กับการเลือกสีจากพ่อและแม่ เมื่อลูกคลอดออกมาร้อยละ 90 จะได้สีเหมือนพ่อและแม่อย่างละครึ่ง

สุนัขหลังการผสมจะตั้งท้องประมาณ 60 วัน เมื่อใกล้คลอดในสุนัขพันธุ์ปั๊ก 2-3 วัน สุนัขจะไม่กินอาหาร ผู้เลี้ยงควรหมั่นสังเกต เมื่อคลอดต้องเข้าไปช่วย เพราะสุนัขพันธุ์นี้จะไม่จัดการการคลอดด้วยตัวเอง นับตั้งแต่คลอดออกมาตัวแรกต้องเข้าไปฉีดถุงรก ใช้ลูกยางดูดน้ำคร่ำที่ตกค้างในตัวลูกสุนัข ตัดสายสะดือ เขย่ากระตุ้นให้ลูกสุนัขร้อง เช็ดตัวด้วยน้ำอุ่นให้สะอาด หลังจากจัดการกับลูกสุนัขตัวแรกเสร็จสุนัขตัวต่อมาก็จะคลอดออกมาพอดี แต่ในกรณีที่แม่สุนัขเหนื่อย หมดแรง ไม่ยอมเบ่งคลอดลูกสุนัข จำเป็นต้องฉีดยาเร่งคลอด แต่ถ้าฉีดยาเร่งคลอดแล้วสุนัขยังไม่ยอมเบ่งคลอดอีก จำเป็นต้องพาไปพบแพทย์เพื่อให้ผ่าคลอด มิฉะนั้นอาจจะเสียทั้งลูกสุนัขและแม่สุนัข

เมื่อได้ลูกสุนัขครบตามจำนวนแล้ว ควรแยกลูกสุนัขออกจากแม่สุนัขนำไปกกไฟใต้หลอดไฟ 80 แรงเทียน โดยสังเกตจากการนอนของลูกสุนัข หากนอนเกยกันแสดงว่ายังหนาว ควรเพิ่มขนาดไฟให้ แต่ถ้านอนกระจาย แสดงว่าไฟร้อนเกินไป ควรเลื่อนระดับไฟออกมาให้พออุ่น อย่างไรก็ตาม ต้องคอยอุ้มลูกสุนัขไปให้กินนมทุก 2 ชั่วโมง หรือค่อยๆ ห่างออกเมื่อลูกสุนัขเริ่มโตขึ้น กรณีที่ไม่ได้ให้ลูกสุนัขนอนกับแม่สุนัข เนื่องจากโอกาสแม่สุนัขทับลูกตายมีสูงมาก

ปัญหาในสุนัขสายพันธุ์นี้คือ ควรระวังดวงตาที่ปูดโปนออกมา ระหว่างการเล่นหรือซนอาจชนเกิดการบาดเจ็บที่ตา ควรระวังไม่ให้มีวัสดุอุปกรณ์แหลมคมอยู่ใกล้ นอกจากนี้ ตาที่ปูดโปนจะทำให้ฝุ่นเข้าตาได้ง่าย ควรหมั่นสังเกตหากพบว่าตาเริ่มอักเสบ มีขี้ตาเขียวๆ ควรเช็ดตา หยอดตา หาก 2-3 วันผ่านไปยังไม่หาย ควรพาไปพบแพทย์

นอกจากนี้ ปัญหาด้านสุขภาพที่มักพบในสุนัขพันธุ์ปั๊กคือ โรคผิวหนัง หากถูกละอองฝุ่นมากจะเกิดผื่นคัน รวมถึงปัญหาโรคที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรมคือ โรคเรื้อนเปียก ซึ่งจะออกอาการเมื่อสุนัขอายุได้ประมาณ 4 เดือน โรคดังกล่าวนี้ไม่สามารถป้องกันได้ แต่สามารถเลือกสุนัขที่จะนำมาเลี้ยงได้ โดยการทราบพันธุกรรมของสุนัขตัวนั้นๆ เมื่อต้องการซื้อมาเลี้ยง หรือไปให้เห็นพ่อพันธุ์และแม่พันธุ์ด้วยตนเอง จะช่วยเลือกให้ได้ลูกสุนัขที่ดีที่สุดได้

เพราะสุนัขพันธุ์ปั๊ก เป็นสุนัขขี้เล่นตลอดเวลา การกินก็เช่นเดียวกัน หากไม่ต้องการให้กินเยอะ เพราะสุนัขอ้วนแล้ว ก็ควรหยุดให้อาหาร เพราะสุนัขพันธุ์ปั๊กนี้จะกินไม่หยุด ไม่รู้ตัวว่าอิ่มหรือไม่ แต่ถ้ายังผอมอยู่ก็ควรให้อาหารอย่างเต็มที่