ที่มา | ไม้ดอกไม้ประดับ |
---|---|
ผู้เขียน | ทะนุพงศ์ กุสุมา ณ อยุธยา |
เผยแพร่ |
“ไฮเดรนเยีย” เป็นพันธุ์ไม้ดอกจากต่างประเทศที่สามารถพัฒนาปรับปรุงพันธุ์ให้ปลูกได้ง่าย ในบ้านเรามีแหล่งปลูกสำคัญอยู่ที่เชียงใหม่ และเลย เป็นพันธุ์ไม้ที่ปลูกง่ายขยายพันธุ์เร็ว เพียงแค่ปักชำกิ่ง ควบคุมความชื้น แสงแดด และน้ำ ให้มีความเหมาะสมก็เจริญเติบโตมีดอกสมบูรณ์ได้ทุกพื้นที่
เสน่ห์ของไม้พันธุ์นี้เกิดจากความหลากหลายของสีดอกที่มีทั้งสีขาว ชมพู แดง ม่วง และฟ้า อันเป็นผลมาจากการควบคุมค่าความเป็นกรด ด่าง ที่เหมาะสม ทั้งทางน้ำ ปุ๋ย และดิน

จากจุดเด่นของสีดอกมากมายจึงมักนำมาประดับตกแต่ง ไม่ว่าจะตามสวนสาธารณะ ตามบ้านเรือน หรือใช้ดอกประดับตกแต่งตามงานสำคัญหลายประเภท จึงส่งผลให้ “ไฮเดรนเยีย” เป็นพันธุ์ไม้ดอกที่มีอนาคตไกลแล้วกำลังมาแรง สร้างอาชีพให้ชาวบ้านเพาะขยายขายต้นกล้า หรือตัดดอกส่งขาย
คุณเมธิกา จิรโชติฐากุล หรือ คุณเมย์ เจ้าของสวนไฮเดรนเยีย ชื่อ “ไฮเดรนเยียบ้านเรา” ตั้งอยู่เลขที่ 11 หมู่ที่ 5 ตำบลหนองบัว อำเภอภูเรือ จังหวัดเลย โทรศัพท์ (095) 168-1646, (093) 473-5758 สวนแห่งนี้เพาะขายต้นกล้า และต้นไฮเดรนเยียขนาดเล็ก ทั้งแบบถุง และกระถาง รวมถึงยังตัดดอกส่งขาย มีลูกค้ามากมายทั่วประเทศ

คุณเมย์ เคยเป็นแม่ค้าขายส่งผลไม้ตามฤดูกาล ส่วนสามีมีอาชีพตัดดอกไฮเดรนเยียขายอยู่ก่อน ทั้งคู่มองเห็นว่าตลาดขายดอกไฮเดรนเยียมีความต้องการตลอดเวลาไม่เคยตก แล้วยังมีราคาดีด้วย จึงหารือกันว่าควรทำแบบครบวงจร ตั้งแต่การเพาะต้นกล้า ขายต้นใส่กระถาง พร้อมกับยังตัดดอกขายส่งที่ปากคลองตลาด
สวน “ไฮเดรนเยียบ้านเรา” มีพื้นที่ 3 ไร่ ปลูกในโรงเรือนแบบเปิด ขึงหลังคาบังแดดด้วยซาแรน 60 เปอร์เซ็นต์ เพราะไฮเดรนเยียเป็นไม้ที่ชอบแดดรำไร โดยเฉพาะการตัดดอกขายจะต้องใช้ซาแรนเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ช่วยควบคุมแสงแดด ทำให้ต้นและดอกมีความสมบูรณ์ สีสวย โดยคุณเมย์ ปลูกต้นไฮเดรนเยียขาย 2 สายพันธุ์ ชนิดแรกเป็นพันธุ์ดั้งเดิมหรือพันธุ์พื้นเมือง ซึ่งชาวบ้านเรียกกันว่าพันธุ์เบา เพราะมีดอกง่าย แข็งแรง ทนทาน เหมาะกับการปลูกขายดอกทั้งปี อีกชนิดเป็นพันธุ์ต่างประเทศ มีสีสวย ต้นแข็งแรงเช่นกัน

ดอกไฮเดรนเยียไม่ได้มีสีตามพันธุ์ต้นแม่ แต่จะเปลี่ยนไปตามคุณสมบัติของน้ำ ปุ๋ย และดิน ที่มีค่าความเป็นกรด/ด่าง จากธาตุอาหารแตกต่างกัน ยกตัวอย่างเช่น หากต้นแม่เป็นสีฟ้า ต้นลูกจะเป็นสีชมพู หรือสีอื่นก็ได้ อย่างไรก็ตาม ที่สวนไม่ได้สร้างสีสันให้ดอกเพราะเน้นเพาะต้นกล้าขายให้กับพ่อค้าที่แจ้งออเดอร์ไว้ล่วงหน้าเพื่อไปขายต่อตามแหล่งขายต้นไม้หลายแห่ง ดังนั้น จึงไม่ได้ให้ความสำคัญกับสีดอก แต่ให้ความสำคัญกับความสมบูรณ์ของต้น ใบ และรูปร่างมากกว่า
คุณเมย์ ขยายพันธุ์ไฮเดรนเยียด้วยการปักชำ เพราะสะดวก รวดเร็ว และดูแลง่ายกว่าการใช้ต้นอ่อน กิ่งชำเลือกจากต้นที่มีอายุ 8 เดือนขึ้นไป มีลักษณะไม่อ่อนหรือแก่ โดยสังเกตจากกิ่งที่มีสีน้ำตาล แล้วตัดกิ่งออกเป็นท่อนให้เว้น 2 ข้อ แต่ละท่อนยาว ประมาณ 10 เซนติเมตร แต่ละกิ่งสามารถตัดเป็นท่อนได้ จำนวน 5 ท่อน

หลังจากตัดเป็นท่อนแล้วนำไปแช่น้ำยาฆ่าเชื้อรา แช่ไว้สัก 1 ชั่วโมง แล้วจุ่มด้วยน้ำยาเร่งรากก่อนนำไปปักชำในถุงดำมีดินปลูกเป็นหน้าดินร่วน ผสมด้วยแกลบดิบ จำนวน 2 ส่วน กับดินปลูก 1 ส่วน ช่วงเริ่มปักชำให้รดน้ำได้พอชุ่ม อย่าขัง วันเว้นวัน แต่ถ้าหน้าร้อนให้เพิ่มจำนวนรอบ ส่วนหน้าหนาวจะรดเพียงตอนเช้าครั้งเดียวเพื่อล้างน้ำค้าง หรือน้ำหมอกที่มาเกาะใบ ป้องกันความเสียหายที่เกิดกับใบ ต้นเพาะชำกิ่งวางไว้ในโรงเรือนที่มีซาแรน จากนั้นประมาณ 2 เดือน จะเริ่มแตกยอด
คุณเมย์ ให้รายละเอียดวิธีการดูแลต้นไฮเดรนเยีย ว่า อายุ 1-2 เดือน เป็นระยะต้นกล้า ให้น้ำอย่างเดียว เมื่ออายุ 3 เดือน ย้ายลงกระถาง ให้ใช้ปุ๋ย สูตร 15-15-15 ทุก 7 หรือ 15 วัน ให้ปริมาณน้อยแต่บ่อย หลังให้ปุ๋ยแล้วรดน้ำตามได้พอชุ่ม แต่อย่าขัง เมื่อไฮเดรนเยียเข้าสู่เดือนที่ 5 เริ่มใส่ปุ๋ยเปิดตาดอก สูตร 8-24-24 สลับกับสูตรเสมอ ระยะการให้ 7-15 วัน

สำหรับการดูแลใส่ปุ๋ยทั่วไปให้ใส่ปุ๋ย สูตร 15-0-0 จำนวน 2 กิโลกรัม ผสมแคลเซียมโบรอน จำนวน 2 ฝา และน้ำตาลทางด่วนอีกจำนวน 2 ฝา ใส่กับน้ำเปล่า 100 ลิตร โดยปุ๋ยสูตรดังกล่าวจะใส่แตกต่างกันตามช่วงอากาศ โดยปกติใช้ละลายน้ำแล้วใส่ที่ต้น แต่ถ้าหน้าหนาวต้องฉีดพ่นทางใบ เพราะหน้าหนาวพืชจะดูดซึมทางรากน้อยกว่าทางใบ ขณะเดียวกันการใช้น้ำตาลทางด่วนเป็นการช่วยเพิ่มความรวดเร็วในการดูดซึมอาหารของพืช
การเพาะต้นกล้าไฮเดรนเยียในถุงชำ ขนาด 2 คูณ 6 นิ้ว มีต้นกล้า 2 กิ่ง สำหรับส่งขายให้ลูกค้าที่แจ้งออเดอร์ไว้จำนวนมาก หรือแบบถุงเพาะ ขนาด 4 คูณ 8 นิ้ว สำหรับไว้ขายหน้าสวนหรือตามออเดอร์ นอกจากนั้น ยังเพาะใส่กระถาง ขนาด 6 นิ้ว ที่ชำไว้ 3 กิ่ง จะได้ 6-8 ช่อ เป็นฟอร์มต้นที่สวย สำหรับส่งขายทางออนไลน์หรือลูกค้าที่มาซื้อหน้าสวน

ส่วนโรคที่พบเป็นราแป้ง มักพบในช่วงอากาศชื้น ส่วนราสนิมจะเกิดในช่วงอากาศร้อนและชื้น คุณเมย์ ชี้ว่าโรคเหล่านี้จะไม่เกิดหรือสร้างปัญหาหากตอนแช่กิ่งพันธุ์ใช้ปุ๋ย น้ำ และสารอาหารที่เหมาะสมก็จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงและภูมิคุ้มกันโรคได้
สำหรับราคาขายถ้าเป็นแบบถุงเพาะต้นกล้า ขนาด 2 คูณ 6 นิ้ว ซึ่งเป็นไซซ์ส่งขายให้ลูกค้าที่แจ้งออเดอร์ไว้จำนวนมาก มีราคาขายส่งหลักร้อยต่อต้น 15 บาท ถ้าหลักพันต้น ราคาต้นละ 10-12 บาท แบบถุงเพาะ ขนาด 4 คูณ 8 นิ้ว สำหรับขายหน้าสวนหรือตามออเดอร์ ราคาขายปลีก ถุงละ 35 บาท ขายส่ง ถุงละ 25 บาท และราคาขายแบบกระถาง ขนาด 6 นิ้ว ราคาขายส่ง กระถางละ 60 บาท ขายปลีก ราคา 80 บาท ซึ่งจัดไว้แบบกระถางเดี่ยวสวยงามหรือแบบเซ็ต หรือหากต้องการขนาดใหญ่กว่าไม่ว่าจะเป็น ขนาด 8 นิ้ว และ 10 นิ้ว ที่ไม่สามารถส่งได้ แต่มีจำหน่ายที่สวนด้วย

ในส่วนการตัดดอกขายเมื่อต้นกล้าแข็งแรงแล้วอีก 4 เดือน จึงเริ่มมีดอก โดยดอกจะดกมากในช่วงหน้าฝน ส่วนหน้าหนาวมักไม่มีดอก ระยะเวลาเก็บดอกตั้งแต่ 6-9 โมงเช้า เมื่อเก็บแล้วนำไปแช่น้ำ แล้วจึงแพ็กส่ง ดอกไฮเดรนเยียที่ตัดขายมีหลายขนาด หลายรุ่น ทยอยตัดได้ตลอดเวลาหลังเริ่มมีดอก กำหนดราคาดอกตามเส้นรอบวง แบ่งเป็น A B C D ราคาไซซ์ A= 60 บาท, B= 50 บาท, C= 35 บาท และ D= 15-25 บาท
ตลาดขายไฮเดรนเยียของสวนคุณเมย์ จะขายดีมากทางออนไลน์ เพราะช่องทางเพจลูกค้าสามารถติดตามกิจกรรมปลูกอัพเดทในสวนได้ทุกขั้นตอน สามารถประเมินการตัดสินใจเพื่อเป็นข้อมูลสำหรับการซื้อ-ขาย มีออเดอร์ล่วงหน้าข้ามปี ลูกค้ากลุ่มนี้ซื้อเหมาเป็นรถเพื่อนำไปขายต่อตามตลาดต้นไม้แหล่งอื่น โดยส่วนมากอยู่ในโซนภาคเหนือ จึงถือว่าอาชีพนี้ไม่ธรรมดา

การทำอาชีพปลูกไฮเดรนเยียของคุณเมย์ ต้องวางแผนการปลูกเพื่อให้ได้ผลผลิตตรงตามช่วงความต้องการของตลาด ข้อมูลการวางแผนนำมาจากหลายด้าน ไม่ว่าจะได้จากสมาคมดอกไม้ที่กำหนดว่าในแต่ละปีเทรนการใช้ดอกไม้อะไรบ้าง ตลอดจนเทศกาลสำคัญและงานประจำปี อย่างเช่น ถ้าเตรียมต้นกล้าไว้ในเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม พอเดือนมกราคม ย้ายลงกระถาง พอเดือนมีนาคม-เมษายน ตัดดอกได้ทันช่วงเทศกาล หรืออย่างในช่วงวันวาเลนไทน์ที่นิยมใช้ดอกไฮเดรนเยียมากและขายได้ราคาดี ก็จะนับเวลาถอยหลัง โดยเพาะต้นกล้าช่วงเดือนตุลาคม พอเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม ย้ายลงกระถาง แล้วพอถึงเดือนกุมภาพันธ์จะออกดอกพอดี

ทั้งนี้ การวางแผนปลูกไม่เพียงเพื่อให้ได้ผลผลิตตรงตามช่วงเวลาเทศกาล นับเป็นความสำคัญเพื่อช่วงชิงราคาและตลาดในแต่ละรอบปี แต่การวางแผนยังเป็นข้อมูลเพื่อใช้คำนวณต้นทุนและคาดการณ์ล่วงหน้าว่าจะต้องขายได้เท่าไร มีกำไรเท่าไร ควรกำหนดราคาขายเท่าไรจึงเหมาะสม รวมถึงรายได้ที่รับว่าคุ้มหรือไม่ เป็นข้อมูลเพื่อช่วยลดความเสี่ยงในการทำอาชีพได้อีก

คุณเมย์ กล่าวทิ้งท้ายว่าไฮเดรนเยีย เป็นพันธุ์ไม้ดอกที่ปลูกไม่ยาก เพียงแต่อย่าขาดน้ำ ตั้งไว้ในบริเวณที่มีแดดรำไร มีการให้ปุ๋ยเป็นระยะ เมื่อออกดอก ตัดไปใช้ในกิจกรรมหลายชนิด แล้วดอกจะเริ่มแตกใหม่อีกจนหมด จะปลูกเพื่อประดับบ้าน ประดับสวนก็ได้ หรือหากสนใจทำเป็นอาชีพสามารถสร้างรายได้ให้เป็นอย่างดี
สอบถามรายละเอียดต้องการสั่งซื้อต้นไฮเดรนเยียไปจำหน่าย หรือประดับตกแต่ง ติดต่อคุณเมย์ โทรศัพท์ (095) 168-1646, (093) 473-5758 หรือทางเพจ “ไฮเดรนเยียบ้านเรา”



