ที่มา | เทคโนโลยีเกษตร |
---|---|
ผู้เขียน | เทคโนโลยีชาวบ้านออนไลน์ |
เผยแพร่ |
เอ่ยถึง “ผักแว่น” หลายคนคงรู้จัก ฤดูฝน ช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายน ตรงกับฤดูทำนา เป็นช่วงที่ผักแว่นมีรสชาติอร่อยมาก ในช่วงที่ต้นข้าวกำลังแตกกอ ผักแว่นจะเจริญงอกงามดี ได้รับความอุดมสมบูรณ์จากธรรมชาติ ผักแว่นกำลังแตกใบ ทอดยอด อวบสวยใส น่ากิน หากผ่านพ้นช่วงนี้ไปผักแว่นจะเริ่มแก่ เหนียว ไม่อร่อยแล้ว คนไทยนิยมกินผักแว่นเป็นผักสด เครื่องเคียงกินกับน้ำพริกปลาร้า น้ำพริกปลาปิ้ง น้ำพริกกะปิ ลาบ ก้อย ยำเตา แจ่วปูนา ยำหน่อไม้ ซุบหน่อไม้ หรือนำมาทำน้ำแกงจืดให้เด็กและคนชรากินได้
“ผักแว่น” พบได้ทั่วทุกภาคของไทย ภาคใต้เรียกว่า “ผักลิ้นปี่” ตามลักษณะใบย่อยรูปลิ่ม คล้ายลิ้นปี่เครื่องเป่าประโคมดนตรีปี่พาทย์นั่นเอง ผักแว่น อยู่ในวงศ์ MARSILEACEAE ชื่อวิทยาศาสตร์ Marsilea crenata Presl. ชื่อสามัญ Water Clover เป็นพืชตระกูลเฟิร์น ขยายพันธุ์ด้วยสปอร์ ชอบขึ้นบริเวณที่ดินชื้นและในน้ำ รากเกาะติดกับพื้นดิน มีไหล และเจริญอยู่ในน้ำได้
ผักแว่น มีลำต้นอ่อนสีเขียว เมื่อต้นแก่มีสีน้ำตาล ลำต้นเลื้อยไปตามพื้นดิน ลำต้นค่อนข้างกลม มีขนสีน้ำตาลอ่อนปกคลุม ใบเป็นใบประกอบ มีใบย่อย 4 ใบ รูปร่างใบย่อยมีลักษณะเป็นสามเหลี่ยมหรือเป็นรูปลิ่ม ออกจากตรงกลางตำแหน่งเดียวกัน ใบย่อยทั้งหมดรวมกันเป็นรูปกลม ใบย่อยกว้าง 0.5-1.0 เซนติเมตร ยาว 0.8-1.5 เซนติเมตร โคนใบสอบ ขอบใบเรียบ หรือหยักเล็กน้อย แผ่นใบเรียบ ไม่มีขน ก้านใบยาว 4.5-10.5 เซนติเมตร ใบย่อยไม่มีก้านใบ มีสปอร์โรคาร์ป (sporocarps) เป็นก้อนแข็งสีดำ รูปขอบขนาน หรือรูปคล้ายเมล็ดถั่วเขียว ออกที่โคนก้านใบ ขณะที่อ่อนอยู่สีขาว เมื่อแก่สีน้ำตาลเข้มเกือบดำ
ผักแว่น แม้เป็นวัชพืชที่คอยแย่งน้ำแย่งอาหารต้นข้าวในนา แต่เป็นผักอินทรีย์ที่ทรงคุณค่า มีประโยชน์ เพราะมีคุณสมบัติเป็นพืชสมุนไพรฤทธิ์เย็น ช่วยบรรเทาความร้อนในร่างกาย ผักแว่น 100 กรัม ให้พลังงานแก่ร่างกาย 15 กิโลแคลอรี ประกอบด้วย เส้นใย (Fiber) 3.3 กรัม แคลเซียม 48 มิลลิกรัม เหล็ก 25.2 มิลลิกรัม วิตามินเอ 12,166 IU. วิตามินบีหนึ่ง 0.10 มิลลิกรัม วิตามินบีสอง 0.27 มิลลิกรัม ไนอะซิน 3.4 มิลลิกรัม วิตามินซี 3 มิลลิกรัม หากใครรู้จักผักแว่น ย่อมตระหนักถึงคุณค่า คุณประโยชน์ และรู้สึกหวงแหนปลูกอนุรักษ์ไว้เป็นสมบัติธรรมชาติของเราอีกนาน