ซีพีโชว์กระบวนการผลิตเบเกอรี่อัตโนมัติตลอดสายการผลิต เดินหน้ามาตราฐานอาหารปลอดภัย พร้อมก้าวเข้าสู่ Thailand 4.0

บริษัทเจริญโภคภัณฑ์อาหารจำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ โชว์กระบวนการผลิตขนมปัง ด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงเป็นระบบอัตโนมัติตลอดสายการผลิต “ลดการสัมผัสมือ” ตอกย้ำการเป็นผู้นำคุณภาพและอาหารปลอดภัย 4.0 สร้างความมั่นใจใหกับผู้บริโภคด้วยมาตรฐานอาหารปลอดภัยสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ตลอดห่วงโซ่การผลิต

นายวีรชัย รัตนบานชื่น ประธานผู้บริหารฝ่ายปฏิบัติการ ซีพีเอฟ กล่าวว่า โรงงานแปรรูปอาหาร บางน้ำเปรี้ยว แห่งนี้ ได่รับการรับรองหลักเกณฑ์วิธีการปฏิบัติที่ดีในการผลิต (Good Manufacturing Practices: GMP) และระบบการวิเคระห์อันตรายและจุดวิกฤตที่ต้องควบคุม (Hazard Analysis and Critical Control Point: HACCP) ตามาตรฐานสากล Codex จากบริษัท เอสจีเอส (ประเทศไทย) จำกัดโดยมี

นางหิรัญญา สุจินัย เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ให้เกียรติร่วมในพิธีมอบมาตรฐานดังกล่าว

การผ่านการรับรองมาตรฐานดังกล่าวของ ซีพีเอฟ แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการยกระดับกระบวนการผลิตสู้มาตรฐานสุขลักษณะและความปลอดภัยอาหารในระดับสากล และยังเป็นส่วนหนึ่งในการนำนโยบายคุณภาพซีพีเอฟ (CPF Quality Polity) มาใช้ในกระบวนการผลิตเพื่อส่งมอบคุณภาพและความปลอดภัยอาหารมาตรฐานเดียวกันทั่วโลก

โรงงานเบเกอรี่แห่งนี้เป็นโรงงานระบบปิดทั้งหมด ใช้เงินลงทุน 650 ล้านบาท ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) เพื่อส่งเสริมให้มีการผลิตสินค้าที่มีคุณภาพและปลอดภัยสำหรับผู้บริโภค โรงงานเปิดดำเนินการเมื่อปี 2559 โดยกระบวนการผลิตใช้เครื่องจักรและเทคโนยีที่ทันสมัย มีการใช้โปรแกรม SCADA ที่เชื่อมต่อเครื่องจักรทุกเครื่องและอุปกรณ์ จุดเด่นคือมีการติดตั้งเครื่องเทอร์โมมิเตอร์อินฟราเรดในการตรวจสอบอุณหภูมิสินค้าด้วยระบบออนไลน์เพื่อแสดงผลแบบเรียลไทม์ และมีการใช้ Smart QC ซึ่งเป็นเครื่องจักรตรวจสอบอัตโนมัติแบบ Visual Inspector ในการตรวจสอบและคัดแยกคุณภาพสินค้าที่ไม่ผ่านเกณฑ์ออก เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับสินค้าที่มีคุณภาพสม่ำเสมอ และมั่นใจในความปลอดภัยอาหาร

สำหรับสินค้าหลักของโรงงาน ได้แก่ ขนมปังเบอร์เกอร์ และขนมปังฮอทดอก โดยมีกำลังการผลิต 480,000 ชิ้นต่อวัน ซึ่งเป็นการผลิตเพื่อส่งต่อไปยังโรงงานอาหารเครือ CPF เพื่อผลิตเป็นอาหารพร้อมรับประทานภายใต้ตราสินค้าซีพี เช่น เบอร์เกอร์ไก่ย่างถ่าน เบอร์เกอร์หมูซุปเปอร์สไปซี่ เวฟด็อกไส้กรอกชีส เป็นต้น

“บริษัทได้พัฒนาบุคลากรทุกระดับให้มีทักษะหลายด้าน (Multifunctional skills) พร้อมก้าวเข้าสู่ Thailand 4.0 ทำให้โรงงานมีประสิทธิภาพสูง โดยใช้คนเพียง 32 คน เทียบกับโรงงานเบเกอรี่ทั่วไปที่ใช้คนมากกว่า 100 คน เช่น วิศวกรหนึ่งคนสามารถทำหน้าที่ควบคุมการผลิต บำรุงรักษาเครื่องจักร และควบคุมคุณภาพในเวลาเดียวกัน ซึ่งเป็นผลมาจาการออกแบบติดตั้งเครื่องจักรและซอฟต์แวร์ที่เป็นระบบอัติโนมัต์และต่อเนื่อง ที่สำคัญคือ ลดการสัมผัสมือ” นายวีรชัยกล่าว

Advertisement


นอกจากนี้ การนำระบบ HACCP มาใช้ในโรงงานเพื่อคันหาจุดควบคุมที่สำคัญ หรือ จุดวิกฤต (Critical Control Point; CCP) เพื่อควบคุมให้สินค้ามีความปลอดภัยต่อผู้บริโภค โดยบริษัทได้จัดตั้งคณะทำงานความปลอดภัยอาหาร (HACCP Team) เพื่อวิเคราะห์หาจุดวิกฤตทุกขั้นตอน ตั้งแต่วัตถุดิบ ขั้นตอนการผลิต การจัดจำหน่าย จึงประกันได้ว่าสินค้าที่ส่งมอบให้แก่ผู้บริโภค ถูกสุขลักษณะ และปลอดภัย

ความสำเร็จในการได้การรับรอง GMP และ HACCP ตามมาตรฐานอาหารสากล Codex สะท้อนให้เห็นศักยภาพในการผลิตอาหารให้มีคุณภาพ มาตรฐานและปลอดภัยตลอดห่วงโซ่อาหารซีพีเอฟ และสร้างให้กับผู้บริโภคเพิ่มมากยิ่งขึ้น

Advertisement