อธิบดี ชป. นำทีมลงพื้นที่ติดตามการบริหารจัดการน้ำในคลองจินดา วางแนวทางแก้ไขปัญหาระยะยาว

นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่ตรวจสอบสถานการณ์ค่าความเค็มของแม่น้ำท่าจีน เมื่อ วันที่ 27 ก.พ. 64 ณ สถานีปากคลองจินดา (ประตูระบายน้ำคลองจินดา) จุดเชื่อมต่อกับแม่น้ำท่าจีน ตรวจวัดค่าความเค็มได้ 2.04 กรัม/ลิตร ในขณะที่ด้านในคลองจินดาวัดค่าความเค็มได้ 0.55 กรัม/ลิตร อยู่ในเกณฑ์ปกติ (เกณฑ์เฝ้าระวังสำหรับกล้วยไม้ 0.75 กรัม/ลิตร เกณฑ์เฝ้าระวังเพื่อการเกษตรไม่เกิน 2 กรัม/ลิตร) ซึ่งกรมชลประทานได้ติดตามสถานการณ์และกำหนดมาตรการต่างๆ เพื่อไม่ให้เกษตรกรในพื้นที่ได้รับผลกระทบจากน้ำเค็ม ซึ่งได้ผลอย่างดียิ่ง

สำหรับพื้นที่ได้รับผลกระทบจากปริมาณน้ำจืดน้อยนั้น กรมชลประทาน ได้วางแผนงานแก้ไขปัญหาไว้หลายแนวทาง อาทิ การปรับปรุงสถานีสูบน้ำคลองจินดาให้สามารถสูบน้ำได้สองทาง กล่าวคือ สูบน้ำลงสู่แม่น้ำท่าจีนเพื่อเร่งระบายน้ำในฤดูน้ำหลากเพื่อบรรเทาปัญหาน้ำท่วม

ส่วนฤดูแล้งในช่วงเวลาที่แม่น้ำท่าจีนมีค่าความเค็มของน้ำต่ำ ก็สามารถสูบน้ำกลับขึ้นไปช่วยเหลือเกษตรกรได้ การผันน้ำจากแม่น้ำท่าจีนผ่านคลองประชานารถพร้อมทั้งติดตั้งเครื่องสูบน้ำ ขนาด 3 ลบ.ม. 1 เครื่อง ทำหน้าที่ผันน้ำมาลงคลองจินดาเพื่อกระจายน้ำให้กับพื้นที่การเกษตร การขุดลอกกำจัดวัชพืชน้ำ โดยเฉพาะผักตบชวาและการขุดลอก ขุดขยายคลองต่างๆ ให้สามารถระบายน้ำได้อย่างสะดวกในฤดูน้ำหลาก และเก็บน้ำไว้ในคลองสำหรับเป็นแหล่งน้ำให้เกษตรกรในพื้นที่ใกล้เคียง

การผันน้ำมาจากแม่น้ำแม่กลองผ่านมาทางคลองสายใหญ่ฝั่งซ้าย ช่วงที่ตัดกับคลองท่าผา -บางแก้ว พร้อมทั้งขุดลอกกำจัดวัชพืช บริเวณคลอง 6 ขวา-5 ซ้าย และคลอง 7 ขวา-5 ซ้าย และก่อสร้างปรับปรุงประตูระบายน้ำ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการระบายน้ำและเติมน้ำให้กับพื้นที่การเกษตรบริเวณคลองจินดาและพื้นที่ใกล้เคียง

“ได้สั่งการให้สำนักงานชลประทานที่ 13 ประสานกับสำนักเครื่องจักรกล ในการเร่งนำเครื่องจักรเครื่องมือ เข้ามาดำเนินการกำจัดผักตบชวาและวัชพืชพร้อมการขุดลอกและขุดขยายคลองให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลา 3-4 เดือน ก่อนฤดูฝนจะมาถึง เพิ่มศักยภาพการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่คลองจินดาและพื้นที่ใกล้เคียง สำหรับพื้นที่ที่ขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภคได้สั่งการให้เร่งนำรถบรรทุกน้ำเข้ามาช่วยชาวบ้านโดยด่วน” นายประพิศฯ กล่าวในที่สุด