กรมป่าไม้-ชุมชน-ซีพีเอฟ ร่วมพลิกฟื้นป่าเขาพระยาเดินธง สร้างแหล่งอาหารยั่งยืน เรียนรู้อนุรักษ์ป่าผ่านห้องเรียนธรรมชาติ

ลพบุรี – บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ จับมือ กรมป่าไม้ และชุมชน สานต่อโครงการซีพีเอฟ รักษ์นิเวศ ลุ่มน้ำป่าสัก เขาพระยาเดินธง จังหวัดลพบุรี ระยะที่ 2 มุ่งมั่นเพิ่มพื้นที่สีเขียว ร่วมบรรเทาผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสร้างความมั่นคงทางอาหาร สนับสนุนการขับเคลื่อนเป้าหมายความยั่งยืนของซีพีเอฟ และ SDGs รวมทั้งส่งเสริมการเรียนรู้อนุรักษ์และฟื้นฟูป่าผ่านห้องเรียนธรรมชาติ

ซีพีเอฟ ร่วมมือกรมป่าไม้ และชุมชน เดินหน้าโครงการ “ซีพีเอฟ รักษ์นิเวศ ลุ่มน้ำป่าสัก เขาพระยาเดินธง” ตำบลพัฒนานิคม อำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี โดยปีนี้เข้าสู่ระยะที่ 2 (ปี 2564-2568) มีเป้าหมายอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าเพิ่มเป็น 7,000 ไร่ จากระยะที่หนึ่ง (ปี 2559-2563) ที่ดำเนินการแล้วเสร็จรวม 5,971 ไร่

สำหรับกิจกรรมแรกของปีนี้ (26 มี.ค.) จิตอาสาซีพีเอฟ เจ้าหน้าที่จากสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 5 (สระบุรี) และชุมชน ร่วมซ่อมแซมฝายชะลอน้ำ 6 ฝาย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการชะลอการไหลของน้ำและดักตะกอนก่อนเข้าสู่ฤดูฝน โดยมี ว่าที่ร้อยตรีทรงพล แป้นแก้ว นายอำเภอพัฒนานิคม เป็นประธานเปิดงาน พร้อมด้วย นายภูมินพศ์ บุญบันดาร ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 5 (สระบุรี) นำเจ้าหน้าที่ของกรมป่าไม้ ร่วมกิจกรรม และ นายบัญชา ขาวเมืองน้อย รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ซีพีเอฟ ในฐานะรองประธานคณะทำงานโครงการ ซีพีเอฟ รักษ์นิเวศ ลุ่มน้ำป่าสัก เขาพระยาเดินธง นำจิตอาสาซีพีเอฟจากสายธุรกิจต่างๆ 200 คน รวมทั้งอาจารย์และนักศึกษาจากวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีลพบุรี ลงพื้นที่

นายอำเภอพัฒนานิคม กล่าวว่า ขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่มาร่วมกิจกรรมในวันนี้ แสดงให้เห็นว่าทุกคนตระหนักถึงการมีส่วนร่วมรักษาและปกป้องทรัพยากรป่าไม้ของชาติ และยังเป็นการสร้างจิตสำนึกด้วยการเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับเยาวชนคนรุ่นหลัง เห็นความสำคัญของการช่วยกันดูแลทรัพยากรธรรมชาติให้คงอยู่อย่างยั่งยืน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผืนป่าเขาพระยาเดินธง เป็นป่าต้นน้ำของภาคเกษตรและอุตสาหกรรมของประเทศ ความร่วมมือดำเนินโครงการนี้ให้เกิดความยั่งยืน จะส่งผลดีต่อชุมชนในพื้นที่ ช่วยพัฒนาเศรษฐกิจในท้องถิ่นและเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว

ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 5 (สระบุรี) กล่าวว่า เป็นเรื่องน่ายินดีที่ได้เห็นความร่วมมือของชุมชน และองค์กรเอกชน ร่วมอนุรักษ์และฟื้นฟูผืนป่าของประเทศ ซึ่งสอดรับกับเป้าหมายของภาครัฐที่อยากให้ประชาชนทุกคนช่วยกันปลูกต้นไม้เพื่อแผ่นดิน และในโอกาสวันป่าไม้โลก 21 มีนาคมของทุกปี ทางกรมป่าไม้ได้มอบหมายให้สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ในท้องที่บูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และประชาชน ในการฟื้นฟูป่า ทางสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 5 (สระบุรี) จึงถือเป็นโอกาสที่ดีที่หน่วยงานภาครัฐและซีพีเอฟ ร่วมกันทำกิจกรรมในวันนี้ สอดคล้องตามเจตนารมย์ของบันทึกความร่วมมือการปกป้องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change)ระหว่างกรมป่าไม้ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) และซีพีเอฟ

ด้านรองประธานคณะทำงานโครงการยุทธศาสตร์รักษ์นิเวศ กล่าวว่า ซีพีเอฟ ดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ภายใต้กลยุทธ์ 3 เสาหลัก อาหารมั่นคง สังคมพึ่งตน ดินน้ำป่าคงอยู่ โดยในด้านดินน้ำป่าคงอยู่ โครงการ “ซีพีเอฟ รักษ์นิเวศ ลุ่มน้ำป่าสัก เขาพระยาเดินธง” มีเป้าหมายบรรเทาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมควบคู่กับการปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพ และต่อยอดสร้างความมั่นคงทางอาหารอย่างยั่งยืน สนับสนุนการขับเคลื่อนเป้าหมายความยั่งยืน 2030 ของซีพีเอฟ และสอดคล้องกับเป้าหมายความยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ (Sustainable Development Goals : SDGs)

“ซีพีเอฟขอเป็นส่วนหนึ่งของการส่งมอบผืนป่าที่อุดมสมบูรณ์ เพิ่มพื้นที่สีเขียวให้ประเทศ เป็นแหล่งต้นน้ำ และเป็นแหล่งอาหารที่ยั่งยืนของชุมชน” รองประธานคณะทำงานฯ กล่าว

กิจกรรมเริ่มต้นของปีนี้ซึ่งเข้าสู่ระยะที่สอง จิตอาสาซีพีเอฟ ร่วมกับเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้และชุมชน ลงพื้นที่ซ่อมแซมฝายชะลอน้ำ 6 ฝาย ที่ทำไว้ตั้งแต่ ปี 2561 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำหน้าที่ของฝายในการชะลอการไหลของน้ำ ดักตะกอน กิ่งไม้ เศษไม้ ดิน โคลน เพิ่มความชุ่มชื้นในบริเวณฝายและพื้นที่เหนือฝาย เพิ่มปริมาณน้ำใต้ดิน ทำให้ผืนดินมีความชุ่มชื้น ซึ่งในระยะต่อไป ต้นไม้ในพื้นที่โครงการฯ ที่เติบโตขึ้น จะสามารถกักเก็บคาร์บอนไดออกไซด์ ช่วยบรรเทาผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

นอกจากนี้ ผืนป่าเขาพระยาเดินธงยังเป็นต้นแบบการปลูกป่า จากความสำเร็จในการนำรูปแบบปลูกป่า 4 รูปแบบมาใช้ทำป่าฟื้นตัวเร็วขึ้น เป็นห้องเรียนธรรมชาติและแหล่งเรียนรู้ของเด็ก เยาวชน และประชาชนที่สนใจเกี่ยวกับการปลูกป่า โดยที่ผ่านมา มีหน่วยงานต่างๆ และสถานศึกษาที่สนใจเข้ามาศึกษาดูงาน อาทิ มหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตกาญจนบุรี สาขาชีววิทยาเชิงอนุรักษ์ วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีลพบุรี บริษัท บี.กริม ดร. เกฮาร์ด ลิงค์ บิวดิ้ง จำกัด บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด เป็นต้น

ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ได้นำความสำเร็จการอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าไปขยายผลในการสร้างความมั่นคงทางอาหารอย่างยั่งยืนให้กับชุมชนใกล้เคียง โดยส่งเสริมให้คนในชุมชนมีส่วนร่วมผลิตอาหารที่ปลอดภัย จากการทำโครงการปลูกผักปลอดสาร และโครงการปล่อยปลาลงเขื่อน ทำให้ชุมชนมีแหล่งอาหารไว้บริโภคเอง และตระหนักรู้คุณค่าของป่าและน้ำ