กวก. เดินหน้าวิจัยพัฒนาพันธุ์กัญชา-กัญชง พร้อมคู่มือพื้นที่ เสริมแกร่งต้นน้ำ

จากป่าสู่บ้าน กรมวิชาการเกษตร ขยับเต็มตัวปลุกงานวิจัย พันธุ์กัญชา-กัญชง หลังพันธุ์กัญชาเต็มเมืองแต่ไร้ข้อมูลวิชาการเกษตร ย้ำไม่เกินปลายปีพรึ่บทั้งพันธุ์ ทั้งคำแนะนำพร้อมแผนที่ให้ประชาชนพิจารณา บ้านใครเหมาะไม่เหมาะ 

นายพิเชษฐ์ วิริยะพาหะ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวถึงงานขับเคลื่อนงานกัญชา ของกรมวิชาการเกษตร (กวก.) ว่า หลังมีนโยบายในเรื่องการส่งเสริมการปลูกกัญชา-กัญชง กรมได้จับมือทำงานกับกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) อย่างใกล้ชิดภายใต้กฎหมายที่รองรับ

ซึ่งกรมมีภารกิจในการศึกษาวิจัยพัฒนาพันธุ์ การหาพื้นที่ที่เหมาะสมในการปลูก พันธุ์ที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ นอกจากนั้น ยังต้องมีมาตรการควบคุมตามกฎหมายของกรมอีกด้วย ทั้งนี้เพื่อให้การส่งเสริมการปลูกกัญชา-กัญชง ของประเทศสามารถที่จะเอื้อประโยชน์กับประชาชน เกษตรกร ให้ได้มากที่สุดและมีส่วนในการช่วยกระตุ้นระบบเศรษฐกิจและสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรได้สมกับเจตนารมณ์ของโครงการ

นายสุรกิตติ ศรีกุล ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการจัดการพืช กล่าวว่า งานขับเคลื่อน กัญชา-กัญชง นั้นจะเน้นในระดับต้นน้ำ จึงเน้นเรื่องการวิจัยพัฒนาพันธุ์ที่เหมาะสมกับสภาพภูมิประเทศและให้ผลผลิตที่ตรงความต้องการของประเทศมากที่สุด งานวิจัยของกรมจะมี 2 รูปแบบ ประกอบด้วย 1.จับมือสถาบันการศึกษาคือมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี และ ม.เกษตรศาสตร์ บางเขน 2.กรมวิจัยเองจะทดลองใน 3 รูปแบบเพื่อให้ได้ฐานข้อมูลตั้งแต่ต้นน้ำถึงการเก็บเกี่ยว เพื่อศึกษาความเหมาะสมในการปลูกทุกสภาพพื้นที่คือ

1.การปลูกแบบเซมิอินดอร์ในโรงเรือนของ กวก. ที่บางเขน ที่ปรับปรุงอาคารเก่าอยู่ระหว่างให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ตรวจรับรองก่อน หากผ่านในเดือนเมษายรนนี้ จะเริ่มปลูกจุดนี้ จะทดลองปลูกทั้งกัญชา-กัญชง ได้ผลผลิต คือ เมล็ด ในเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน จากนั้นกรมจะนำมาคัดพันธุ์และเข้าสู่กระบวนการขอจดทะเบียนรับรองพันธุ์ ซึ่งจะเป็นพันธุ์แรกของ กวก.

2.ทดลองปลูกในระบบปิด ที่ศูนย์วิจัยพืชสวนเชียงราย ทั้งกัญชา-กัญชง ปัจจุบันกำลังก่อสร้างอาคารเพาะปลูกและส่วนจัดแสดง ตั้งแต่การเพาะเมล็ดถึงเก็บเกี่ยว จะแบ่งพื้นที่เป็นสัดส่วนให้ประชาชนชมผ่านห้องกระจกเข้าไปเท่านั้น และ

3.การทดลองปลูกเฉพาะกัญชงแบบเซมิอินดอร์ เพื่อเอา CBD และในแปลงเปิดเพื่อเอาเกรน ในพื้นที่ศูนย์วิจัยการเกษตร 36 แห่ง และสำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตร (สวพ.) ทั่วประเทศ เพื่อวิจัยหาสายพันธุ์ทุกสภาพพื้นที่ที่ให้ผลผลิตที่ดี ทั้งชนิดให้สาร CBD และพันธุ์ที่ให้เกรน และชนิดใด ให้สาร THC น้อยกว่า 1

ซึ่งกัญชงจะสามารถป้อนระบบอุตสาหกรรมเครื่องดื่ม อาหาร และเครื่องสำอางได้ในอนาคต “ผลผลิตในระยะแรกในตุลาคม-พฤศจิกายน ปี 64 จะมี 2 แบบ คือเมล็ดและกิ่งตัดชำ จากต้นกล้าพันธุ์ดี กรมจะนำมาจัดการให้กับสถาบันเกษตรกร สหกรณ์ ที่เข้าโครงการภายใต้เงื่อนไข สธ. และ กวก. ได้จัดทำแผนที่แสดงพื้นที่ที่มีศักยภาพในการปลูก แบ่งเป็นพื้นที่เหมาะสมที่สุด ปานกลาง พอใช้ และไม่เหมาะสม ทำคู่มือแนะนำในการปลูกให้กับเกษตรกร ในระยะที่สองกรมจะพัฒนาการปลูกแบบเพาะเนื้อเยื่อ ในระยะต่อไปจะยกระดับแปลงปลูกสู่มาตรฐานแปลง จีเอพี นอกจากนั้น กวก. ได้ร่วมกับ สธ. ในโครงการ กัญชา 6 ต้น โนนมาลัยโมเดล กับเกษตรกร 7 ราย ล่าสุด สธ. อยู่ระหว่างพิจารณาขยายโครงการ”

สำหรับภารกิจภายใต้กฎหมายของ กวก.คือ พ.ร.บ. กักพืช พ.ศ. 2507 พ.ร.บ. คุ้มครองพันธุ์พืช พ.ศ. 2542 และ พ.ร.บ. พันธุ์พืช พ.ศ. 2518 สำหรับงานควบคุมการนำเข้า-ส่งออก และตรวจสอบแมลงศัตรูพืช ฯลฯ ล่าสุดคณะกรรมการพันธุ์พืช กระทรวงเกษตรฯ ได้พิจารณาให้ กัญชา-กัญชง เป็นพันธุ์พืชควบคุมตาม พ.ร.บ. พันธุ์พืช มีผลให้การนำเข้า-ส่งออก ต้องดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายดังกล่าว ขณะนี้อยู่ระหว่างรอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ ลงนาม และประกาศในราชกิจจานุเบกษาเพื่อให้มีผลบังคับใช้