Kaspy แอปพลิเคชัน สัญชาติไทย แพลตฟอร์มซื้อขายสินค้าเกษตร จบในแอปเดียว

ประเทศไทยถือว่าเป็นประเทศแห่งการทำเกษตรกรรมหรือมีอาชีพหลักเป็นเกษตรกรแต่แปลกที่เกษตรกรไทยกลับมีรายได้น้อยและเป็นอาชีพที่คนส่วนใหญ่ไม่คิดที่จะทำเลย ซึ่งปัญหาสำคัญน่าจะอยู่ที่ช่องทางการขายที่ไม่สามารถขายสินค้าได้ในราคาที่สมเหตุสมผล ทาง บริษัท แคสปี้ จำกัด เล็งเห็นถึงปัญหาดังกล่าว จึงสร้าง Kaspy แอปพลิเคชัน สัญชาติไทย แพลตฟอร์มซื้อขายสินค้าเกษตร โดยเกษตรกรจะเป็นผู้กำหนดราคาขายเอง นอกจากนี้ ยังมีการทำงานร่วมกับเกษตรกรเพื่อพัฒนาวงการเกษตรไทยในทุกมิติ

คุณอั๋น – รังสิ ทุวิรัตน์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท แคสปี้ จำกัด กล่าวว่า ผมมีแนวคิดที่อยากจะแก้ปัญหาดังกล่าว จึงได้ลงมือศึกษาข้อมูลเป็นเวลากว่า 4 ปี ซึ่งพบว่าปัญหาของเกษตรกรไทยคือ ขาดความรู้ด้านการพัฒนาสินค้าให้เกิดคุณค่า ทั้งในแง่ของการสร้างแบรนด์ และการใช้นวัตกรรมต่างๆ ทั้งยังขาดช่องทางการขาย โดยเฉพาะการขายผ่านโลกออนไลน์ ที่เป็นช่องทางการขายสำคัญในยุคปัจจุบันและถือเป็นการเพิ่มกลุ่มผู้ซื้อให้กว้างขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการสร้างคอนเทนต์ การตอบแชท และการขนส่ง รวมถึงการบรรจุสินค้าเพื่อไม่ให้สินค้าเสียหายก่อนถึงมือผู้บริโภค เหล่านี้ทาง Kaspy จะช่วยให้ความรู้แก่เกษตรกรและมีการลงพื้นที่อย่างสม่ำเสมอเพื่อทราบถึงปัญหาต่างๆ ของเกษตรกรแล้วนำมาร่วมกันแก้ไข นอกจากนี้ ยังมีการสร้างแรงบันดาลใจให้เกษตรกรที่ใช้เคมีในการทำการเกษตรเปลี่ยนมาทำการเกษตรแบบ “อินทรีย์” โดยใช้เกษตรกรด้วยกันที่ทำอินทรีย์แล้วประสบความสำเร็จมาแบ่งปันแนวคิดและความรู้ รวมถึงชี้ให้เห็นถึงข้อดีของการทำเกษตรอินทรีย์ ที่จะปลอดภัยทั้งผู้บริโภคและผู้ผลิตเอง คือผมอยากให้เกษตรกรทุกคนมีคุณภาพชีวิตที่ดีมีความสุขเหมือนกับชื่อ Kaspy ที่ผมตั้งขึ้นมาจาก คำว่า Kaset + Happy นั่นเองครับ

คุณไมค์ – วุฒิชัย ชีวะสุทโธ ประธานฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท แคสปี้ จำกัด กล่าวว่า ในด้านของ           แอปพลิเคชัน  Kaspy จะเป็นการซื้อขายสินค้าเกษตรเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็น ผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์ ไข่ไก่ และเมล็ดพันธุ์ รวมไปถึงผลิตภัณฑ์แปรรูปทางการเกษตร ที่ทุกอย่างผ่านการคัดสรรมาอย่างดี โดยมีการแบ่งหมวดหมู่อย่างชัดเจน เช่น สินค้าปลอดภัย สินค้าไร้สาร สินค้าอินทรีย์ และสินค้า Kaspy คัดสรร ที่เป็นสุดยอดสินค้าที่ผ่านการคัดเลือกในหลายๆ ด้าน เรียกว่าเป็นสินค้าระดับพรีเมี่ยม ซึ่งคุณสมบัติหลักที่ทาง Kaspy ให้ความสำคัญคือ ต้องเป็นผู้ผลิตสินค้าที่ดีและปลอดภัยต่อผู้บริโภค เป็นเกษตรกรที่ไม่เห็นผลกำไรเป็นที่ตั้ง แต่เป็นผู้ผลิตของดีแต่ราคาจับต้องได้ และสุดท้ายต้องเป็นคนที่มีจิตใจมุ่งมั่นในการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ทาง Kaspy มีระบบตรวจสอบย้อนกลับที่เป็นมาตรฐานเพื่อให้ผู้บริโภคได้มั่นใจว่าจะได้รับประทานผักและผลไม้ที่ปลอดภัยอย่างแน่นอน ซึ่ง Kaspy เปิดโอกาสให้ทุกคนสามารถเข้ามาเป็นได้ทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย โดยเรามีการขายทั้งหมด 3 รูปแบบ คือ B2C  B2B และ C2C ในกรณีของ C2C คือ ในช่วงโควิด-19 เมื่อต้นปี 2563 ผู้คนหันมาสนใจเรื่องสุขภาพกันมากขึ้น เริ่มมีการปลูกผักกินเองในครัวเรือน ซึ่งหลายบ้านกินไม่ทัน ทาง Kaspy ก็เปิดโอกาสให้นำผัก ผลไม้ มาขายบนแพลตฟอร์มนี้ได้ ซึ่งสามารถเป็นรายได้อีกทางหนึ่งด้วย นอกจากนี้ ทาง Kaspy ยังมีพื้นที่ส่วนกลางให้เกิดการแบ่งปันกันในชุมชนหรือพื้นที่ใกล้เคียง โดยจะมีหมวดหมู่ “แบ่งปัน” ใครที่มีสินค้าที่ต้องการแบ่งปันให้ผู้อื่นโดยไม่คิดค่าสินค้า ก็สามารถโพสต์ลงในหมวดหมู่แบ่งปันได้ ต่อไปทาง Kappy จะมีการพัฒนาแอปพิเคชันอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มีฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่เกิดประโยชน์ต่อทั้งผู้ขายและผู้ซื้อต่อไป

นอกจากนี้ คุณอั๋น – รังสิ ทุวิรัตน์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท แคสปี้ จำกัด กล่าวต่อว่า ผมมีโอกาสได้ไปเรียนรู้การดำเนินธุรกิจกับโครงการพอแล้วดี The Creator ซึ่งได้รับประโยชน์ในการนำมาปรับความคิดด้านการดำเนินธุรกิจอย่างมากและเล็งเห็นว่าพี่น้องในโครงการต่างก็เป็นผู้ประกอบการ และ เกษตรกรที่มีแนวคิดในการดำเนินธุรกิจรวมถึงแนวคิดในการดำเนินชีวิตที่ดีมากๆ คำนึงถึงผู้คนและสิ่งแวดล้อมนอกเหนือไปจากผลกำไร ตรงกับความตั้งใจของ Kaspy เช่นกัน จึงมาเป็นแผนต่อยอดที่ Kaspy จะมีส่วนร่วมสนับสนุนความตั้งใจของคนกลุ่มนี้ กลายเป็นที่มาของหมวดหมู่สินค้ากลุ่มโครงการพอแล้วดี  ซึ่งจะเป็นสินค้าเกษตร หรือสินค้าแปรรูปทางการเกษตร ที่ได้ถูกคัดเลือกมาแล้ว โดยทาง Kaspy และ โครงการพอแล้วดี ยังได้รับการสนับสนุนจากทางไปรษณีย์ไทยด้านการขนส่งสินค้าในราคาพิเศษ โดยจะมีลงนาม MOU กันด้วย

เสนาหอย กล่าวว่า ผมเริ่มหันมาทำ “วินฟาร์ม” ก็เพราะอยากมีอาชีพเป็นเกษตรกรที่ผลิตผักผลไม้ที่ปลอดภัย ผมจึงเริ่มศึกษาตั้งแต่การทำดิน ลงน้ำ และขั้นตอนการปลูกทั้งหมด และมีการพัฒนาความรู้ให้กับตัวเองอยู่เสมอๆ ซึ่งยิ่งผมได้ทำก็ยิ่งสนุกและมีความสุขกับมันมากๆ ผมดีใจที่ได้เห็นผลผลิตที่ตัวเองปลูก กับมือและดีใจยิ่งกว่าที่ได้เห็นผู้บริโภคได้กินผักผลไม้ที่ปลอดภัยจากฝีมือการปลูกของผม โดยผมให้ความสำคัญกับการผลิตสินค้าเกษตรที่ดีและปลอดภัย เพื่อส่งมอบให้กับลูกค้าหรือผู้บริโภค นั่นคือ ความตั้งใจตั้งแต่ต้นของเรา และเมื่อเราได้มาทำงานร่วมกับ “Kaspy” ผมยิ่งมีความสุขและสนุกมากขึ้นเพราะได้นำสินค้าของ “วินฟาร์ม” มาขายบนแอป Kaspy แอปขายสินค้าเกษตรสัญชาติไทย ซึ่งผมชอบ Kaspy ตรงที่เขาเปิดโอกาสให้ทุกคนเข้ามาเป็นผู้ขายได้ แต่คนๆ นั้น ต้องผลิตสินค้าที่ดีมีคุณภาพจริงๆ และที่สำคัญ Kaspy ยังใส่ใจในเรื่องการช่วยพัฒนาความรู้ให้กับเกษตรกรด้วย โดยเฉพาะเรื่องเทคโนโลยีสมัยใหม่ และเรื่องการขนส่งสินค้า ซึ่งเหล่านี้ถือว่าเป็นการช่วยเกษตรกรให้มีช่องทางการขายที่มากขึ้น

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

คุณฟิวส์ วานิชย์ วันทวี (ว.ทวีฟาร์ม) กล่าวว่า คนที่อยู่ในภาคของเกษตรกรรมส่วนใหญ่มักจะขาดความรู้เรื่องเทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่น การขายออนไลน์ ซึ่งทำให้ขาดโอกาสการขายในวงกว้าง แต่พอมีตัวกลางแบบ “Kaspy” ผมว่าสามารถช่วยเกษตรกรได้เยอะเลยในเรื่องการขายออนไลน์ อย่างผมจากเมื่อก่อนที่มีการขายแบบ B2B เท่านั้น แต่ปัจจุบันก็เริ่มมีลูกค้าแบบ B2C มากขึ้น ทำให้ผมมีฐานลูกค้าที่กว้างขึ้น และอย่างที่รู้กันลูกค้าออนไลน์เป็นลูกค้าที่มีจำนวนมาก ถ้าเราทำตลาดตรงนี้ได้ ก็ถือว่าเพิ่มโอกาสในการขายให้กับเกษตรกรได้มากขึ้นด้วย และ Kaspy มีการทำงานกับหน่วยงานด้านการขนส่งทำให้การขนส่งเป็นไปแบบสะดวกสบายมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นของแห้งหรือของสด ก็สามารถส่งสินค้าถึงมือผู้บริโภคได้อย่างปลอดภัย

คุณต่อ ธนพงษ์ วงศ์ชินศรี หรือ คุณต่อ เพนกวิน อีท ชาบู กล่าวว่า ความสำคัญของร้านอาหารที่จะทำให้รสชาติอาหารอร่อยก็ต้องเกิดจากการมีวัตถุดิบที่ดีและปลอดภัย ที่สำคัญต้องเป็นวัตถุดิบที่มีอย่างสม่ำเสมอ  มีการเชื่อมต่อต้นน้ำของผู้ผลิตวัตถุดิบให้มาเจอกับกลุ่มผู้ซื้อที่เป็นร้านอาหาร โรงแรมหรือรีสอร์ต เป็นไอเดียที่ดีมากๆ เพราะผมมองเห็นว่ามันจะเป็น model ที่ win win win กันทุกฝ่าย และยังมีการผลักดันให้เกิดระบบธุรกิจที่มีความเกื้อกูล บวกกับเล็งเห็นถึงความสำคัญของวัตถุดิบที่ดีที่มาจากชุมชนที่เต็มไปด้วยเรื่องราวที่มีคุณค่า

คุณกอล์ฟ สุรัมภา หยกโชติสกุล เจ้าของแบรนด์กาแฟ Brew Flavor กล่าวว่า เมื่อเริ่มมาเป็นผู้ประกอบการทำให้ได้เรียนรู้ว่าการเป็นผู้ประกอบการที่ดีจะหยุดเรียนรู้ไม่ได้ ถ้าเรามองว่าทุกวันนี้มีใครทำอะไรอยู่แล้วบ้าง เราต้องคิดและทำให้ต่างจากเขา ซึ่งแน่นอนก็ต้องดีกว่าด้วยเช่นกัน ซึ่งการเรียนรู้จะเป็นกระบวนการในการพัฒนาตนให้ดีกว่าเมื่อวาน นอกจากนี้ เราก็ต้องเรียนรู้ว่าผู้บริโภคในปัจจุบันต้องการอะไรไปพร้อมๆกัน การที่มีแอป Kaspy ก็เป็นอีกช่องทางหนึ่งที่เราสามารถสื่อสารกับผู้บริโภคได้โดยตรง รู้ถึงความต้องการของลูกค้าได้อย่างแท้จริง ซึ่งสามารถนำข้อมูลเหล่านี้ไปพัฒนาสินค้าให้ออกได้ดีถูกใจผู้บริโภค