เกษตรกรราชบุรี ทำสวนมะพร้าวน้ำหอมคุณภาพ ผลผลิตเป็นที่ต้องการของตลาด ลูกค้ารับซื้อยกสวน

มะพร้าวน้ำหอม เป็นสินค้าที่ตลาดมีการขยายตัวมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะตลาดในประเทศจีน จึงเป็นสินค้าที่คนจีนนิยมบริโภค และตลาดใหญ่ๆ อีกแห่งที่ตามมาคือ ตลาดในสหรัฐอเมริกา ถือเป็นตลาดใหญ่ไม่แพ้กัน เพราะผู้ที่ชื่นชอบดื่มน้ำมะพร้าวเล็งเห็นถึงคุณค่าทางโภชนาการที่จะได้รับ จึงนิยมบริโภคมากขึ้น ณ เวลานี้มะพร้าวจึงเป็นที่ต้องการของตลาดอย่างต่อเนื่อง

คุณบวร ศาลาสวัสดิ์

ซึ่งการทำสวนมะพร้าวในหลายๆ พื้นที่ของประเทศไทย เกษตรกรได้มีการปรับตัวมากขึ้น เพื่อให้ผลผลิตอย่างมะพร้าวที่ส่งออกไปจำหน่ายยังตลาดต่างประเทศมีคุณภาพ เกษตรกรบางรายมีการคิดค้นเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาปรับใช้มากขึ้น จึงช่วยให้การทำสวนมะพร้าวในยุคนี้มีความสะดวกสบายมากขึ้น และได้ผลผลิตที่ตรงตามความต้องการของตลาดอีกด้วย

ต้นกล้าใหม่ที่ปลูกแทรก

คุณบวร ศาลาสวัสดิ์ อยู่บ้านเลขที่ 138 หมู่ที่ 3 ตำบลท่านัด อำเภอดำเนินสะดวก จังหวัดราชบุรี เป็นเกษตรกรผู้ปลูกมะพร้าวน้ำหอมก้นจีบ บนเนื้อที่ 10 ไร่ มีต้นมะพร้าวอยู่ ประมาณ 400 ต้น เรียกง่ายๆ ว่า เป็นผู้คร่ำหวอดในเรื่องการปลูกมะพร้าวกันเลยทีเดียว จากความสำเร็จที่เกิดขึ้นจึงทำให้การปลูกมะพร้าวเป็นงานที่สร้างรายได้ให้กับเขาได้เป็นอย่างดี

กล่องเลี้ยงชันโรงภายในสวน

คุณบวร เล่าให้ฟังว่า เดิมทีมีอาชีพทำเกี่ยวกับการเกษตรตั้งแต่สมัยคุณพ่อคุณแม่ คือ การปลูกพืชจำพวกหอมแดงและพริก ต่อมาเมื่อมีโอกาสได้ลงมือทำอย่างเต็มตัว จึงเริ่มรู้สึกอยากจะปรับเปลี่ยนการปลูกพืชชนิดอื่น จึงได้ตัดสินใจพลิกผืนดินมาทำสวนมะพร้าวตั้งแต่ปี 2548 โดยหาซื้อพันธุ์มะพร้าวน้ำหอมก้นจีบมาจากอำเภอบ้านแพ้ว

“ช่วงนั้นมองว่าดินที่สวน น่าจะปลูกมะพร้าวน้ำหอมได้ดี จึงอยากลองปรับเปลี่ยนดูบ้าง ก็เลยหาซื้อต้นพันธุ์มา ซึ่งต้นพันธุ์ที่จะปลูกได้ดี ต้องเป็นต้นแม่ที่มีอายุอย่างต่ำ 10 ปีขึ้นไป เพราะถ้าเอาอายุน้อยเกินไปจะทำให้ต้นที่ปลูก เมื่อเติบโตเต็มที่ต้นจะยืดสูงเกินไป และก็ออกลูกช้า ลูกอาจไม่ดกเท่าที่ควร ดังนั้น สายพันธุ์จึงเป็นสิ่งที่สำคัญในการเลือกนำมาปลูก” คุณบวร บอกถึงวิธีการเลือกสายพันธุ์มะพร้าว

พื้นที่ภายในสวน

ซึ่งอายุของต้นกล้าที่นำมาปลูกภายในแปลงสวนควรมีอายุประมาณ 5 เดือน จึงจะเหมาะสม

ในขั้นตอนแรกก่อนที่จะปลูกมะพร้าวน้ำหอม คุณบวร บอกว่า จะเตรียมพื้นที่ปลูกให้เป็นร่องสวนเสียก่อน คือ ทำสันร่องให้มีความกว้าง 4 เมตร ส่วนภายในร่องน้ำมีความลึกประมาณ 2 เมตร โดยให้ภายในร่องมีน้ำหล่ออยู่ตลอดทั้งปี เพราะมะพร้าวเป็นพืชที่ต้องการน้ำมาก

ร่องน้ำที่มีน้ำอยู่ตลอดทั้งปี

“พอเราเตรียมพื้นที่ปลูกเรียบร้อยแล้ว ก็เอาดินเลนมาใส่ลองก้นหลุมได้เลย เสร็จแล้วก็ปลูกให้มิดผลไปเลย อย่าให้ผลลอยขึ้นมา เพราะถ้าโตมากขึ้นจะทำให้โคนต้นลอยพ้นดิน ทำให้โค่นล้มได้ โดยระยะห่างปลูกที่ดีที่สุดคือ 6×6 เมตร ซึ่งช่วงที่ยังต้นเล็กอยู่เราก็ดูแลไปเรื่อยๆ จนต้นมะพร้าวมีอายุประมาณ 2 ปีครึ่ง ก็จะเริ่มตกจั่นให้ผลผลิตเก็บเกี่ยวได้” คุณบวร อธิบาย

เมื่อปลูกต้นมะพร้าวลงดินได้ประมาณ 1-2 เดือน ในช่วงนี้จะเริ่มใส่ปุ๋ยสูตร 25-7-7 ในอัตราส่วน 100 กรัม ต่อต้น เดือนละ 1 ครั้ง เพื่อบำรุงต้นให้มีความสมบูรณ์และเมื่อต้นมีขนาดใหญ่ขึ้น ก็จะทำการเพิ่มจำนวนปุ๋ยให้มีขนาดที่เพิ่มขึ้นตามไปด้วย

ผลผลิตดก

จากนั้นดูแลจนได้อายุประมาณ 2 ปีครึ่ง มะพร้าวจะเริ่มตกจั่นออกมาให้เห็นที่บริเวณยอด คุณบวร บอกว่า ในช่วง 4 จั่นแรกนั้น ยังไม่ต้องสนใจมากนัก เพราะยังไม่สามารถผสมเกสรสมบูรณ์จนติดผล

“พอหมด 4 จั่นไปแล้ว เข้าสู่จั่นที่ 5 มะพร้าวก็จะเริ่มติดลูกให้ผลผลิต ในเรื่องปุ๋ยเราก็ต้องเปลี่ยนด้วย โดยใช้หลักหนักหน้าก่อนหรือโยกหน้า ในช่วง 6 เดือนแรก ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงมิถุนายนแบ่งใส่ปุ๋ยทุก 3 เดือน เป็นปุ๋ยสูตร 25-7-7 และช่วง 6 เดือนหลังตั้งแต่เดือนกรกฎาคมถึงเดือนธันวาคม แบ่งใส่ปุ๋ยทุก 3 เดือนเหมือนเดิม แต่จะเปลี่ยนเป็นสูตร 14-7-35 ทั้ง 2 สูตรใส่ในอัตราส่วนเดียวกัน 500 กรัม ต่อต้น นอกจากนี้ ยังใส่มูลนกกระทาเพื่อเสริมเข้าไปอีกด้วย ปีละ 2 ครั้ง ในอัตราส่วนต้นละ 2 กิโลกรัม ทำอย่างนี้ไปทุกปีก็จะทำให้ผลผลิตออกมาสม่ำเสมอ” คุณบวร บอกถึงวิธีการใส่ปุ๋ย

ซึ่งเมื่อมะพร้าวตกจั่นจนให้ผลผลิตได้แล้ว คุณบวร บอกว่า จะสามารถตัดผลมะพร้าวได้ทุก 20 วัน หรือตัดผลผลิตได้ 18 ครั้ง ต่อปี

ในเรื่องของการป้องกันโรคและแมลงที่สวนคุณบวร จะใช้วิธีการหมั่นสังเกตดูว่าภายในสวนมีศัตรูที่จะเข้าทำลายหรือไม่ ถ้ามีต้องรีบกำจัดให้โดยเร็วโดยการฉีดพ่น ถ้าไม่พบการระบาดก็ไม่จำเป็นต้องฉีดพ่น แต่จะเน้นใช้แมลงธรรมชาติเข้ามาช่วย เช่น การปล่อยตัวห้ำ ตัวเบียน ภายในแปลงปลูกก็จะช่วยจำกัดแมลงอื่นๆ ที่เป็นศัตรูกับมะพร้าวออกไป

ในเรื่องของการตลาดจำหน่ายผลมะพร้าว คุณบวร เล่าว่า ไม่ใช่เรื่องที่เป็นปัญหาสำหรับเขามากนัก เพราะพื้นที่ปลูกอยู่ติดกับตลาดรับซื้อ ดังนั้น จึงทำให้สามารถจำหน่ายมะพร้าวได้ตลอดทั้งปี ซึ่งราคาเมื่อสมัยก่อนกับปัจจุบันเมื่อเทียบกันแล้ว แตกต่างกันค่อนข้างมาก

ถ้วยรางวัลจากความสำเร็จที่ตั้งใจ

“ที่นี่ไม่ต้องกลัวเรื่องตลาด เรามีพื้นที่ซื้อขายกันอยู่แล้ว สมัยที่เริ่มทำใหม่ๆ บอกเลยว่า ราคาอยู่ที่ลูกละ 6 สลึงเท่านั้น ราคาไม่ได้สูงเหมือนปัจจุบัน ซึ่งสมัยก่อนนั้น ราคาไม่สูงแต่ก็พอทำใจได้ เพราะเป็นของยืนต้นที่เราลงทุนปลูกลงไปแล้ว ก็จะเป็นสิ่งที่ทำให้เรามีรายได้ในอนาคต โดยราคาปัจจุบันตอนนี้ก็อยู่ที่ประมาณผลละ 14 บาท ซึ่งช่วงนี้ผลผลิตก็มีไม่พอจำหน่าย เพราะผลผลิตออกน้อยลง ยิ่งสภาพอากาศร้อนมาก ทำให้การผสมเกสรติดไม่ดี ก็จะทำให้ดอกร่วง เลยทำให้ผลผลิตมีน้อยลงมาด้วย” คุณบวร บอก

เนื่องจากผลผลิตที่ออกมีปริมาณที่ไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด อันเกิดจากการผสมเกสรที่ไม่สมบูรณ์ คุณบวร บอกวิธีการแก้ปัญหาให้ฟังว่า แก้ไขด้วยวิธีหาซื้อตัวชันโรงมาปล่อยเลี้ยงภายในสวนแทนการฉีดพ่นอาหารเสริมในการช่วยผสมเกสร เพื่อให้การผสมเกสรเป็นไปง่ายขึ้น และที่สำคัญชันโรงยังสามารถช่วยประหยัดต้นทุนได้อีกด้วย พร้อมทั้งให้น้ำภายในสวนมากขึ้นเพื่อให้มีความชื้นที่เพียงพอก็จะทำให้ปัญหาเหล่านี้ลดลง

สำหรับผู้ที่สนใจอยากจะปลูกมะพร้าวเป็นอาชีพ คุณบวร ให้คำแนะนำ เรื่องพื้นที่ปลูกเป็นสิ่งที่สำคัญ รองลงมาคือเรื่องน้ำ เพราะน้ำเป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องมีอย่างเพียงพอ เพื่อให้มะพร้าวเจริญเติบโตได้ดี และสุดท้ายคือเรื่องสายพันธุ์ต้องเป็นสายพันธุ์ที่เป็นแหล่งเชื่อถือได้ คือ เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ต้นกล้ามะพร้าวโดยตรง เพราะแม่พันธุ์มีความสมบูรณ์ดังนั้น จึงต้องเลือกให้เหมาะสม ซึ่งการปลูกใช้เวลาในการเจริญเติบโตดังนั้นจึงห้ามผิดพลาด

เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรก วันศุกร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ.2564