เผยแพร่ |
---|
‘ทุเรียน’ จัดเป็นราชาแห่งผลไม้ แต่ผู้บริโภคจะต้องกินอย่างมีองค์ความรู้ เพื่อสุขภาพที่ดี
นพ. กฤษดา ศิรามพุช ผู้อำนวยการศูนย์เวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ ให้ข้อมูลว่า แต่ละเมนูทุเรียนจะต้องกินอย่างเหมาะสม ดังนี้
1. ข้าวเหนียวทุเรียน คุณค่าอยู่ที่สีเหลือง ซึ่งเป็นวิตามินเอ ชนิด “เบต้าแคโรทีน” ข้อดีของทุเรียนคือ ไขมันพืชที่สูงจะช่วยดูดซึมวิตามินอื่นๆ ที่ละลายในไขมันด้วย เช่น วิตามินอีจากนำกะทิ
2. ทุเรียนกวน ความร้อนจะทำลายวิตามินบีกับซีในทุเรียน ดังนั้น จึงควรจำกัดปริมาณบริโภค เพราะในทุเรียนกวนมีเพียงน้ำตาลและไขมันที่มีพลังงานสูง แนะนำว่าหากกินทุเรียนกวนแล้วควรกินผลไม้สด เช่น มังคุด ฯลฯ เสริมด้วย
3. ทุเรียนทอด สิ่งที่ต้องระวังคือ ปริมาณแป้ง, น้ำมัน และเกลือ ดังนั้น ควรกินทีละน้อยๆ แบ่งเป็นคราวไป
- ทุเรียนเชื่อม มีคาร์โบไฮเดรตและน้ำตาลสูง ควรเก็บไว้กินยามไม่มีผลไม้สด หรือถ้ามื้อนั้นตั้งใจจะกินทุเรียนเชื่อมแล้ว ก็ไม่ควรกินข้าวเพิ่มอีก
- ทุเรียนปิ้ง เมื่อความร้อนดึงน้ำออก จะทำให้รสชาติของเนื้อทุเรียนเข้มข้นขึ้น
- ไอศกรีมทุเรียน เพียงแช่ทุเรียนไว้ในช่องฟรีซของตู้เย็น ก็กลายเป็นไอศกรีมทุเรียนที่มีวิตามินและสารต้านอนุมูลอิสระได้ เพราะเนื้อในของทุเรียน ประกอบด้วย น้ำตาล และไขมัน ที่เป็นองค์ประกอบสำคัญของการทำไอศกรีม
- ส้มตำทุเรียน จะช่วยเปิดโลกทรรศน์ใหม่ให้กับต่อมรับรสแล้วยังได้ไฟเบอร์กับวิตามินจากมะเขือเทศ อีกทั้งมีกระเทียมช่วยลดไขมัน กับกุ้งแห้งที่เพิ่มแคลเซียมด้วย
- ทุเรียนปั่นพร้อมดื่ม เมื่อดูตามสูตร มีข้อดีตรงที่มีส่วนประกอบของนมสดที่เป็นส่วนประกอบในการปั่นเนื้อทุเรียนให้วิตามินดี ถ้ามีแคลเซียม ฟอสฟอรัส และเหล็ก จะช่วยทำให้กระดูกแข็งแรง
ขอบคุณข้อมูลจากมติชนรายวัน