ที่มา | เทคโนโลยีการเกษตร |
---|---|
ผู้เขียน | สุจิต เมืองสุข |
เผยแพร่ |
กรมการค้าภายใน เตรียมมาตรการรับมือสถานการณ์ผักสด-มะนาว ช่วงหน้าร้อน จับตาทุกรายการอย่างใกล้ใกล้ชิด พร้อมการแก้ปัญหามะนาวราคาสูงในปีนี้ ราคาเฉลี่ยขณะนี้ 1-6 บาทแล้วแต่ขนาด เชื่อมโยงผลผลิตจัดทำนำมะนาวผง ออกจำหน่ายผ่านโมบายธงฟ้า
แก้ปัญหามะนาว
สำหรับมะนาว ที่มักจะมีปัญหาผลผลิตออกสู่ตลาดน้อย และราคาปรับตัวสูงขึ้นในช่วงหน้าร้อนของทุกปีนั้น กรมได้เตรียมมาตรการรับมือไว้แล้ว โดยปีที่ผ่านมา ได้ร่วมมือกับโครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา เข้าไปรับซื้อมะนาวในช่วงที่ผลผลิตออกมาก แล้วนำไปผลิตเป็นมะนาวผง และจะนำมาจำหน่ายให้กับประชาชนและร้านค้าในช่วงหน้าร้อนนี้ผ่านรถโมบายธงฟ้า ซึ่งรสชาติเหมือนกับมะนาวสด
ทั้งนี้ สามารถใช้แทนมะนาวสดได้ และยังมีมะนาวผง มะนาวขวด ที่สามารถหาซื้อจากผู้ประกอบการอีกหลายราย ที่ได้เข้าไปซื้อมะนาวมาผลิตและจำหน่ายด้วย
ปัจจุบันผลผลิตมะนาวออกสู่ตลาดลดลง เพราะสภาพอากาศร้อนและแล้ง โดยช่วง ม.ค.-ก.พ.2566 มีผลผลิตประมาณ 5.8 หมื่นตัน แต่ช่วง 2 เดือนปีนี้ มีผลผลิตเพียง 4.2 หมื่นตัน ลดลง 20% ส่วนราคามะนาวเบอร์ 1-2 เฉลี่ยลูกละ 4 บาท แต่ราคาขายในท้องตลาดมีตั้งแต่ 1-6 บาท แล้วแต่ขนาด และคุณภาพ หากลูกเล็ก ก็ถูก ลูกใหญ่ ผิวสวย น้ำเยอะ ก็แพง โดยราคามะนาวในตลาดสำคัญ ๆ เช่น ตลาดสี่มุมเมือง เฉลี่ย 3.50-4.30 บาท ตลาดศรีเมือง 3.60-3.90 บาท ตลาดไท 3.70 บาท
ที่มา : ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ https://www.prachachat.net/economy/news-1522931

แต่สำหรับ คุณสมชาย เพชรศรี เกษตรกรหนุ่มไฟแรงวัย 40 ปี กลับมองในมุมกลับ แม้จะถูกมองว่ามีความคิดต่างจากเกษตรกรผู้ปลูกมะนาวรายอื่นในพื้นที่เดียวกัน แต่ความมุ่งมั่นผนวกกับผลผลิตมะนาวนอกฤดูที่มีให้เห็นแล้ว 2 รุ่น เป็นสิ่งที่ยืนยันได้ว่า แนวความคิดการปลูกมะนาวนอกฤดู ไม่ได้ทำได้เพียงการปลูกในวงบ่อซีเมนต์เท่านั้น แต่สามารถทำได้ แม้ปลูกลงดินปกติ
คุณสมชาย บอกว่า การทำมะนาวนอกฤดูด้วยวงบ่อซีเมนต์ มีต้นทุนสูง และอาจควบคุมความชื้นไม่ได้ 100% ดังนั้น การปลูกลงดิน จึงเป็นอีกทางเลือกที่หากสามารถควบคุมความชื้นหรือปริมาณน้ำได้ดีแล้ว ผลผลิตที่ได้จะมีความคุ้มทุนสูง เกษตรกรที่ทุนน้อยก็สามารถทำได้

อย่างเช่นคุณสมชายเอง มีพื้นที่ทำกินเป็นทุนรอนเพียง 3 ไร่ เบื้องต้นปลูกมะนาว เก็บผลผลิตตามฤดูกาล ได้ราคามะนาวตามแต่พ่อค้าคนกลางหรือตลาดกลางจะให้ ระยะการให้ผลผลิตของมะนาวก็ไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ เพราะระหว่างปลูกประสบปัญหาหลากหลาย ทำให้การปลูกมะนาว ไม่ใช่ชีวิตเกษตรกรที่ประสบความสำเร็จ
“ราคามะนาวขายจากสวน ได้ราคาเพียงร้อยละ 50-60 บาท ผมมองว่าไม่คุ้มหากจะลงแรงทำ ปัญหาที่เห็นในต้นมะนาวชุดล่าสุดคือ ต้นเหลือง โทรม การแก้ปัญหาของเกษตรกรที่นี่คือ ปลูกต้นใหม่แซมต้นเดิมที่กำลังเหลือง ใกล้ตาย เมื่อต้นใหม่ขึ้นมาก็ตัดต้นเก่าทิ้ง ไม่นาน ต้นใหม่ที่ขึ้นมาเริ่มเหลือง ใกล้ตาย ก็ปลูกต้นใหม่แซมเข้าไปอีก วงจรเป็นอย่างนี้ ทั้งที่อายุการเจริญเติบโตของต้นมะนาวนาน และควรได้ผลผลิตที่ดีกว่านี้”

การค้นคว้าและศึกษาเพิ่มเติมผ่านอินเตอร์เน็ตและหนังสือ เป็นวิธีที่คุณสมชายมองว่า ช่วยไขข้อข้องใจในสาเหตุของต้นมะนาวเหลืองก่อนเวลา และต่อเนื่องไปถึงการดึงความสนใจให้คุณสมชายสมัครเข้าอบรมการผลิตมะนาวนอกฤดู และการผลิตมะกรูดตัดใบ เพื่อการค้า ของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน

หลังการอบรม คุณสมชาย เชื่อมั่นใจแนวการผลิตมะนาวนอกฤดูเพียง 70 เปอร์เซ็นต์ แต่ในท้ายที่สุด หลังจากค้นคว้าเพิ่มเติมจากเอกสารงานวิจัยของสถาบันการศึกษาอีกหลายแห่งมาประกอบกัน ทำให้เชื่อได้ว่า การผลิตมะนาวนอกฤดูทำได้จริง
ทั้งยังพบว่า ปัญหาต้นเหลืองของสวนเดิมมีสาเหตุจากการปลูกแบบขุดคลุมเป็นเบ้าปลูก เมื่อฝนตก ทำให้น้ำท่วมขัง ระบบรากได้รับความชื้นมากเกิน ส่งผลให้ต้นเหลืองและตายในที่สุด
พื้นที่ที่มีเพียง 3 ไร่ คุณสมชายตัดสินใจฟันต้นเดิมทิ้ง เผา และไถที่ใหม่

เว้นระยะห่างระหว่างต้นอยู่ที่ 2 คูณ 4 ได้ต้นมะนาวจำนวน 200 ต้น ต่อไร่
การปลูกใช้วิธีขึ้นลูกฟูกสูง 80 เซนติเมตร คล้ายกับการยกร่องสูง หากลูกฟูกยุบตัวลง ก็เติมสารอินทรีย์ไปเรื่อยๆ ตลอดการปลูก ให้ปุ๋ยขี้วัวไปพร้อมๆ กัน
เตรียมกิ่งพันธุ์ โดยเลือกกิ่งพันธุ์ที่เป็นสายพันธุ์ทางการค้า เช่น แป้นรำไพ เหลืองแป้นพวง แป้นไต้หวัน แป้นจริยา บุญบันดาล พิจิตร 1 ตาฮิติ และแจ่มจำรัส และเลือกกิ่งพันธุ์ที่มีความแข็งแรง ไม่มีโรคแคงเกอร์ติดมา

ปลูกหญ้าเม็ดแตง หรือหญ้าสร้อยนกเขา เป็นพืชคลุมดิน หญ้าเม็ดแตงหรือหญ้าสร้อยนกเขานี้ เมื่อปลูกจะเลื้อยเป็นเถา โตเป็นแนวราบ คลุมดินเหมือนพรม เมื่อมีวัชพืชอื่นตกลงดินจะไม่งอก เพราะหญ้าชนิดนี้คลุมดินอยู่ นอกจากนี้ หญ้าชนิดนี้ยังช่วยให้ดินมีความชื้นสูงและนิ่มเท้า แม้จะเดินเท้าเปล่าก็ตาม
รดน้ำด้วยระบบสปริงเกลอร์วันละ 2 ครั้ง เช้าและเย็น ครั้งละครึ่งชั่วโมง

ระยะ 60 วันหลังการปลูก ไม่จำเป็นต้องใส่ปุ๋ย เพราะยังมีสารอาหารจากปุ๋ยเดิมที่ใส่ไว้ขณะปลูก หลังจากเดือนที่ 2 ให้ใส่ปุ๋ยสูตร 21-7-14 หรือ 24-9-19 ในปริมาณ 1 ช้อนชา ทุกๆ 20 วัน ตลอดการดูแล เนื่องจากปัจจุบันแร่ธาตุในดินลดน้อยลง ไม่เหมือนเช่นอดีตที่แร่ธาตุในดินยังอุดมสมบูรณ์ การให้ปุ๋ยไม่จำเป็นต้องต่อเนื่องตลอดระยะการเติบโตของต้นไม้
ปุ๋ยสูตร 24-9-19 นิยมใช้กับสวนยางพารา เป็นสูตรที่ช่วยสร้างเนื้อไม้ ทำให้ลำต้นมะนาวแข็งแรง กิ่งไม่อ่อนแอ จึงไม่จำเป็นต้องใช้ไม้ค้ำ ลดต้นทุนได้อีกส่วนหนึ่ง แต่ทั้งนี้ ปริมาณปุ๋ยที่ให้ควรดูที่การเจริญเติบโตของต้นมะนาว หากต้นมะนาวสูงมาก อาจเพิ่มปริมาณปุ๋ยให้มากถึง 300 กรัม ต่อต้น หรือผลดกมาก จำเป็นต้องเพิ่มปริมาณปุ๋ยถึง 500 กรัม ต่อต้น (ในทุกๆ 20 วัน)

เมื่อต้นมะนาวมีอายุ 30 วัน อาจมีการผลิยอดอ่อน ให้เด็ดยอดทิ้ง จากนั้นต้นมะนาวจะแตกยอดออกอีกประมาณ 3 ยอด อีก 30 วันให้เล็มยอด
คุณสมชาย แนะนำว่า ควรเล็มยอดทุกเดือน จะทำให้ต้นมะนาวตั้งพุ่มได้เร็ว และเพิ่มจำนวนผลผลิตด้วย เนื่องจากแสงแดดจะส่องเข้าถึงภายในพุ่มต้นได้ง่าย การดูแลก็ง่าย ต้นมะนาวของสวนคุณสมชาย ขนาดพุ่มใหญ่ที่สุด สูงจากพื้นดินประมาณ 2 เมตรเท่านั้น
ทั้งหมดนี้คือการปลูกมะนาวตามฤดู

คุณสมชาย อธิบายว่า การผลิตมะนาวนอกฤดู ต้องตัดปลายยอดและกำจัดผลออกภายในเดือนกรกฎาคม เพราะหลักการคือ กิ่งที่มีดอกและผลติดอยู่ จะไม่มีการติดดอกในกิ่งนั้นอีก หลังจากตัดปลายยอดและผลแล้ว ในแต่ละกิ่งจะผลิยอดใหม่ออกมาอีกกิ่งละ 3 ยอด เป็นการเพิ่มพื้นที่ผลผลิต
ต่อมาคือ การควบคุมแมลง เพราะระหว่างที่ยอดอ่อนผลิออกมาประมาณ 5 มิลลิเมตร ปัญหาแมลงปากดูด เช่น เพลี้ยไฟ หนอนชอนใบ หนอนผีเสื้อ เพลี้ยอ่อน ไรแดง จะเข้ามาทำลายยอดอ่อน ให้ใช้สารอะบาเม็กติน อัตรา 3-10 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร หรือไซเปอร์เมทริน อัตรา 5-10 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร พ่นป้องกัน โดยสารพ่นป้องกันควรสลับใช้ และแต่ละครั้งไม่ควรใช้ซ้ำเกิน 2 ครั้ง จะทำให้ศัตรูพืชดื้อยา โดยระหว่างนี้ให้ใส่ปุ๋ยสูตร 24-9-19 ด้วย
หลังจากแทงยอดใหม่ออกมา ต้องควบคุมไม่ให้มีการแทงยอดอ่อนซ้ำขึ้นมาอีก เพราะธรรมชาติของมะนาว หลังจากแทงยอดอ่อนแล้ว การติดดอกจะตามมา การผลิตมะนาวนอกฤดูต้องควบคุมไม่ให้มีการแทงยอดใหม่ขึ้นมาก่อนเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน และเก็บลูกขายได้ในเดือนมีนาคม-เมษายน
“การกดไม่ให้แทงยอดขึ้นใหม่ ผมใช้สารพาโคลบิวทราโซล เพื่อลดการเจริญเติบโตทางใบ กดไม่ให้แทงยอดขึ้นให้ได้ใกล้เคียง 90 วันมากที่สุด”

30 วันหลังจากเล็มยอด ต้องให้ปุ๋ยทางดินสูตรที่มีไนโตรเจนต่ำ และฟอสฟอรัสสูง เช่น สูตร 15-5-20 หรือ สูตร 13-13-21 ยกเว้นต้นมะนาวอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์มาก ดูได้จากใบมีสีเขียวเข้ม ต้นที่มีความสมบูรณ์มากจะบังคับให้ออกดอกยาก เพราะสมบูรณ์มากเกินไป ลักษณะนี้ คุณสมชาย จะจับเข้าวงรอบใหม่
ส่วนปุ๋ยทางใบ สวนคุณสมชาย ให้สูตร 9-19-34 หรือ สูตร 15-5-20 ยกเว้นต้นที่มีความสมบูรณ์มาก จะลดปริมาณไนโตรเจนในปุ๋ยลงอีก เช่น สูตร 0-42-56 หรือ สูตร 0-52-34
60 วันหลังจากเล็มยอด ใช้สารพาโคลบิวทราโซลอีกครั้ง หลังจากนั้น “งดน้ำ” และ “งดปุ๋ย” เป็นเวลา 60 วัน รอให้ใบเหี่ยว ซึ่งเป็นระยะที่สร้างตาดอก
หากฝนตกระหว่างนั้น อาจทำให้เกิดการแทงยอดอ่อนได้ ตรงนี้ คุณสมชาย ยอมรับว่า เป็นเรื่องของธรรมชาติที่ควบคุมได้ยาก อาจมีบ้าง ซึ่งถ้ามีการแทงยอดอ่อนขึ้นมาซ้ำ เป็นต้องจับเข้าวงรอบใหม่
สำหรับสวนคุณสมชาย มะนาวติดดอกหลังจากเล็มยอด ประมาณ 84 วัน ถือว่าใกล้เคียง 90 วันที่สุดแล้ว จากนั้น รอเก็บผลผลิตได้ในเดือนมีนาคม-เมษายน ซึ่งเป็นช่วงที่ผลผลิตมะนาวออกสู่ตลาดน้อย ราคาซื้อขายสูง
พื้นที่ 3 ไร่ จำนวนมะนาว 600 ต้น ผลผลิตต่อต้นราว 300-500 ลูก ขายนอกฤดูได้ราคาลูกละ 5-8 บาท แม้จะผลิตมะนาวนอกฤดูเพียงปีละชุด ก็ได้ผลผลิตที่คุ้มค่าแล้ว
แม้ว่า บริเวณพื้นที่อำเภอท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี จะเป็นพื้นที่ปลูกมะนาวกลุ่มใหญ่กลุ่มหนึ่งของประเทศ แต่ก็มีไม่กี่สวนของพื้นที่อำเภอท่ายาง ที่สวนโปร่ง โล่ง ดูสะอาดตา เหมือนสวนของคุณสมชาย สนใจเยี่ยมชมหรือซื้อกิ่งพันธุ์ที่คุณสมชายใช้วิธีการปักชำด้วยตนเอง ติดต่อได้ที่บ้านเลขที่ 4 หมู่ที่ 9 ตำบลกลัดหลวง อำเภอท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี หรือโทรศัพท์ (084) 537-4787
วันอังคารที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ.2564