เผยแพร่ |
---|
ดร. กฤษณพงศ์ กีรติกร กล่าวในการเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการกำกับทิศทางโครงการพัฒนานักวิจัยและงานวิจัยเพื่ออุตสาหกรรม (พวอ.) และโครงการยกระดับอุตสาหกรรมเป้าหมายด้วยการวิจัยและพัฒนา สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ว่า มหาวิทยาลัยไทยมีจำนวนมาก งบประมาณที่ผ่านมามีจำนวนจำกัด แต่ขณะนี้สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) มีงบประมาณให้ถึง 1,400 ล้านบาท จึงต้องจัดระบบในการเข้าถึงนักวิจัยแต่ละมหาวิทยาลัยเพื่อมารับทุนของ สกว.
“สกว. ต้องเป็นแม่ไก่ เดินสายคุยกับมหาวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยราชภัฏ เพื่อหานักวิจัยที่ตรงสาขามาขับเคลื่อนงาน ขณะที่รัฐบาลก็จะดูว่าเรามีอะไรที่บ้านเมืองจะไปได้ดีกว่านี้ เราจึงต้องทำงานวิจัยให้เข้าถึงอุตสาหกรรมและชาวบ้าน ร้อยงานวิจัยให้เกิดผลผลิต ผลลัพธ์ และผลกระทบไม่ได้มีแต่แค่ผลงานตีพิมพ์ทางวิชาการ แต่ต้องส่งผลต่อการขับเคลื่อนในมิติเศรษฐกิจและสังคมของประเทศด้วย ทั้งนี้ สกว.จะต้องมองภาพใหญ่ และทำให้เกิดบันไดนักวิจัยอาชีพให้ได้ในมหาวิทยาลัย พยายามก้าวข้ามกระบวนทัศน์ให้นักวิจัยทำวิจัยเต็มเวลา ที่สำคัญต้องให้ร่อนหรือสกัดงานวิจัยที่ได้ว่าเทคโนโลยีฐานมีความสำคัญและจำเป็นอย่างไรต่อภาคเอกชน จะเอาไปใช้อย่างไร ซึ่งเรื่องนี้เอกชนต้องพูดให้ภาครัฐเข้าใจ นอกจากนี้ ยังต้องเชิญชวนให้นักวิจัยพัฒนางานอย่างต่อเนื่องจนขับเคลื่อนให้ออกสู่พาณิชย์ได้” ดร. กฤษณพงศ์ กล่าว
ด้าน รศ.ดร. ประเสริฐ ภวสันต์ ผู้อำนวยการ พวอ. ระบุว่า ในปีงบประมาณ 2560 พวอ.ได้จัดสรรทุนไปแล้วรวม 106 ทุน คิดเป็นงบประมาณ จำนวน 94.63 ล้านบาท มีภาคเอกชนร่วมลงทุน 105 โครงการ โดยกระจายตัวในทุนระดับปริญญาโทและปริญญาเอก จำนวน 102 ทุน ใน 21 มหาวิทยาลัย สัดส่วนผู้ร่วมทุนมากที่สุดคือ การเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ การแปรรูปอาหาร และการแพทย์ครบวงจร ตามลำดับ ซึ่งครอบคลุมเกือบทุกอุตสาหกรรมเป้าหมายของรัฐบาล รวมทั้งอุตสาหกรรมที่ไม่อยู่ในกลุ่มเป้าหมาย เช่น เครื่องจักรและโลหะการ ก่อสร้างและวัสดุก่อสร้าง เซรามิก ไม้และเครื่องประดับ สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม
ขอบคุณข้อมูลจากข่าวสด
ภาพจาก : www.transportjournalnews.com