ผู้เขียน | มติชนออนไลน์ |
---|---|
เผยแพร่ |
พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ตามมาตรา 84 แห่งพ.ร.ก.การประมง 2558 กำหนดให้ท่าเทียบเรือประมงต้องจดทะเบียนเป็นท่าเทียบเรือประมงต่อกรมประมง โดยกรมประมงได้ประกาศกฎกระทรวงไว้เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2559 โดยอนุโลมให้ยื่นหนังสือรับรองฯได้ภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2561 ทั้งนี้กรมฯต้องดำเนินการตรวจมาตรฐานสุขอนามัยท่าเทียบเรือที่ต้องตรวจสุขอนามัยทั้งสิ้น 829 ท่า ได้ดำเนินการแล้ว 579 ท่า แบ่งเป็น ท่าเทียบเรือประเภท เอ1 ตรวจแล้ว 23 ท่าจากเป้าหมาย 25 ท่า ผ่านเกณฑ์ 11 ท่า ไม่ผ่านเกณฑ์ 5 ท่า และรอผลการประเมินอีก 7 ท่า ท่าเทียบเรือประเภท เอ2 ทำการตรวจแล้ว 121 ท่า ผ่านเกณฑ์ 70 ท่า ไม่ผ่านเกณฑ์ 28 ท่า รอผลการประเมิน 23 เท่า ท่าเทียบเรือประเภท บี ตรวจแล้ว 234 ท่า ผ่านเกณฑ์ 119 ท่า ไม่ผ่านเกณฑ์ 37 ท่า รอผลการประเมิน 78 ท่า ท่าเทียบเรือประเภท ซี ตรวจแล้ว 219 ท่า ผ่านเกณฑ์ 32 ท่า ไม่ผ่านเกณฑ์ 15 ท่า รอผลตรวจ 172 ท่า
พล.อ.ฉัตรชัย กล่าวว่า ในส่วนของท่าเทียบเรือที่ไม่ผ่านมาตรฐานสุขอนามัย หากไม่สามารถปรับปรุงมาตรฐานและไม่ยื่นหนังสือรับรองสุขอนามัยฯ ได้ตามระยะเวลาที่กำหนด จะต้องถูกถอนทะเบียนท่าเทียบเรือ ส่งผลให้เรือประมงไม่สามารถใช้ท่าเทียบเรือเพื่อขนถ่ายสินค้าประมงได้ “ยังมีท่าเทียบเรือที่ไม่มายื่นขอรับการรับรองสุขอนามัยจำนวนทั้งสิ้น 232 ท่า อยากขอความร่วมมือให้เร่งรัดรัดปรับปรุงสุขอนามัยก่อนที่จะหมดเวลา”