“ประพิศ” สั่งสำรวจความมั่นคงเขื่อนทั่วไทยรอรับฝนใหม่ เผยมีน้ำใช้ได้ 51-80% ของความจุ มีพื้นที่รับน้ำใหม่ 42,263 ล้าน ลบ.ม.

นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า ช่วงนี้ประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มมากขึ้นแต่ยังต้องเฝ้าระวังในพื้นที่เสี่ยง ตามมาตรการบริหารจัดการน้ำและรับมือน้ำหลากอย่างเคร่งครัด โดยกรมชลประทาน ได้เร่งสำรวจความพร้อมของเขื่อนพบว่า เขื่อนขนาดใหญ่และกลางทั่วประเทศ 35 แห่ง (4 ก.ค.2564) สามารถรับน้ำได้อีก 42,263 ล้าน ลบ.ม. หรือประมาณ 56% ของความจุ

นายประพิศ จันทร์มา

โดยปี 2564 มีปริมาณน้ำใช้การได้สูงกว่าปี 2563 ประมาณ 5% หรือสูงกว่าประมาณ 1,725 ล้าน ลบ.ม. มีน้ำใช้การได้ 9,875 ล้าน ลบ.ม.หรือสัดส่วน 19% ของความจุ ซึ่งสูงกว่าในช่วงเดียวกันของปี 2563 ที่มีน้ำใช้การได้ 84,091 ล้าน ลบ.ม. หรือสัดส่วน 18% ของความจุ

สำหรับปริมาณน้ำเขื่อนขนาดใหญ่ทั่วประเทศมีความจุ 70,926 ล้าน ลบ.ม. มีปริมาณน้ำรวมกันทั่วไทย 31,424 ล้าน ลบ.ม. หรือประมาณ 44% ของความจุ เป็นน้ำใช้การได้ประมาณ 7,882 ล้าน ลบ.ม. หรือ 17% ของความจุ ซึ่งเป็นสัดส่วนที่มากกว่าช่วงเดียวกันของปี 2563 ที่มีปริมาณน้ำมีในอ่างใหญ่ทั่วประเทศประมาณ 15,201 ล้าน ลบ.ม. หรือประมาณ 43% ของความจุ และเป็นน้ำใช้การได้ 7,239 ล้าน ลบ.ม.หรือ 15% ของความจุ

ส่วนเขื่อนขนาดกลางมีปริมาณน้ำกว่า 23,801 ล้าน ลบ.ม. หรือประมาณ 46% ของความจุ ที่มีประมาณ 5,141 ล้าน ลบ.ม. และเป็นปริมาณน้ำใช้การได้ประมาณ 1,993 ล้าน ลบ.ม. หรือประมาณ 13% ของความจุ

“กรมชลฯ พร้อมบูรณาการการทำงานกับหน่วยงานน้ำที่เกี่ยวข้องทั่วประเทศ ตลอดจนทำการตรวจสอบสภาพความมั่นคงของเขื่อนและอาคารชลประทาน เตรียมพร้อมเครื่องจักร เครื่องมือ ไว้พร้อมในจุดเสี่ยงต่างๆ และเดินหน้าประชาสัมพันธ์ถึงสถานการณ์น้ำให้ประชาชนในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง เพื่อลดผลกระทบที่เกิดขึ้นกับประชาชนให้มากที่สุด อีกทั้งเร่งเก็บกักน้ำในช่วงฤดูฝน รวมถึงวางแนวทางในการบริหารจัดการน้ำให้สอดคล้องกับสถานการณ์ เพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดกับประชาชน เพราะในบางพื้นที่ยังมีน้ำน้อย เกษตรกรจึงยังต้องใช้น้ำกันอย่างประณีต”

นายประพิศ กล่าวว่า ปริมาณน้ำเก็บกักในเขื่อนขนาดใหญ่ 35 เขื่อนทั่วประเทศ ไม่มีเขื่อนไหนในประเทศไทยที่มีน้ำเกิน 81% ของความจุ เขื่อนที่น้ำน้อยไม่เกิน 30% ของความจุมีจำนวน 11 แห่ง ได้แก่ เขื่อนแม่กวง มีน้ำ 21% ของความจุ, เขื่อนกิ่วคอหมา มีน้ำ 29% ของความจุ, เขื่อนภูมิพล มีน้ำ 30% ของความจุ, เขื่อนแควน้อยมีน้ำ 21% ของความจุ, เขื่อนทับเสลา มีน้ำ 14 % ของความจุ, เขื่อนห้วยหลวง มีน้ำ 30% ของความจุ, เขื่อนน้ำพุง มีน้ำ 30% ของความจุ, เขื่อนกระเสียว มีน้ำ 29% ของความจุ, เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ มีน้ำ 8% ของความจุ,เขื่อนขุนด่านปราการชล มีน้ำ 17% ของความจุ และเขื่อนสียัดมีน้ำ 12% ของความจุ

สำหรับเขื่อนที่อยู่ในเกณฑ์พอใช้ มีปริมาณมากกว่า 30-50% ของความจุ มีจำนวน 11 แห่ง ได้แก่ เขื่อนแม่งัด มีน้ำ 34% ของความจุ, เขื่อนสิริกิติ์ มีน้ำ 34% ของความจุ, เขื่อนน้ำอูน มีน้ำ 41% ของความจุ, เขื่อนลำปาว มีน้ำ 34% ของความจุ, เขื่อนอุบลรัตน์ มีน้ำ 35% ของความจุ, เขื่อนนฤบดินทรจินดา มีน้ำ 31% ของความจุ,เขื่อนวชิราลงกรณ มีน้ำ 40% ของความจุ, เขื่อนแก่งกระจาน มีน้ำ 31% ของความจุ, เขื่อนบางพระ มีน้ำ37% ของความจุ, เขื่อนปราณบุรี มีน้ำ 41% ของความจุ, เขื่อนแม่มอก มีน้ำ 34% ของความจุ

ส่วนเขื่อนที่อยู่ในเกณฑ์ดี มีปริมาณน้ำ 51-80% ของความจุ มีจำนวน 13 แห่งได้แก่เขื่อนกิ่วลม มีน้ำ 51% ของความจุ, เขื่อนจุฬาภรณ์ มีน้ำ 63% ของความจุ, เขื่อนศรีนครินทร์ มีน้ำ 63% ของความจุ, เขื่อนลำตะคอง มีน้ำ 64% ของความจุ, เขื่อนลำพระเพลิง มีน้ำ 54% ของความจุ, เขื่อนปากมูลบน มีน้ำ 67% ของความจุ, เขื่อนลำแซะ มีน้ำ 54% ของความจุ, เขื่อนลำนางรอง มีน้ำ 65% ของความจุ, เขื่อน  สิรินธร มีน้ำ 60% ของความจุ, เขื่อนหนองปลาไหลมีน้ำ 76% ของความจุ ,เขื่อนประแสร์ มีน้ำ 63% ของความจุ ,เขื่อนรัชชประภา มีน้ำ 57% ของความจุ และเขื่อนบางลาง มีน้ำ 63% ของความจุ