เผยแพร่ |
---|
นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า จากการลงพื้นที่พบ 7 อำเภอ 24 หมู่บ้าน ประสบภัยแล้ง จึงลงไปแก้ปัญหาด้วยตัวเอง พร้อมมอบหมายรองผู้ว่าราชการจังหวัดแก้ปัญหาร่วมกับอำเภอและหน่วยงานต่างๆ โดยติดตั้งเครื่องสูบน้ำเข้าไปเก็บกักในแหล่งน้ำสำหรับประชาชนใช้อุปโภคบริโภค จนสามารถบรรเทาความเดือดร้อนให้ประชาชนได้
“ระยะนี้มีฝนตกอย่างต่อเนื่อง ทำให้ปัญหาภัยแล้งดีขึ้น แต่ได้เฝ้าระวังปัญหาอย่างใกล้ชิด เพราะถ้าภายในเดือนมิถุนายน 2560 ฝนทิ้งช่วง ภัยแล้งจะกลับมาอีก แต่สำหรับชุมชนใหญ่ๆ เช่น เทศบาลนครนครราชสีมา และตำบลใกล้เคียงที่ใช้น้ำประปาจากเขื่อนลำตะคอง และเขื่อนลำแซะ รวมทั้งประปาส่วนภูมิภาคที่มีแหล่งเก็บน้ำในอำเภอเฉลิมพระเกียรติ ยืนยันว่าอีก 3-4 เดือนข้างหน้าจะไม่ขาดแคลนน้ำอย่างแน่นอน เพราะได้วางแผนบริหารจัดการน้ำร่วมกันไว้แล้ว ขอประชาชนอย่าวิตกกังวล ถ้าฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ภัยแล้งปีนี้จะหมดไป” นายวิเชียร กล่าว
นายชิตชนก สมประเสริฐ ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 8 นครราชสีมา กล่าวว่า สถานการณ์น้ำในเขื่อนทั้ง 5 แห่ง ยังต้องเฝ้าระวังและควบคุมการใช้น้ำอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะเขื่อนลำตะคอง อำเภอสีคิ้ว ซึ่งเป็นเขื่อนหลักที่ใช้อุปโภคบริโภคในพื้นที่เศรษฐกิจ เช่น อำเภอเมือง, สีคิ้ว, ขามทะเลสอ และสูงเนิน เหลือน้ำเพียง 71 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) คิดเป็นร้อยละ 22 ซึ่งต้องเปิดประตูระบายน้ำให้ประชาชนใช้อุปโภคบริโภคและหล่อเลี้ยงระบบนิเวศ 346,000 ลบ.ม. จึงขอความร่วมมือประชาชนช่วยกันประหยัดน้ำให้มากเพื่อมีน้ำใช้จนพ้นหน้าแล้ง
“เขื่อนมูลบน เหลือน้ำ 56 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 40 เขื่อนลำแซะ เหลือน้ำ 76 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 27 เขื่อนลำพระเพลิง เหลือน้ำ 62 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 40 และเขื่อนลำปลายมาศ เหลือน้ำ 46 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 47 ในภาพรวมยังเพียงพอบริหารจัดการได้จนพ้นหน้าแล้งนี้ แต่ถ้ามีฝนตกเหนือเขื่อนอย่างต่อเนื่องจะทำให้การบริหารจัดการน้ำง่ายขึ้น” นายชิตชนก กล่าว
ขอบคุณข้อมูลจากมติชนรายวัน