ที่มา | เทคโนโลยีประมง |
---|---|
ผู้เขียน | วรัทยา สมเสมอ |
เผยแพร่ |
ในสมัยก่อน การปลูกพืชและการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำเป็นการทำเกษตรเพื่อการดำรงชีวิต ภายในครัวเรือน แต่ทุกวันนี้ ธุรกิจการปลูกพืชและการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ มีโอกาสทำกำไรได้ดี จึงเกิดผู้ประกอบการธุรกิจเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำและการเพาะปลูกเชิงการค้าเพิ่มมากขึ้น เพื่อให้เพียงพอกับความต้องการของตลาดและผู้บริโภค ซึ่งกิจกรรมดังกล่าวสร้างปัญหาน้ำเสียที่ระบายออกมาสู่สิ่งแวดล้อม
จึงมีการคิดค้นเทคโนโลยีต่างๆ เข้ามาแก้ปัญหาดังกล่าว เช่น การปลูกพืชไร้ดิน หรือไฮโดรโปนิกส์ รวมทั้งแนวพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (รัชกาลที่ 9) เรื่องการบริหารจัดการที่ดินและน้ำ เพื่อการเกษตรให้เกิดประโยชน์สูงสุด ด้วยหลักเศรษฐกิจพอเพียง เน้นการผสมผสานระหว่างเกษตรอินทรีย์กับเทคโนโลยี ซึ่งแนวคิดดังกล่าวเป็นที่มาของการเลี้ยงปลาแบบอควาโปนิกส์
“คนไทยคุ้นเคยกับระบบปลูกพืชแบบไร้ดินที่เรียกว่า ไฮโดรโปนิกส์ แต่หลายคนไม่รู้จัก ระบบอควาโปนิกส์ อันที่จริงแล้วทั้งไฮโดรโปนิกส์ และอควาโปนิกส์ เป็นรูปแบบการปลูกพืชที่ใกล้เคียงกัน “อควาโปนิกส์” มาจาก คำว่า Aquaculture ซึ่งเป็นการปลูกพืชร่วมกับการเลี้ยงสัตว์น้ำ ดังนั้น อควาโปนิกส์ จึงหมายถึง การรวมระบบของการปลูกพืชและการเลี้ยงสัตว์น้ำเข้าด้วยกัน ซึ่งปัจจุบันทำได้โดยการเลี้ยงปลาแบบน้ำไหลเวียนร่วมกับการปลูกพืชด้วยระบบไฮโดรโปนิกส์” อาจารย์ดุสิต เอื้ออำนวย ภาควิชาผลิตสัตว์และประมง คณะเทคโนโลยีการเกษตร สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง กล่าว
วิธีนี้ทำให้พืชได้รับสารอาหารที่เป็นของเสียจากบ่อปลา ประเภทธาตุอาหารหลัก เช่น ไนโตรเจน (N) ฟอสฟอรัส (P) โพแทสเซียม (K) โดยไม่ต้องใส่ปุ๋ย เพื่อบำรุงพืชตลอดระยะการเพาะปลูก เทคโนโลยีอควาโปนิกส์ แตกต่างกับระบบไฮโดรโปนิกส์ที่ใส่ปุ๋ยให้แก่พืช หลักการทำงานของวิธีอควาโปนิกส์ คือ เวลาเลี้ยงปลา มักมีของเสียจากปลา (เมื่อเลี้ยงไปนานๆ ต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำ) จึงนำน้ำเลี้ยงปลาซึ่งมีสารแอมโมเนีย (NH3) และของเสียที่ตกค้างในบ่อเลี้ยงปลาเมื่อนำมารดพืชผักจะถูกย่อยสลายกลายเป็นสารอาหารบำรุงพืชผักต่อไป
การบำบัดน้ำเสียของระบบอควาโปนิกส์
น้ำเสียจากการเลี้ยงปลาและสิ่งปฏิกูลจากการขับถ่ายของปลา ที่อยู่ในกลุ่มสารแอมโมเนีย อาทิ แอมโมเนีย (NH3) ไนโตรเจน (N), ฟอสฟอรัส (F) ฯลฯ ถูกใช้เป็นปุ๋ยให้กับการปลูกพืชแบบไฮโดรโปนิกส์ ซึ่งเป็นการหมุนเวียนเปลี่ยนถ่ายน้ำ โดยรากพืชและจุลินทรีย์ที่อยู่บริเวณรากพืช จะใช้สิ่งปฏิกูลของปลามาเป็นธาตุอาหาร บริเวณรากพืชจะมีแบคทีเรียบางชนิด เช่น Nitrifryting bacteria ซึ่งแบคทีเรียชนิดนี้จะอาศัยอยู่ตามบริเวณกรวดหินและรากพืช ทำหน้าที่เปลี่ยนสารประกอบแอมโมเนีย (NH3) ให้กลายเป็นสารประกอบพวกไนไตร์ต (NO-2) ไนเตรต (No-3) ตามลำดับ โดยพวกไนไตร์ต (NO-2) และไนเตรต (No-3) พืชสามารถนำไปใช้ในการเจริญเติบโตได้ ทำให้น้ำในบ่อเลี้ยงปลามีปริมาณแอมโมเนียลดลง (NH3) สามารถนำน้ำมาใช้ได้อีก
คุณนิพนธ์ จิตตำนาน นักวิทยาศาสตร์ ประจำภาควิชาเทคโนโลยีผลิตสัตว์และประมง สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง กล่าวว่า การปลูกพืชและเลี้ยงปลาระบบอควาโปนิกส์ ประกอบด้วย 2 ส่วนหลัก คือ บ่อปลากับแปลงปลูกผักแบบไฮโดรโปนิกส์ เหมาะสำหรับการทำเกษตรในเมือง หรือบริเวณพื้นที่จำกัด เช่น การทำสวนหลังบ้าน อย่างไรก็ตาม ระบบนี้ไม่เหมาะสำหรับการลงทุนในเชิงเศรษฐกิจ เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายที่สูง การปลูกพืช-เลี้ยงปลาต้องสัมพันธ์กัน แต่ในต่างประเทศสามารถทำได้เพราะเป็นเขตเมืองหนาว ผักที่ปลูกมีราคาแพง เช่น ผักสลัด แต่คนไทยสามารถทำเองได้สำหรับปลูกผักกินเองในครัวเรือน โดยเฉพาะพืชผักสวนครัวหรือผักกินใบ เพราะมีไนเตรตสูง
หลักการทำงานของระบบนี้คือ เวลาเลี้ยงปลา มีน้ำเสียและของเสียจากปลา จึงนำน้ำเสียของปลามารดน้ำผัก พืชผักใช้ของเสียจากปลาเป็นปุ๋ยบำรุงต้น เป็นการบำบัดน้ำเสียให้กับปลา โดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำ ทั้งนี้ แนะนำการทำอควาโปนิกส์แบบ Grow Bed (GB) โดยให้บ่อปลาอยู่ต่ำสุด
อุปกรณ์
- ท่อ พีวีซี 13.5 นิ้ว
- ปั๊มน้ำ 600 วัตต์
- อ่างน้ำ ขนาดบรรจุ 2,500 ลูกบาศก์เมตร
- กระบะปลูกพืช 2 กระบะ
- หินกรวด ถ่าน
- ซาแรน
ขั้นตอนในการทำ
- เตรียมกระบะเพาะ โดยนำซาแรนวางล่างสุดของกระบะเพาะ จากนั้นนำหินกรวด ถ่านไม้ วางลงไป
- นำท่อ ขนาด 13.5 นิ้ว ยาว 1 เมตร และท่อรูปตัว L นำมาต่อกัน
- นำปั๊มน้ำเสียบ ต่อเข้ากับท่อทางน้ำเข้า
- เจาะท่อพ่นน้ำเป็นไซเรน ไว้รดน้ำต้นไม้
- นำไบโอบอลไว้อ่างน้ำล่างสุด ไว้สำหรับกรองน้ำ
- นำเมล็ดมาหว่านลงกระบะเพาะ นำปลามาปล่อย
ข้อดีของระบบอควาโปนิกส์
อควาโปนิกส์ เป็นศาสตร์การผสมผสานเทคโนโลยีที่ดีที่สุดของการเลี้ยงปลาและการเพาะปลูกพืชผักแบบไม่ใช้ดิน สรุปข้อดีจากระบบอควาโปนิกส์ ได้ดังนี้
– ใช้น้ำน้อยลง เมื่อเทียบกับการเพาะปลูกพืชจากระบบปกติน้อยลงถึง 90%
– หมดปัญหาวัชพืช และปัญหาแมลงน้อยลง
– ไม่ต้องรดน้ำ
– ไม่ต้องใส่ปุ๋ย
– ไม่ต้องปักชำ ขุดดิน
– ลดต้นทุนจากการเพาะปลูก โดยเฉพาะค่าปุ๋ยสำหรับพืช เมื่อเทียบการซื้อปุ๋ยสำหรับปลูกพืชในระบบไฮโดรโปนิกส์ 1 กิโลกรัม ซึ่งมีราคาแพงกว่าการซื้ออาหารปลา 1 กิโลกรัม สำหรับใช้ในระบบอควาโปนิกส์
– ความคุ้มค่าในการทำเกษตรในระบบอควาโปนิกส์ เพราะได้ทั้งปลาและพืชผักเพื่อการบริโภคในเวลาเดียวกัน
– ระบบอควาโปนิกส์ช่วยในการเลี้ยงปลาควบคู่ปลูกผัก (ผักสวนครัว ผักออร์แกนิก ผักสลัด และผักสมุนไพร)
หากมีข้อสงสัย สามารถติดต่อสอบถามได้โดยตรงที่ คุณนิพนธ์ จิตตำนาน ภาควิชาผลิตสัตว์และประมง คณะเทคโนโลยีการเกษตร สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง โทรศัพท์ 02-329-8504, 02-329-8507 และ 02-329-8517
…………………
เผยแพร่ในระบบออนไลน์เป็นครั้งแรก เมื่อวันอาทิตย์ที่ 1 เมษายน พ.ศ.2561
Update 09/09/2021