ไผ่สะดิ้ง พืชเศรษฐกิจทำเงิน ดูแลง่าย สร้างกำไรปีแรกกว่า 3 หมื่นบาท

“ไผ่เลี้ยงทะวาย” หรือ “ไผ่สะดิ้ง” ซึ่งเป็นพืชทางเลือกอีกชนิดหนึ่งที่ช่วยสร้างรายได้ให้เกษตรกรในพื้นที่จังหวัดเลย โดยไผ่เลี้ยงที่นิยมปลูกเพื่อบริโภคและจำหน่ายในปัจจุบันมี 2 พันธุ์ ได้แก่ พันธุ์ปกติ และพันธุ์ทะวาย โดยพันธุ์ปกติ จะออกหน่อในฤดูฝน ช่วงเดือนมิถุนายน-สิงหาคม ส่วนพันธุ์ทะวายหรือที่ชาวบ้านเรียกอีกชื่อหนึ่งว่าไผ่สะดิ้ง จะสามารถออกหน่อได้ตลอดทั้งปี 

สำหรับไผ่พันธุ์ทะวาย เป็นพืชที่ปลูกและดูแลรักษาง่าย ตลาดมีความต้องการมาก สามารถขายได้ทั้งในรูปหน่อสดและนำมาแปรรูป เช่น หน่อไม้ดองทั้งหน่อ หรือดองในรูปหน่อไม้สับ นอกจากนี้ การปลูกไผ่เลี้ยงทะวายจะไม่มีการใช้สารเคมี เพราะจะทำให้หน่อไม้ตาย ทำให้เกษตรกรและผู้บริโภคปลอดภัยจากสารเคมี

ดองในรูปหน่อไม้สับ

 

“ภูกระดึง” ปลูกไผ่สะดิ้งจำนวนมาก

จังหวัดเลย มีสภาพภูมิประเทศและอากาศที่เหมาะสม น้ำไม่ท่วมขังเนื่องจากพื้นที่ส่วนใหญ่อยู่บนที่สูงและสามารถเจาะน้ำบาดาลขึ้นมาใช้ได้ จึงเหมาะสมกับการปลูกไผ่ โดยเกษตรกรนิยมปลูก มากที่อำเภอภูกระดึง มีพื้นที่เก็บเกี่ยว 1,267 ไร่

คุณช่วย บุตรดาเวียง เกษตรกรเจ้าของแปลงเรียนรู้ต้นแบบโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตไผ่ ของสำนักงานเกษตรจังหวัดเลย และเป็นเครือข่าย ศพก.อำเภอภูกระดึง ณ บ้านห้วยเดื่อ หมู่ที่ 8 ตำบลศรีฐาน อำเภอภูกระดึง จังหวัดเลย ได้ให้ข้อมูลว่า การปลูกไผ่สะดิ้ง ใช้เงินลงทุนในปีแรกรวม 30,675 บาทต่อไร่ แยกเป็น ค่าต้นพันธุ์ 12,500 บาท (1 ไร่ ปลูก 250 ต้น ต้นละ 50 บาท) ค่าปลูก 1,200 บาท ค่าปุ๋ยเคมี 1,650 ค่าปุ๋ยคอก 425 บาท ค่าระบบน้ำ 9,700 บาท ค่าไถปรับพื้นที่ 300 บาท ค่าไฟฟ้าสูบน้ำเฉพาะหน้าแล้ง 2,800 บาท ค่าฟางคลุมโคน 100 บาท และค่าดูแลรักษาเก็บเกี่ยว 2,000 บาท

ทั้งนี้ ต้นทุนค่าต้นพันธุ์ ค่าไถปรับพื้นที่ ค่าปลูก และค่าระบบน้ำ เป็นการลงทุนเฉพาะปีแรกเท่านั้น หลังจากนั้นในปีถัดไปจะมีรายจ่ายเฉพาะค่าปุ๋ยเคมี ค่าดูแลรักษา เก็บเกี่ยว ตัดหญ้า และสางกิ่งแต่งกอ โดยสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ไม่น้อยกว่า 15 ปี

การปลูกไผ่สะดิ้ง

สำหรับการปลูกไผ่สะดิ้ง ต้นพันธุ์ที่นำมาปลูกมีอายุประมาณ 1 ปี หากดูแลสม่ำเสมอจะสามารถจำหน่ายได้หลังจากการปลูก 8-10 เดือนขึ้นไป เกษตรกรสามารถทยอยเก็บผลผลิตได้ทุกวัน ให้ผลผลิตในปีแรกประมาณ 3,000 กิโลกรัมต่อไร่ ซึ่งราคาจะขึ้นอยู่กับฤดูกาล โดยปกติราคาจะอยู่ที่ประมาณ 10-25 บาทต่อกิโลกรัม โดยราคาสูงที่สุดในช่วงเดือนธันวาคม-เมษายน แต่หากเป็นช่วงหน้าฝนระหว่างเดือนกรกฎาคม-กันยายน ราคาจะลดลงเหลือประมาณ 5-10 บาทต่อกิโลกรัม

ทั้งนี้ เมื่อคิดเป็นรายได้สุทธิ (กำไร) ในปีแรกเกษตรกรจะได้ประมาณ 35,000-39,000 บาทต่อไร่ และในปีถัดมาจะมีรายได้สุทธิไม่ต่ำกว่า 50,000 บาทต่อไร่ต่อปี ซึ่งจะมีพ่อค้าจากจังหวัดเลยและขอนแก่นมารับซื้อถึงสวน นอกจากนี้ เกษตรกรสามารถขยายพันธุ์ได้เองโดยง่าย และสามารถจำหน่ายต้นพันธุ์ให้กับเกษตรกรและผู้ที่สนใจได้อีกด้วย โดยราคาจำหน่ายต้นพันธุ์จะอยู่ประมาณ 50 บาทต่อต้น

ดังนั้น การปลูกไผ่เลี้ยงทะวาย หรือไผ่สะดิ้ง จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งให้กับเกษตรกรผู้สนใจที่ต้องการทำเป็นอาชีพเสริมหรืออาชีพหลักเพื่อเพิ่มรายเพื่อลดความเสี่ยงจากพืชอื่น อีกทั้งการดูแลรักษาไม่ยุ่งยาก ไม่มีการใช้สารเคมี ทำให้เกษตรกรและผู้บริโภคปลอดภัยจากสารเคมี ทั้งนี้ เกษตรกรควรรักษาคุณภาพผลผลิตเพื่อให้ผู้ซื้อเกิดความเชื่อมั่น และควรมีการรวมกลุ่มเพื่อจำหน่ายผลผลิตเพื่อเพิ่มอำนาจการต่อรอ

ผู้สนใจการปลูกไผ่สะดิ้ง สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คุณช่วย บุตรดาเวียง และ คุณสุวรรณา เรือนทอง บ้านห้วยเดื่อ หมู่ที่ 8 ตำบลศรีฐาน อำเภอภูกระดึง จังหวัดเลย โทร. 090-586-0503 ซึ่งยินดีให้คำปรึกษาแก่เกษตรกรทุกท่าน

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบข่าวจาก สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 3 จังหวัดอุดรธานี สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.)