ชีวิตวิถีใหม่ (New Normal) ผู้ต้องขังเรือนจำกลางพิษณุโลก ดื่มน้ำพืชสมุนไพรไทย สร้างภูมิต้านทาน ห่างไกลโควิด-19

ด้วยกระผม น.ช.พันธ์ศักดิ์ เนติธรรมรัตน์ เป็นนักเขียนสมัครเล่นในเรือนจำ ได้ใช้เวลาว่างระหว่างต้องโทษให้เกิดประโยชน์ ชื่นชอบการอ่านหนังสือ ได้อ่านนิตยสารเทคโนโลยีชาวบ้านในห้องสมุดของแดน 5 เนื่องจากมีเพื่อนๆ ผู้ต้องขังที่เป็นสมาชิกรายปีกับนิตยสาร ใจบุญสุนทานบริจาคเล่มเก่าที่อ่านแล้วเข้าห้องสมุด อ่านแล้วได้รับความรู้มากมาย ชื่นชอบทุกคอลัมน์

มีความประสงค์ขอส่งบทความ เรื่อง “ชีวิตวิถีใหม่ (New Normal) ผู้ต้องขังเรือนจำกลางพิษณุโลก ดื่มน้ำพืชสมุนไพรไทย สร้างภูมิต้านทาน ช่วยห่างไกลโควิด-19 เนื่องจากการใช้ชีวิตวิถีใหม่ ทำให้ผู้ต้องขังทุกคนที่นี่ปลอดภัยจากเชื้อโควิด มาให้นิตยสารลงตีพิมพ์

สร้างภูมิคุ้มกัน

หากได้รับความเมตตาพิจารณาตีพิมพ์แล้ว กระผมยังมีบทบาทเกี่ยวกับการเกษตรในเรือนจำ ซึ่งใช้พื้นที่เล็กๆ หลังกำแพงสูงให้เกิดประโยชน์ และโครงการพระราชทานในหลวงรัชกาลที่ 10 “โคก หนอง นา แห่งน้ำใจและความหวัง” ส่งไปเล่าให้ฟังอีกครับ ส่วนรูปภาพประกอบบทความนี้แค่เป็นตัวอย่าง ท่าน บก. สามารถติดต่อมาขอไฟล์รูปเพิ่มเติมได้ทางเฟซบุ๊ก เพจ หรือเบอร์โทรศัพท์ของเรือนจำ โทร. 055-313-351-3 หรือติดต่อกับท่านผู้บัญชาการเรือนจำโดยตรงได้เลยครับ ท่านยินดีและห่วงใยผู้ต้องขังทุกคนเหมือนลูกหลาน

ในท้ายนี้ กระผมขอขอบพระคุณทีมงานทุกท่านเป็นอย่างสูงที่ให้โอกาสรับงานเขียนผู้ด้อยโอกาสหลังกำแพงลงตีพิมพ์ในนิตยสารของท่าน ขอให้ท่านและกองบรรณาธิการทุกคนจงมีความสุข สุขภาพแข็งแรง ปลอดภัยจากโควิด ผลิตหนังสือดีๆ กับคุณผู้อ่านตลอดไป

ขอแสดงความนับถือ

หนุ่มพันธ์เพชร

“อโรคยา ปรมาลาภา ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ” เชื่อว่ามนุษย์เราทุกคนมีความปรารถนาอยากจะมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง มีสุขภาพจิตอันแจ่มใส ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บมาเบียดเบียนด้วยกันทั้งนั้น เพื่อให้สามารถดำรงชีพและประกอบกิจการงานต่างๆ ได้ตามแบบฉบับของตน ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข แต่ทุกสรรพสิ่งบนโลกนี้ ไม่มีอะไรจีรังแน่นอน ดั่งคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ทรงตรัสไว้ว่า “อนิจจา ทุกขัง อนัตตา”

พี่น้องผู้ต้องขังเรือนจำกลางพิษณุโลก แดน 5 เข้าคิวรับน้ำพืชสมุนไพร

ยิ่งภัยที่เกิดขึ้นเองจากธรรมชาติด้วยแล้ว เช่น น้ำท่วม แผ่นดินไหว สึนามิ และโรคระบาดร้ายแรงที่เรามองไม่เห็นอยู่ขณะนี้คือ “ไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19” ซึ่งได้คร่าชีวิตมวลมนุษยชาติทั่วโลกไปเป็นจำนวนมาก อย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน ยังไม่นับรวมผู้ติดเชื้อ ผู้ป่วยที่นอนรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลอีกจำนวนหลายสิบล้านคน

นับเป็นเรื่องยากที่มนุษย์อย่างเราจะคาดเดาหรือหาวิธีป้องกันมิให้มันเกิดขึ้นได้ วิธีที่ดีที่สุดสำหรับการรับมือกับโรคระบาดร้ายแรงชนิดนี้ก็คือ การรู้จักสร้างเกราะป้องกันตนเองและเรียนรู้ที่จะอยู่กับมันให้ได้อย่างมีวินัย มีสติ ไม่ประมาท ไม่ตื่นตระหนก ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ และการ์ดไม่ตก หรือที่เรียกว่า “ชีวิตวิถีใหม่” (New Normal)

 ควบคุมด้วยใจ แก้ไขด้วยเมตตา มุ่งพัฒนาสู่สากล

เรือนจำกลางพิษณุโลก มี ท่านณรงค์ จุ้ยเส่ย เป็นผู้บัญชาการเรือนจำ เป็นเรือนจำความมั่นคงสูงสุด 1 ใน 5 แห่งในประเทศไทย มีอำนาจคุมขังผู้ต้องโทษชายตามกฎหมาย ตั้งแต่อัตราโทษ 15 ปี ถึงโทษประหารชีวิต มียอดผู้ต้องขังจำนวนกว่า 5,000 คน มีเจ้าหน้าที่ผู้คุมจำนวน 150 กว่านาย

ได้สนองนโยบายกรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรมและรัฐบาล ในการใช้มาตรการป้องกันและรับมือโควิด-19 เพื่อมิให้เข้ามาแพร่ระบาดในเรือนจำแห่งนี้ ซึ่งมีผู้ต้องขังจำนวนมากและอยู่กันอย่างหนาแน่นในพื้นที่จำกัด โดยใช้มาตรการล็อกดาวน์ควบคุมอย่างเข้มข้น คือ

ใช้พื้นที่ว่างปลูก
  1. คนในไม่ให้ออก คนนอกไม่ให้เข้า หมายถึง การงดให้คนใน คือผู้ต้องขังโทษน้อยออกมาทำงานสาธารณะภายนอกเรือนจำ ส่วนคนนอกไม่ให้เข้า คืองดให้คณะวิทยากร ครู อาจารย์ ที่จะเข้ามาสอนนักเรียนผู้ต้องขังหรือบุคคลที่จะเข้ามาศึกษาดูงานในเรือนจำ ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้มีความสุ่มเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโควิด
  2. ผู้ต้องขังรับใหม่ ผู้ต้องขังออกมารักษาตัวโรงพยาบาลนอกเรือนจำ ผู้ต้องขังออกศาล ต้องแยกห้องในการกักตัว จาก 14 วัน เป็น 21 วัน
  3. ผู้ต้องขังทุกคนต้องใส่หน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยเป็นประจำ ล้างมือด้วยสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์บ่อยๆ
  4. รับประทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่สดๆ ร้อนๆ ใช้ช้อนส่วนตัว ไม่ใช้ของใช้ร่วมกับผู้อื่น ไม่รวมกลุ่มกันเกิน 5 คน ใช้น้ำยาล้างทำความสะอาดเรือนนอน ห้องน้ำ ห้องขัง ราวบันได และพื้นที่นั่งพักผ่อน อย่างน้อยสัปดาห์ละ 2-4 ครั้ง
  5. ออกกำลังกายกลางแจ้ง เช่น วิ่งจ๊อกกิ้ง เล่นกีฬา และทำกายบริหาร 10 ท่าพญายมเป็นประจำ ทุกวันหลังเคารพธงชาติ เพื่อสุขภาพร่างกายแข็งแรงอยู่เสมอ

ทุกขั้นตอนดังที่ได้กล่าวมานี้ ผู้ต้องขังเรือนจำกลางพิษณุโลก ได้ร่วมกันปฏิบัติกันเป็นนิจจนติดเป็นนิสัยความเคยชิน และกลับกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปแล้ว หรือจะเรียกว่า ใช้ชีวิตวิถีใหม่ (New Normal) ก็คงไม่ผิด

หวานเป็นลม ขมเป็นยา

ดื่มน้ำพืชสมุนไพร สร้างภูมิต้านทานร่างกาย และปลูกฟ้าทะลายโจรในเรือนจำ

นอกจากท่านผู้บัญชาการเรือนจำกับคณะผู้บริหารเรือนจำ จะใช้มาตรการเข้มเพื่อสกัดกั้นโควิด-19 เพื่อให้ผู้ต้องขังปลอดภัยจากมหันตภัยร้ายไวรัสโคโรนา 2019 ท่านผู้บัญชาการณรงค์ ยังมีความรัก ความเมตตา และห่วงใยต่อสุขภาพของผู้ต้องโทษ จึงได้มอบหมายให้แดนสูทกรรม (โรงครัว) ต้มน้ำพืชสมุนไพรไทย ซึ่งประกอบด้วย กระชาย ขิง ข่า ตะไคร้ และฟ้าทะลายโจร มาบริการให้ผู้ต้องขังทุกคนได้ดื่มกันอย่างถ้วนหน้า เดือนละ 1-2 ครั้ง เพื่อสร้างภูมิต้านทานและภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย

พืชสมุนไพร ฟ้าทะลายโจร

เนื่องจากสมุนไพรไทยทั้ง 5 ชนิด ที่ได้กล่าวมานี้ มีสรรพคุณเป็นยารักษาโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ เสริมพลังธาตุในร่างกาย โดยเฉพาะฟ้าทะลายโจร จากผลการวิจัย สรรพคุณมีฤทธิ์ต้านไวรัสที่ทำให้เกิดโรคในระบบทางเดินหายใจ 4 กลไก ได้แก่ การป้องกันไม่ให้ไวรัสเข้าเซลล์ การลดการแบ่งตัวของไวรัส การเพิ่มภูมิคุ้มกัน และลดการอักเสบที่ปอด บรรเทาอาการหวัด ไข้หวัดใหญ่ และไซนัสอักเสบ

ด้วยวิสัยทัศน์อันยาวไกลและเล็งเห็นความสำคัญของพืชสมุนไพรไทย ซึ่งจะช่วยสู้กับโควิด-19 ท่านผู้บัญชาการเรือนจำจึงใช้พื้นที่ว่างภายในเรือนจำและภายนอกเรือนจำทุกตารางนิ้วให้เกิดประโยชน์สูงสุด ด้วยการปลูกพืชสมุนไพร กระชาย ขิง ข่า ตะไคร้ และฟ้าทะลายโจร ได้รับความร่วมมือร่วมใจ ความสมานสามัคคีกลมเกลียว กำลังแรงกายแรงใจจากผู้ต้องขังจิตอาสาราชทัณฑ์ อ.ส.ร.จ. และเจ้าหน้าที่ผู้คุมมาช่วยกันเพาะต้นกล้า นำมาปลูกในแปลงอย่างขยันขันแข็ง ช่วยกันรดน้ำ ใส่ปุ๋ย พรวนดิน อย่างขะมักเขม้น

ท่ามกลางวิกฤตโควิด-19 ระบาดระลอกที่ 3 อย่างปัจจุบันนี้ การรู้จักพึ่งพาตนเอง หลีกเลี่ยงพฤติกรรมเดิมๆ โดยหันมาใช้ชีวิตแบบวิถีใหม่ (New Normal) ดื่มน้ำจากพืชสมุนไพร เพื่อช่วยสร้างภูมิต้านทานให้กับร่างกาย นับว่าเป็นเรื่องที่ดี และพอจะทำให้อุ่นใจได้บ้างไม่มากก็น้อย

“เปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาส แล้วเราทุกคนจะอยู่รอดปลอดภัยอย่างแน่นอนครับ”

ขอขอบคุณ ข้อมูลเรื่องฟ้าทะลายโจร ยาดีที่ปลูกเองได้ จากสมุนไพรอภัยภูเบศร