อสังหาฯ ใต้ฝากความหวังราคายาง แตะ 70 บ. เพิ่มกำลังซื้อบ้าน

ศูนย์ข้อมูลอสังหาฯ ชี้ตลาดที่อยู่อาศัยใต้มีโอกาสขยายตัว 3-5% หวังปัจจัยราคายางเพิ่มทะลุ 70 บาท/ก.ก. ช่วยดันความเชื่อมั่นฟื้นและกำลังซื้อ แต่แนะลงทุนตามความต้องการตลาดลดเสี่ยง

นายวิชัย วิรัตกพันธ์ รักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยในงานสัมมนาสถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยภาคใต้ จัดโดยศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ปีนี้คาดว่าจะขยายตัวได้ 3-5% แม้ว่าไตรมาสแรกปีนี้ขยายตัวชะลอลงเมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อน ที่มีมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ของภาครัฐ ทำให้มีดึงกำลังซื้อไปล่วงหน้า ส่งผลกระทบมาถึงช่วงต้นปีนี้ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าช่วงครึ่งปีหลังตลาดมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจของประเทศ โดยสถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยภาคใต้ 4 จังหวัด คือ ภูเก็ต สงขลา สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช มีโครงการอยู่ระหว่างขาย 56,488 ยูนิต แบ่งเป็นคอนโดมิเนียม 23,481 ยูนิต มียอดขายแล้ว 19,013 ยูนิต หรือ 80% เหลือขาย 4,468 ยูนิต และโครงการแนวราบ 33,007 ยูนิต มียอดขายแล้ว 22,778 ยูนิต หรือ 69% เหลือขาย 9,229 ยูนิต

“ความต้องการซื้อที่อยู่อาศัย เชื่อว่ายังเติบโตต่อเนื่อง แต่การตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยของผู้บริโภคขึ้นอยู่กับความเชื่อมั่นของผู้บริโภค เพราะต้องมีการก่อหนี้ระยะยาว รวมทั้งขณะนี้สถาบันการเงินเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ ดังนั้น การลงทุนเพื่อพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์รองรับความต้องการผู้บริโภคยังมีโอกาสและเป็นการกระตุ้นตลาด สำหรับการพัฒนาโครงการภาคใต้ ในส่วนภูเก็ตและหาดใหญ่ สงขลา สามารถลงทุนคอนโดฯ ได้ เพราะมีความต้องการซื้อ ส่วนตลาดนครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี ยังเป็นที่อยู่อาศัยแนวราบเป็นหลัก คอนโดฯ ขายได้ช้า” นายวิชัย กล่าว

นางสุรีรัตน์ ลัคนานิตย์ ผู้อำนวยการอาวุโสธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สำนักงานภาคใต้ กล่าวว่า แนวโน้วเศรษฐกิจภาคใต้ยังขยายได้ต่อเนื่อง จากการใช้จ่ายและลงทุนภาครัฐ การท่องเที่ยวเติบโต การส่งออกขยายตัวดี รวมทั้งรายได้เกษตรกรฟื้นตัว ขณะที่ภาคอสังหาริมทรัพย์ภาคใต้ไตรมาสแรกผู้ประกอบการยังระมัดระวังเปิดโครงการใหม่ เนื่องจากกำลังซื้อไม่ฟื้นตัว โดยพื้นที่ได้รับอนุญาตก่อสร้างเพื่อที่อยู่อาศัยในภาคใต้ติดลบ 30% การออกใบอนุญาตจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัยติดลบ 62.8% การขอจดทะเบียนอาคารชุดเพิ่มขึ้น 19.7% จากโครงการที่สร้างแล้วเสร็จ ด้านจำนวนการโอนกรรมสิทธิ์ก็ลดลง ทำให้เงินให้สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยของธนาคารพาณิชย์ภาคใต้มีมูลค่า 167,183 ล้านบาท ลดลง 0.8% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน และลดลง 0.4% จากไตรมาสก่อนหน้า โดยพบว่าสินเชื่อคอนโดฯ ยังมีแนวโน้มลดลง ขณะที่สินเชื่อแนบราบเริ่มฟื้นตัวแล้ว โดยสินเชื่อไตรมาสแรกมีมูลค่า 21,788 ล้านบาท ลดลง 17.6%

นางสุรีรัตน์ กล่าวว่า จากการสำรวจผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ภาคใต้ พบว่าความเชื่อมั่นผู้ประกอบการไตรมาสแรกดีขึ้น โดยจำนวนผู้เข้าชมโครงการเพิ่มขึ้นทำให้ยอดขายปรับตัวดีขึ้นจำนวนหน่วยคงเหลือลดลงจากไตรมาสก่อน ทำให้ผู้ประกอบการเริ่มเปิดตัวโครงการใหม่ รวมทั้งราคายางที่เพิ่มขึ้นทำให้ความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้น แต่สถานการณ์ 6 เดือนข้างหน้าผู้ประกอบการยังมีความกังวลอยู่เพราะดัชนีความเชื่อมั่นอยู่ที่ 45.9

“ราคายางเพิ่มขึ้นคาดปีนี้อยู่ที่ 60-70 บาท ต่อกิโลกรัม จากปีก่อนเฉลี่ย 52 บาท/กิโลกรัม ทำให้ความมั่นใจผู้บริโภคภาคใต้เพิ่มขึ้น เชื่อว่าเกณฑ์บ้านประชารัฐจะทำให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงสินเชื่อได้มากขึ้น ทั้งนี้ การลดอัตราดอกเบี้ยรายย่อยช่วยเอสเอ็มอีและลูกค้ารายย่อย ทำให้ภาระการผ่อนลดลง หากมีการใช้งบประมาณกลุ่มจังหวัด ซึ่งในส่วนของภาคใต้มีมูลค่า 1.3 หมื่นล้านบาท ทำให้มีเงินหมุนเวียนเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ คนมีงานทำ มีการบริโภคและใช้จ่าย ซึ่งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจภาคใต้และภาคอสังหาริมทรัพย์” นางสุรีรัตน์ กล่าว

 

ขอบคุณข้อมูลจากมติชนรายวัน