“ข้าวนึ่ง”ไทยแพง”วืด”ออร์เดอร์บังกลาเทศ

ข้าวนึ่งไทยราคาดีดแซงอินเดีย ส่งผลให้พ่ายประมูลข้าวบังกลาเทศนัดแรก 50,000 ตัน ลุ้นออร์เดอร์ประมูลเข้าอีก 2 นัด แห่ประมูลข้าวสารทั่วไปลอตสุดท้ายตุนสต๊อก หวั่นชอร์ตของส่ง

ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” รายงานว่า สถานการณ์การส่งออกข้าว 4 เดือนแรก (มกราคม-เมษายน) 2560 มีปริมาณ 3,630,219 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 2.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มูลค่า 1,530 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 0.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยผลดีจากการส่งออกข้าวในเดือนเมษายนที่ผ่านมา มีปริมาณ 936,597 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 33.4% มูลค่า 541 ล้านเหรียญสหรัฐ 41.1% ซึ่งปัจจัยสำคัญจากการส่งออกข้าวนึ่งกลับมาเพิ่มขึ้น

ร.ต.ท.เจริญ เหล่าธรรมทัศน์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า สัญญาณการส่งออกข้าวครึ่งปีแรกดีเกินกว่าเป้าหมายทั้งปีที่คาดไว้ 9.5 ล้านตัน ปัจจัยสำคัญมาจากตลาดเริ่มฟื้นตัว โดยเฉพาะข้าวนึ่ง ซึ่งมีคำสั่งซื้อเพิ่มมาจากแอฟริกามีกำลังซื้อดีขึ้นจากราคาน้ำมันในตลาดโลกดีขึ้น และตลาดอิหร่านมีการสั่งซื้อข้าวเข้ามา 2 ลอต เป็นข้าวหอมมะลิ และข้าวขาว 5% อย่างละ 1 แสนตันจากที่หยุดสั่งซื้อไปนาน 10-20 ปี

แหล่งข่าวจากวงการส่งออกข้าว เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ราคาข้าวนึ่งของไทยปรับสูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมา สาเหตุมาจากหลายปัจจัย เช่น ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น สต๊อกข้าวรัฐบาลลดลงไปอย่างมากทำให้ไม่มีแรงกดดันเรื่องราคา และตลาดข้าวนึ่งที่สำคัญ ๆ มีความต้องการมากขึ้น ทำให้ราคาปรับสูงขึ้นมาก ส่วนหนึ่งมีการเก็งกำไรด้วย ผลจากราคาที่ปรับสูงขึ้น ทำให้อินเดียชนะประมูลขายข้าวนึ่งให้กับบังกลาเทศเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา 50,000 ตัน โดยอินเดียเสนอราคาตันละ 428 เหรียญสหรัฐรวมค่าขนส่ง ค่าการจัดส่งมอบ และค่าค้ำประกัน ต่ำกว่าไทยที่เสนอราคาตันละ 445-450 เหรียญสหรัฐ

อย่างไรก็ตาม ผู้ส่งออกเริ่มกังวลว่าข้าวเปลือกจะขาดประมาณ 2 เดือนจากนี้ถึงกรกฎาคม เพราะก่อนหน้านี้มีคำสั่งซื้อจากอิหร่าน และแนวโน้มในช่วงปลายเดือนนี้บังกลาเทศจะประมูลซื้อข้าวอีกรอบ น่าจะเป็นข้าวขาวปริมาณ 50,000 ตัน และเร็ว ๆ นี้หน่วยงานจัดซื้อข้าวฟิลิปปินส์ (NFA) มีแผนจะเปิดประมูลจากเอกชนในรูปแบบ G to P ปริมาณ 2.5 แสนตัน เพราะผลผลิตภายในประเทศไม่ดี

“ขึ้นอยู่กับว่าจะซื้อข้าวชนิดใดถ้าฟิลิปปินส์ซื้อข้าวขาว 25% มีโอกาสที่เวียดนามจะชนะสูง เพราะราคาข้าวไทยพลิกกลับมาสูงกว่าเวียดนาม 50 เหรียญสหรัฐต่อตัน โดยอยู่ที่ตันละ 380-390 เหรียญสหรัฐ ขณะที่ข้าวเวียดนามอยู่ที่ 330 เหรียญสหรัฐ และการทำข้าว 25% ต้องใช้ปลายข้าว แต่ตอนนี้ไทยไม่มีปลายข้าวในระบบด้วย”

นอกจากนี้ ในการประชุมไทยแลนด์ไรซ์คอนเวนชั่น ปี 2560 ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 29 พฤษภาคม 2560 มีกำหนดการว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้าอิรักจะเดินทางมาร่วมและเข้าพบนางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ ซึ่งอาจจะมีสัญญาณที่ดีในการสั่งซื้อข้าวรอบใหม่อีก

“รัฐบาลควรอาศัยจังหวะนี้ระบายข้าวสารในสต๊อกให้หมดเพื่อให้ราคาข้าวเปลือกฤดูกาลผลิตใหม่ได้ปรับฐานราคาสูงขึ้นหลังจากนี้ ควรมุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และการสร้างนวัตกรรมข้าว เพื่อเพิ่มมูลค่าต่อไป”

ทั้งนี้ ผลจากภาวะตลาดข้าวเริ่มกลับมาฟื้น ทำให้บรรยากาศการเปิดประมูลข้าวสารในสต๊อกรัฐบาลเป็นการทั่วไปลอตสุดท้าย ซึ่งเป็นข้าวกลุ่ม 1 ที่ใช้เพื่อการบริโภคปกติปริมาณ 1.82 ล้านตัน เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นอย่างคึกคัก มีผู้ยื่นซองเสนอราคา 58 ราย ล้วนแต่เป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ ที่ต้องการซื้อข้าวลอตนี้ไปสต๊อกไว้ (ตาราง) ซึ่งคณะอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าวจะพิจารณาผลประมูลในวันที่ 31 พฤษภาคม 2560 ก่อนหน้านี้ รัฐบาลอนุมัติผลระบายข้าวเข้าสู่อุตสาหกรรมที่มิใช่คนและสัตว์บริโภค ให้เอกชน 10 ราย ปริมาณ 5 แสนตันจากที่นำมาเปิดประมูล 1.03 ล้านตัน มูลค่า 1,523 ล้านบาท