เผยแพร่ |
---|
‘มิลค์บอร์ด’ ชง ครม.ทำแผนยุทธศาสตร์ 10 ปี พัฒนาโคนม-ผลิตภัณฑ์นม ฉบับแรกชง ครม. บูมบริโภคเพิ่ม ดึง ‘มนต์นมสด’-‘นมโจ’ ช่วยพัฒนาร้านขายนมชุมชน เล็งถกพาณิชย์สร้างแบรนด์กลางนมโรงเรียนดูดซับล้นตลาดช่วงปิดเทอม
นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการโคนมและผลิตภัณฑ์นม (มิลค์บอร์ด) เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม ว่า มิลค์บอร์ดเตรียมเสนอแผนยุทธศาสตร์พัฒนาโคนมและผลิตภัณฑ์นม ระยะเวลา 10 ปี (2560-2569) ซึ่งถือเป็นแผนยุทธศาสตร์นมฉบับแรกของไทยให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเห็นชอบภายในเดือนกรกฎาคมนี้ มีเป้าหมายให้องค์กรโคนมบริหารงานมีกำไรไม่น้อยกว่า 80% เพิ่มรายได้ให้เกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม เฉลี่ย 5% ต่อปี เพิ่มผลผลิตน้ำนม เฉลี่ย 4% ต่อปี เพิ่มมูลค่าการส่งออกผลิตภัณฑ์นม ไม่ต่ำกว่า 5% ต่อปี เพิ่มอัตราการบริโภคนมภายในประเทศ เฉลี่ย 4% ต่อปี หรือมากกว่า 20 ลิตร/คน/ปี
นายธีรภัทร กล่าวว่า รายละเอียดของยุทธศาสตร์ ประกอบด้วย 5 ด้าน คือ 1. สร้างความเข้มแข็งให้เกษตรกรและองค์กรโคนม มีการบริหารธุรกิจแบบมืออาชีพ โดยรวมกลุ่มสหกรณ์ขนาดเล็กเข้าด้วยกัน การส่งเสริมให้เกษตรกรใช้เทคโนโลยีบริหาร 2. การพัฒนาการผลิตน้ำนมโคและอุตสาหกรรมโคนมให้ได้มาตรฐานสากล โดยการทำแปลงใหญ่โคนม การจัดทำระบบตรวจสอบย้อนกลับ การผลิตนมให้นมมีความหลากหลาย อาทิ นมอินทรีย์ 3. การส่งเสริมการบริโภคนมและพัฒนาผลิตภัณฑ์นมเพื่อการแข่งขันเพิ่มการแปรรูปผลิตภัณฑ์ อาทิ ชีส นมผง โยเกิร์ต และเนย รวมทั้งการรณรงค์บริโภคนมและผลิตภัณฑ์นมภายในประเทศ 4. การพัฒนาระบบฐานข้อมูลและการใช้ประโยชน์ และ 5. การวิจัยและพัฒนาองค์ความรู้การเลี้ยงโคนมให้กับเกษตร อาทิ การปรับปรุงและพัฒนาพันธุ์โคนม ซึ่งแผนนี้ได้ผ่านการรับฟังความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้เสียแล้ว โดยปรับเป้าหมายเพิ่มอัตราการบริโภคนมภายในประเทศภายใน 10 ปี จะต้องมากกว่า 20 ลิตร/คน/ปี จากปัจจุบันบริโภคที่ 17-18 ลิตร/คน/ปี
นายธีรภัทร กล่าวว่า นอกจากนี้ เตรียมหารือกับกระทรวงพาณิชย์ หาแนวทางการพัฒนาสร้างแบรนด์กลางนมโรงเรียนใหม่ หรือใช้ตราสัญลักษณ์โบทองที่กระทรวงพาณิชย์เคยศึกษาไว้ให้นำมาขายเชิงพาณิชย์เพื่อช่วยดูดซับนมโคในช่วงที่เกิดปัญหาน้ำนมดิบล้นตลาด ซึ่งส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นในช่วงปิดเทอม และเตรียมหารือกับผู้ประกอบการร้านนม อาทิ มนต์นมสด นมโจ ในการเข้ามาช่วยพัฒนาสหกรณ์โคนม ให้สามารถจัดตั้งร้านขายนมสดตามชุมชนต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อเป็นการเพิ่มการเข้าถึงและเพิ่มการบริโภคนมภายในประเทศ รวมทั้งยังเป็นการเพิ่มรายได้ให้กับสหกรณ์โคนมอีกทาง
ขอบคุณข้อมูลจากมติชนรายวัน