ที่ต้องบอกกันบ่อย เพราะคนไทยอายุยืนขึ้นน่ะซิ

เป็นไงบ้างครับ ชาว “ส.ว.” ทั้งหลาย อยู่กับลูกเมีย 4-5 วันเต็มๆ ไปไหนกันมามั่ง ถึงวันนี้ต้องกล่าว “สวัสดีปีใหม่” กันหน่อย ขึ้นปีใหม่อีกปีหนึ่ง อายุเพิ่มอีกปีแล้ว อยู่บ้านสองคนตายาย ให้ลูกหลานที่ออกเรือนมาเยี่ยม “สวัสดีปีใหม่ พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย” มีความสุขกับปีเสือ 2565

31 ธันวาคม 2564 วันสิ้นปี เมื่อคืนวันที่ 30 ธันวาคม วันพฤหัสบดี สิ้นปีต่อเนื่องถึงคืนวันศุกร์ 31 ธันวาคม 2564 “ส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่” เช้าวันเสาร์ที่ 1 มกราคม 2565 สำหรับท่าน ส.ว. คงว่ากันเบาะๆ ระหว่างสองยามเชื่อมต่อตีหนึ่ง ประมาณว่า ถึงสองยามต่อเนื่องตีหนึ่งให้ลูกหลานมาล้อมกอด “สวัสดีปีใหม่” ก็ชื่นใจแล้ว

ก่อนหน้าสองยามฟังพระราชดำรัสอำนวยพรปีใหม่จาก พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระดำรัสอวยพรจากสมเด็จพระสังฆราช ของพุทธศาสนิกชน และผู้นำศาสนาของประชาชนในประเทศไทย เป็นขวัญและพลังใจให้ชีวิตมีสุขภาพอยู่ดีกินดีไปอีกอย่างน้อยตลอดปี 2565 ถึงสิ้นปีนี้ 31 ธันวาคม 2565 ค่อยว่ากันใหม่

ตลอดวันปีใหม่ เช้าตรู่ ทำบุญตักบาตรตามธรรมเนียม ทำทานตามสถานผู้สูงวัย อาทิ “บ้านบางแค” บ้านปากเกร็ด สถานสงเคราะห์ผู้สูงอายุ สถานสงเคราะห์คนพิการ ซึ่งมีในหลายจังหวัด ทำที่ไหน สุขใจทั้งนั้น

อยู่กรุงเทพมหานคร จะเดินทางไปโน่นไปนี่ห้วงปีใหม่สี่ห้าวันถนนหนทางโล่ง แถมยังขึ้นทางด่วน “ฟรี” อยู่เมืองนนท์ ขึ้นทางด่วนชั่วประเดี๋ยวครึ่งชั่วโมง อ้าว! ถึงถนนตกเสียแล้ว กินอาหารกลางวันข้าวหมกไก่ หมกแพะ คนละจาน กลับเข้าเมือง ดูหนังรอบบ่ายสักเรื่อง แวะกินข้าวเย็นในเมือง อิ่มแล้วกลับบ้านเมืองนนท์ไม่ถึงสองทุ่ม อะไรจะสะดวกปานนั้น

วันหยุด 4 วัน วันอาทิตย์ที่ 2 มกราคม ชดเชยวันจันทร์ที่ 3 มกราคม 2565 จะเดินทางไปไหว้พระหลวงพ่อโต หลวงพ่อวัดพนัญเชิง พาลูกหลานเดินเที่ยวเล่นชมโบราณสถานโบราณวัตถุอยุธยาเมืองเก่าของเราแต่เก่าก่อน…สักชั่วโมงสองชั่วโมง มื้อเที่ยงหากุ้งแม่น้ำเผากินคนละตัวสองตัว บ่ายสองสามโมงค่อยกลับเข้ากรุงเทพฯ ถนนยังโล่งถึงบ้านไม่เกินเย็น

รุ่งขึ้นเช้าวันอังคารที่ 4 มกราคม 2565 ใครที่ยังทำงานค่อยเริ่มงานปีใหม่ ใครเพิ่งเกษียณเมื่อตุลาคมที่ผ่านมา ไม่ต้องทำงาน หยุดอยู่กับบ้านต่อไป ใครเกษียณมาปีสองปีสามปี และก่อนหน้านั้น ใช้เวลาตามปกติอย่างเคย

Advertisement

ปีใหม่ ถึงเวลาใช้จ่ายเงินที่มีเก็บออมไว้ จากเดือนนี้ไปได้เวลาเก็บเงินออมเงินต่อ

ทุกวันนี้ ผู้ที่มีงานการทำ มีรายได้ทั้งเป็นรายเดือนจากบำนาญ ทั้งเป็นเงินก้อนบำเหน็จและรายได้จากงานพิเศษ รวมไปถึงรายได้ที่งอกเงยจากการนำเงินไปลงทุน หลายคนมีเงินล้านถึงหลายสิบล้านในบัญชี แม้เงินล้านจะมีกันได้ไม่ยาก ดูอย่างนักกีฬาเดี๋ยวนี้ ยังหนุ่มยังสาวไม่น้อยคน ลงแข่งกีฬาแต่ละนัดมีรางวัลเงินล้านล่อใจ เป็นตัวอย่างของพ่อแม่ที่ต้องวางเส้นชีวิตอนาคตของลูกว่าจะให้เดินไปทางไหน ไปทางวิชาการ หรือการกีฬา อย่ามัวแต่ผลักดันให้เรียนเก่ง เรียนสูงๆ เรียนวิศวะ เรียนแพทย์

Advertisement

หากลูกชอบเล่นกีฬา อะไรก็ได้ ยิ่งเป็นกีฬายอดนิยม อาทิ ฟุตบอล กอล์ฟ ลงทุนไปเลย ให้เรียนในโรงเรียนถึงมัธยมปลาย แล้วไม่จำเป็นต้องมหาวิทยาลัย ทุกวันนี้การเรียนระดับปริญญาตรีไม่ใช่เรื่องยากเย็น มหาวิทยาลัยทั้งของรัฐและเอกชนมีให้เกลื่อน

ชอบกีฬา ให้เรียนรู้เล่นและฝึกฝนกีฬาที่ลูกที่หลานชอบ ลงทุนไปเลยกับกีฬาบางประเภท เช่น กอล์ฟ หรือไม่ต้องลงทุนมากนัก แต่ต้องขยันฝึกซ้อม เช่น ฟุตบอล วันหนึ่งลูกเราอาจเป็นนักฟุตบอลมีชื่อเสียง หรือไม่จำเป็นต้องเก่ง เป็นมือสองมือสามก็มีรายได้เลี้ยงตัว

ส่วนตัวเอง อย่าเผลอใช้จ่ายเกินตัว เริ่มต้นเก็บเงินไว้ตั้งแต่เดือนมกราคม ปีใหม่ดีที่สุด

รู้ไหมว่าค่าใช้จ่ายหลังอายุหกสิบ หรือตั้งแต่เกษียณคือค่าอะไร

ครับ ค่าใช้จ่ายที่สำคัญของผู้สูงวัย คือค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพที่จะสูงขึ้นตามวัย ไปหาหมอทีหนึ่งเป็นเงินพันขึ้นไปถึงเงินหมื่น ดังนั้น การไม่ต้องพบหมอบ่อย หรือพบเพียงตามนัด ดีที่สุด

นับแต่นี้เป็นต้น ค่าใช้จ่าย ค่าครองชีพ ราคาสินค้าและบริการจะเพิ่มสูงขึ้น ค่าเดินทาง อาทิ ค่าน้ำมันรถเริ่มขยับ

ตัวไปแล้ว ค่าอาหารการกินต่อมื้อใช่ว่าจะน้อยลง แม้เราจะเป็นประเภท “คนเดินดินกินข้าวแกง” ก็เถอะ

เอาเป็นว่าที่เน้นย้ำเรื่องการเก็บการออมเรื่องหนึ่ง เพราะคนไทยทุกวันนี้อายุยืนมากขึ้นน่ะซิ เผลอประเดี๋ยว เกษียณมาแม็บๆ อ้าว 70 ไม่รู้ตัว แล้วจะมีเงินใช้พอกับอายุที่ยืนขึ้นหรือขอรับกระผม คิดดูให้ดี