เผยแพร่ |
---|
นายเฉลิมชัย สุวรรณรักษ์ รองอธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่า กรณีมีข่าว “SIOFA จ่อเชือดเรือไทย” และ “SIOFA ยึดคืนพื้นที่จับปลา” นั้น กรมประมงขอชี้แจงว่า องค์การบริหารจัดการประมงในมหาสมุทรอินเดียตอนใต้ หรือ Southern Indian Ocean Fisheries Agreement, SIOFA เป็นองค์การบริหารจัดการประมงระดับภูมิภาค (Regional Fisheries Management Organization, RFMO) ที่ก่อตั้งขึ้นโดยมีอำนาจบริหารจัดการตามกฎหมายเมื่อปี พ.ศ. 2555 และประเทศไทยได้เข้าร่วมเป็นภาคีสมาชิก เมื่อปี พ.ศ. 2560 ซึ่ง SIOFA ถือเป็น RFMO ที่ก่อตั้งใหม่มากๆ เมื่อเปรียบเทียบกับ RFMO อื่นๆ เช่น IOTC ที่ได้ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2539 การออกกฎข้อบังคับใดๆ เพื่อบังคับใช้กับการประมงของภาคีสมาชิกจำเป็นต้องรอผลการศึกษาทางวิทยาศาสตร์มาเป็นพื้นฐานในการกำหนดมาตรการต่างๆ โดยในระหว่างที่รอผลการศึกษาข้อมูลวิทยาศาสตร์นี้ SIOFA มีข้อตกลงร่วมกันว่า เพื่อป้องกันผลกระทบต่อระบบนิเวศไว้เป็นการล่วงหน้า ขณะเดียวกัน ไม่ให้กระทบต่อการทำประมงในแหล่งประมงเดิมของภาคีสมาชิก จึงกำหนดไม่ให้เรือประมงของรัฐสมาชิกขยายพื้นที่ทำการประมงออกไปจาก แหล่งเดิมที่เคยทำการประมงอยู่ (หรือที่เรียกว่า Fishing Footprint) จนกว่าจะมีมาตรการอื่นที่เหมาะสมมาใช้บังคับ ซึ่งเรือไทยที่เคยทำการประมงใน Saya de Malha Bank ของ SIOFA ก็ให้ทำต่อไปได้ และในบรรดา 11 ภาคีสมาชิก ก็ถูกจำกัดให้อยู่ใน Fishing Footprint ของตนเอง เช่นเดียวกับประเทศไทย
โดยปัจจุบันมีเรือประมงอวนลากไทยที่ได้รับใบอนุญาตทำการประมงใน Saya de Malha Bank ของ SIOFA จำนวน 4 ลำ ซึ่งประเทศไทยโดยศูนย์ Fisheries Monitoring Center, FMC ของกรมประมง มีการควบคุม ติดตาม และเฝ้าระวังกลุ่มเรือดังกล่าวตามมาตรการอนุรักษ์และจัดการของ SIOFA อย่างเข้มงวด และเรือประมงได้ปฏิบัติตามมาตรการชั่วคราวสำหรับการทำประมงพื้นท้องน้ำที่บังคับใช้ในปัจจุบันอย่างครบถ้วน มีระบบติดตามอิเล็กทรอนิกส์ และมีผู้สังเกตการณ์ประมงอยู่บนเรือตลอดเวลาในทุกเที่ยวเรือ และประเทศไทยได้รับการประเมินว่ามีระดับการปฏิบัติตามกฎ SIOFA ได้ 100% ในทุกรอบการประเมินของ SIOFA การทำการประมงของไทยจึงเป็นไปตามกฎข้อบังคับในปัจจุบัน จึงไม่เป็นเหตุที่ SIOFA จะยกมายึดคืนพื้นที่ทำการประมงของไทยได้แต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม ในการประชุมสามัญประจำปีของภาคีสมาชิก ครั้งที่ 8 เมื่อเดือนกรกฎาคม 2564 ที่ผ่านมา องค์กร The Deep Sea Conservation Coalition, DSCC ซึ่งเป็นองค์การนอกภาครัฐ (NGO) ได้นำเสนอเอกสาร เรื่อง ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับความหลากหลายทางระบบนิเวศจากการทำประมงอวนลากในพื้นที่ Saya de Malha Bank โดยเรียกร้องให้ประเทศไทยหยุดทำการประมงในบริเวณพื้นที่ Saya de Malha Bank จนกว่าจะมีการประเมินสภาวะทรัพยากรและพัฒนามาตรการที่ปกป้องความหลากหลายของสิ่งมีชีวิตและชนิดสัตว์น้ำ ตลอดจนหญ้าทะเลในบริเวณดังกล่าว
ประเทศไทยและภาคีสมาชิกอื่นเห็นว่าเป็นการเรียกร้องที่ยังไม่มีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่เชื่อถือได้มารองรับ ข้อเสนอดังกล่าวของ DSCC จึงไม่ได้รับมติเห็นชอบจากภาคีสมาชิก SIOFA ดังนั้น การกล่าวถึงเรือประมงไทย ไปลากทำลายหญ้าทะเลจนส่งผลให้เกิดความเสียหาย จึงเป็นข้อมูลข่าวที่ไม่ถูกต้อง
รองอธิบดีกรมประมง กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมประมงได้ประสานแจ้งและร่วมดำเนินการกับผู้ประกอบการประมงนอกน่านน้ำไทย และสมาคมการประมงนอกน่านน้ำไทยมาโดยตลอด นอกจากนี้ ในการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ กรมประมงได้ทำงานร่วมกันกับคณะกรรมการวิทยาศาสตร์ SIOFA มาอย่างต่อเนื่องในฐานะภาคีสมาชิก ซึ่งขณะนี้ได้สั่งการให้จัดเตรียมทีมคณะนักวิชาการและคณะผู้แทนไทย เพื่อเตรียมความพร้อมในเรื่องข้อมูลและท่าทีประเทศไทยในการเข้าประชุมทั้งสองการประชุมในฐานะรัฐภาคีสมาชิกเพื่อรักษาประโยชน์ของประเทศไทย และประโยชน์ของ SIOFA ให้ได้อย่างสมดุล