สมาคมผู้เลี้ยงสุกร ฮืออีกรอบ ค้านสหรัฐกดดันไทยนำเข้าชิ้นส่วนเครื่องในหมู-หัว-ขา

นายสุรชัย สุทธิธรรม นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ กล่าวว่า สมาคมเตรียมยื่นหนังสือต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแสดงจุดยืนต่อกรณีที่ทางสหรัฐโดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะกดดันให้ไทยเปิดอนุญาตให้นำเข้าชิ้นส่วนสุกรที่ไม่เป็นที่ต้องการบริโภคของชาวสหรัฐ เช่น เครื่องใน หัว ขา จากสหรัฐ ซึ่งหากทางการไทยยินยอมจะส่งผลให้สุกรภายในประเทศของไทยตกต่ำลงเหมือนสุกรภายในประเทศของเวียดนามที่เปิดนำเข้ามาทำให้ราคาสุกรหน้าฟาร์มราคาตกต่ำลงเหลือเพียง 1 ดอลลาร์สหรัฐต่อกิโลกรัม (ก.ก.) และส่งผลต่อผู้เลี้ยงสุกรทั้งวงจรโดยตรง

ดังนั้นสมาชิกของสมาคมจึงเห็นร่วมกันว่าจะเดินหน้าคัดค้านเรื่องนี้ต่อไป โดยจะนำหนังสือแสดงเจตนารมณ์มายังกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ไม่ให้มีการเจรจาเพื่ออนุญาตในกรณีดังกล่าวหากทางสหรัฐส่งสัญญาณมาก็ตาม และหากไทยจะเปิดให้นำเข้าทางสมาชิกก็ต้องแสดงออกถึงจุดยืนอย่างถึงที่สุด อาจต้องรวมตัวกันมาเรียกร้องต่อรัฐบาลเพื่อคัดค้านเรื่องนี้

สำหรับสถานการณ์ราคาสุกรในประเทศขณะนี้ เข้าสู่ฤดูฝนและมีมรสุมเข้าในบางช่วงเป็นอุปสรรคต่อการจับจ่ายโดยเฉพาะเขตรอบนอก ประกอบกับช่วงฤดูฝนจะมีอาหารธรรมชาติออกมามาก ส่งผลต่อปริมาณความต้องการการบริโภคเนื้อสุกรลดลง ทุกภูมิภาคมีการปรับราคาสุกรขุนลดลงตามสภาวะตลาด ยกเว้นภาคใต้ภาคตะวันตก 65 บาท/ก.ก. ภาคตะวันออก 68 บาท/ก.ก. ภาคอีสาน 64-65 บาท /ก.ก. ภาคเหนือ 67 บาท/ก.ก. ภาคใต้ 70 บาท/ก.ก. ถือว่าเป็นไปตามกลไกตลาดและส่วนหนึ่งก็เกิดจากการที่เกษตรกรมีความวิตกว่าไทยจะอนุญาตให้นำเข้ามาจากสหรัฐจึงเร่งขายสุกรออกไปก่อนหน้านี้จึงมีผลทำให้ราคาสุกรต่ำลงมา

แหล่งข่าวจากสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติระบุว่า สาเหตุที่สมาชิกของสมาคมเกิดความตื่นตัวและวิตกในประเด็นดังกล่าวเกิดจากที่ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามในคำสั่งให้สอบสวนกรณีที่สหรัฐขาดดุลการค้าประเทศไทย โดยเมื่อปี 2559 สหรัฐส่งออกมาไทยเป็นมูลค่า 10,570 ล้านดอลลาร์ และนำเข้าจากไทย เป็นมูลค่า 29,490 ล้านดอลลาร์ ซึ่งทำให้สหรัฐ ขาดดุลการค้ากับไทยถึง 18,920 ล้านดอลลาร์ ทำให้สหรัฐต้องการที่จะกดดันให้ไทยนำเข้าสินค้าจากประเทศตนเองเพิ่มมากขึ้นเพื่อลดการขาดดุล

ขณะที่ทางการไทยนั้นเห็นว่าในเกษตรกรของสหรัฐอเมริกายังมีการใช้สารเร่งเนื้อแดงในการเลี้ยงสุกร ขณะที่ไทยห้ามใช้สารเร่งเนื้อแดง ซึ่งสหรัฐพยายามอ้างเกณฑ์ขององค์การการค้าโลกในประเด็น SPS หรือ ความตกลงว่าด้วยการใช้บังคับมาตรการสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช(Agreement on the Application of Sanitary and Phytosanitary Measures-SPS) โดยอ้างว่าไทยไม่มีผลการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ถึงผลกระทบด้านลบของการใช้สารเร่งเนื้อแดงแต่ประการใด ดังนั้นการรื้อฟื้นรอบนี้เป็นความเสี่ยงอย่างมากที่จะมีการหยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมาอีก

แหล่งข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ขณะนี้กรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ อยู่ระหว่างการศึกษาผลกระทบของสารตกค้างที่อาจอยู่ในเครื่องในหมูโดยจะดูแลให้สอดคล้องกับกฎระเบียบสุขอนามัยเนื่องจากการเลี้ยงหมูสหรัฐนั้นมีการใช้สารเร่งเนื้อแดงที่เป็นสารต้องห้ามในประเทศไทย ดังนั้นประเทศไทยจะต้องศึกษาผลกระทบดังกล่าวอย่างละเอียดรอบคอบเพราะคนไทยมีการบริโภคเครื่องในหมูส่วนคนสหรัฐไม่บริโภคเครื่องใน

 

ที่มา : ข่าวสดออนไลน์