คุณไทฟาร์ม พะเยา บุกตลาดวัวส่งออกต่างประเทศ

คุณอุทัย ตันกูล คือนักธุรกิจเจ้าของฟาร์มโคเนื้อ “คุณไทฟาร์ม” ธุรกิจเติบโตอย่างรวดเร็วด้วยการส่งออกโคเนื้อให้ประเทศจีน ส่วนตลาดภายในประเทศ เขาออกแบบโมเดลธุรกิจด้วยแนวคิดการขายตรง มีการประกันราคารับซื้อโคตัวละ 35,000-45,000 บาท มีแพ็กเกจสินค้า โคแม่พันธุ์ท้อง โคคู่แม่ลูก โคท้องคู่แม่ลูก จัดหาเงินทุนจากแหล่งทุน โดยธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดรับสมาชิกเพื่อถ่ายทอดเทคโนโลยี ฉีดวัคซีน จัดอบรม เมื่อแม่พันธุ์โคออกลูกหรือหลานแล้วขายคืนสู่ฟาร์มจะมีเงินปันผล ขายลูกได้เงินปันผลร้อยละ 3 ของราคาขาย ขายหลานได้เงินปันผลร้อยละ 1 ของราคาขาย

ผศ.น.สพ.สมชาติ ธนะ

คุณอุทัย เล่าว่า เกษตรกรเลี้ยงโคเนื้ออยู่ได้ด้วยการรวมตัว พวกเราไม่ใช่ฟาร์มขนาดใหญ่ แต่เมื่อหลายฟาร์มรวมตัวกัน เราสามารถควบคุมราคาส่งออกหรือสามารถบริหารจัดการโคภายในประเทศได้ ปัจจุบัน มีสมาชิกจำนวนในเครือข่ายจำนวน 3,600 คน เป็นกลุ่มวิสาหกิจชุมชนมีจำนวนกว่า 400 กลุ่ม

โคในตลาดโคท้องถิ่น

โมเดลธุรกิจขายตรง ปรับใช้กับธุรกิจฟาร์มโคเนื้อ

พื้นเพคุณอุทัยเป็นคนดอกคำใต้ จังหวัดพะเยา พ่อกับแม่ประกอบอาชีพเลี้ยงโคซึ่งเป็นลูกค้าของ ธ.ก.ส. หน้าที่ของคุณอุทัยคือการเข้ารับการอบรมเรื่องการเลี้ยงโคตั้งแต่อายุ 16 ปี พอโตเป็นวัยรุ่นก็เริ่มทำธุรกิจขายตรง หลังจากนั้นเริ่มเข้าตลาดนัดโคกระบือ ซื้อมาขายไป ช่วงแรกขาดทุนเพราะดูลักษณะของโคไม่เป็น คำนวณน้ำหนักโคไม่ถูก เมื่อขายก็ขาดทุน ต่อมาเมื่อเห็นโคก็ดูสายพันธุ์ไม่ออกว่าเป็นสายพันธุ์บราห์มัน ชาโรเล่ส์ หรือลูกผสม เป็นบทเรียนอย่างมาก

คุณอุทัย กับฟางอัดก้อนที่เตรียมไว้เป็นอาหารโค

โดยเฉพาะปี พ.ศ. 2550 ขาดทุนมากสุดจำนวน 380,000 บาท หลังจากนั้นคุณอุทัยเริ่มเติบโตมองเห็นเกษตรกรหลายคนประกอบอาชีพแต่ไม่มีกำไร ก็เลยหาความเป็นกลางเพื่อให้เกษตรกรมีกำไร การลดต้นทุนด้านแรงงาน คนงานคนเดียวสามารถเลี้ยงโคจำนวน 200 ตัว มีรูปแบบการเลี้ยงซึ่งเกษตรกรควรรู้ ทั้งเรื่องเทคโนโลยี การบริหารจัดการฟาร์ม คุณอุทัยมักถามเกษตรกรหลายคนว่าเคยฉีดยาโค 30 ตัวใช้เวลานานเท่าใด หลายคนใช้เวลาครึ่งวัน “คุณไทฟาร์ม” ฉีดวัคซีนโคเนื้อจำนวน 120 ตัวใช้เวลา 1 ชั่วโมง 30 นาที เราเสียพื้นที่ปลูกพืชจำนวน 1 ไร่ แต่หากทำเป็นฟาร์มสามารถเลี้ยงวัวได้จำนวน 4 ตัว โดยคุณไทฟาร์มประกันราคาขายให้กับเกษตรกร โคตัวละ 35,000-45,000 บาท ลูกโคตัวละ 15,000 บาท

คุณอุทัยมองว่า เกษตรกรเลี้ยงโคเนื้ออยู่ได้ด้วยการรวมตัว พวกเราไม่ใช่ฟาร์มขนาดใหญ่แต่เมื่อหลายฟาร์มรวมตัวกัน เราสามารถควบคุมราคาส่งออกหรือสามารถบริหารจัดการโคภายในประเทศได้ ตั้งเป้าหมายว่าภายในปี พ.ศ. 2564 จะรวบรวมแม่วัวจำนวน 100,000 ตัวเข้าสู่ระบบ ตอนนี้เรามี 38,000 ตัว มีสมาชิกในเครือข่ายจำนวน 3,600 คน เป็นกลุ่มวิสาหกิจชุมชนมีจำนวนกว่า 400 กลุ่ม

ผศ.น.สพ.สมชาติ ธนะ และ คุณอุทัย ตันกุล

เคยคิดเปิดตลาดเนื้อโคพรีเมี่ยม ในจังหวัดพะเยา

Advertisement

คุณอุทัย บอกว่า เห็นสหกรณ์โคเนื้อโพนยางคำสกลนคร ทำร้านขายเนื้อรูปแบบทันสมัย (Butcher Shop) ก็อยากทำรูปแบบนี้เพราะกำลังพัฒนาโคสายพันธุ์ที่มีเลือดสูงหรือเนื้อนุ่มมี  ไขมันแทรก โดยได้รับการสนับสนุนจากพี่สาวที่ทำฟาร์มโคอยู่ประเทศออสเตรเลีย ที่นั่นเขาเลี้ยงโคปล่อยเหมือนโคบ้านเรา แต่ออสเตรเลียเน้นพัฒนาสายพันธุ์ ในบ้านเราก็คิดว่าน่าจะทำตลาดพรีเมี่ยมซึ่งเวลานั้นตลาดเนื้อโคขุนเมืองไทยมีเนื้อพรีเมี่ยมค่อนข้างน้อย พอลงมือทำก็ย้อนกลับมาสู่ต้นทางคือเกษตรกร ตอนนั้นเขาเลี้ยงโคพันธุ์ชาโรเล่ส์เลี้ยงด้วยอาหารบ้านเราซึ่งมีไม่เพียงพอ ปัญหาเกิดขึ้นเมื่อเนื้อโคขุนที่ได้หยาบไม่นุ่มเหมือนโคขุนต่างประเทศ เมื่อทบทวนก็เลยกลับมาทำฐานของตนเองดีกว่าซึ่งเน้นตลาดโคมีชีวิตส่งจีนซึ่งเน้นโคลูกผสมสายพันธุ์บราห์มันจะถนัดกว่า

ตึกสูงเวลาสร้างเขามุดกันอยู่ใต้ตึก พอลงมือสร้างถึงชั้น 5 ชั้น 10 ใช้เวลารวดเร็ว องค์กรหรือเครือข่ายสำคัญที่สุดคือรากฐาน คุณอุทัยกลับมาสร้างรากฐานของธุรกิจโคเนื้อด้วยการสร้างฐานโคแม่พันธุ์ ปัจจุบันเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนมีศักยภาพเติบโต มีแนวการบริหารจัดการเป็นรูปแบบธุรกิจทันสมัยเพราะมีฐานข้อมูลอยู่ในแฟลตฟอร์ม การบริหารจัดการง่ายขึ้น ข้อมูลเข้าสู่ระบบ แยกเป็นภาค เป็นจังหวัด อำเภอ ตำบล เราทำข้อมูลอันเอื้อประโยชน์ต่อแหล่งเงินทุน เพราะในอีก 3 ปีข้างหน้า เรามองถึงการใช้โคเนื้อเป็นหลักประกันการขอกู้ยืมเงิน หากรูปแบบมันเสถียรก็มีความเป็นไปได้สูง ปัจจุบันฟาร์มประกันราคาวัว ธ.ก.ส. สามารถปล่อยเงินกู้ให้ได้ร้อยละ 30 ของราคาประกัน

Advertisement
คุณอุทัย กับโคที่เลี้ยง

คุณไทฟาร์มมีศักยภาพในการประกันราคาโคเนื้อ การประกันราคาเราดูราคาขายที่ตลาดรับซื้อในประเทศจีน ก็คิดเป็นกิโลกรัมคือตัวผู้ราคากิโลกรัมละ 98 บาท ถ้าเป็นวัวคัดทิ้ง เช่น ขาหัก ไม่สมบูรณ์ ราคาประกันกิโลกรัมละ 88 บาท กรณีน้ำหนักลดระหว่างเดินทางต้องไม่น้อยกว่าร้อยละ 12 ถ้าน้อยกว่านั้นเขาไม่รับซื้อ รูปแบบธุรกิจของผมอีกส่วนหนึ่งคือรับซื้อโคจากต่างประเทศผ่านด่านแม่สะเรียง แม่ฮ่องสอน ส่วนใหญ่เป็นโคพื้นเมืองของอินเดีย ปากีสถาน ซึ่งเป็นต้นสายของโคสายพันธุ์บราห์มันมีลักษณะคล้ายโคขาวลำพูนของไทย นำมาขุนในประเทศไทยประมาณ 4 เดือน จากนั้นจึงส่งขายให้กับพ่อค้าจีนรวมกับโคในเครือข่ายเรา เดือนละ 500-600 ตัว ปัจจุบันภาคเหนือมีพ่อค้าโคเนื้อรายใหญ่ 3-4 ราย ส่วนใหญ่อาศัยอยู่จังหวัดพะเยาซึ่งส่งโคเนื้อส่งออกสู่ประเทศจีนเดือนละประมาณ 1,000 ตัว

ปิดด่านการค้า ปัญหาใหญ่ของการส่งออกโคเนื้อ

ธุรกิจของคุณอุทัยช่วงหนึ่งเน้นการส่งออก เมื่อส่งออกไม่ได้เพราะด่านปิดจึงต้องเน้นการทำการตลาดในประเทศมากขึ้น ตลาดจีนถือเป็นตลาดที่สำคัญของประเทศไทย ทิศทางอนาคตอีก 10 ปี ประเทศจีนกำลังมีความต้องการเนื้อโคจำนวนมาก ตอนนี้เขาเปิดโรงเชือดแถบชายแดนประเทศจีนเพื่อรับโคเนื้อมีชีวิตจากประเทศไทยผ่าน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) พ่อค้ารับซื้อก็คือพ่อค้าชาวจีนซึ่งเข้ามาลงทุนสร้างโรงเชือดที่ สปป.ลาว เมื่อส่งออกก็ได้รับการยกเว้นภาษี เมื่อลองตรวจสอบดูตัวเลขพบว่า ความต้องการเนื้อโคของจีนมีจำนวนถึง 9 ล้านตันต่อปี หรือคิดเป็นโคเนื้อจำนวน 40-50 ล้านตัว โคเมืองไทยปัจจุบันมีจำนวน 5 ล้านตัว สามารถส่งออกได้ปีละ 2 ล้านตัว ตัวเลขการส่งออกโคเนื้อประเทศไทยคิดแล้วยังไม่ถึงร้อยละ 3 ของความต้องการโคเนื้อของคนจีน นี้คือโอกาสของเกษตรกรผู้เลี้ยงโคของไทย

ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก ผศ.น.สพ.สมชาติ ธนะ มหาวิทยาลัยพะเยา และ ร.ต.อ.ทรงวุฒิ จันธิมา (กระจอกชัย)

 

เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรก เมื่อวันพฤหัสที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2565