ที่มา | เก็บมาเล่า |
---|---|
ผู้เขียน | ปิยวุฒิ แดงเหมือน |
เผยแพร่ |
“บ้านน้ำราบ” เป็นหมู่บ้านหนึ่งของตำบลบางสัก อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง เดิมมีชื่อเรียกว่า “บ้านน้ำรอบ” เนื่องจากบริเวณพื้นที่อยู่อาศัยล้อมรอบไปด้วยน้ำทุกทิศทาง ที่นี่มีทั้งสวน มีป่า มีเขา มีทะเล และมีทรัพยากรป่าชายเลนผืนใหญ่ที่มีความอุดมสมบูรณ์ มีสัตว์ทะเลหลากหลายชนิด เช่น ปู ปลา ปลาหมึก จึงทำให้การทำประมงพื้นบ้านเป็นอาชีพหลักของชาวบ้านที่นี่ ต่อมาได้เกิดการรวมกลุ่มกันเป็นวิสาหกิจชุมชนกลุ่มประมงพื้นบ้าน บ้านน้ำราบ มีสมาชิกจำนวน 237 คน และได้อาศัยจุดแข็งของชุมชนพัฒนาเชื่อมโยงสู่การท่องเที่ยวเชิงเกษตร สร้างงาน สร้างอาชีพ ให้คนในชุมชน

คุณหลงเฝียะ บางสัก หรือ บังเดียะ ประธานวิสาหกิจชุมชนกลุ่มประมงพื้นบ้าน บ้านน้ำราบ เล่าว่า เมื่อก่อนพื้นที่แห่งนี้ ชุมชนมีการต่อสู้กันต่างๆ มากมาย ในเรื่องของป่าชายเลน แม่น้ำลำคลอง กับเครื่องมือประมงที่ผิดกฎหมาย แต่ตอนนี้สิ่งต่างๆ เหล่านั้นมันหมดไปแล้ว ชาวบ้านมีแต่ความตระหนัก ความหวงแหน และการฟื้นฟูป่าชายเลน ซึ่งป่าชายเลนที่ชุมชนได้ดูแลอยู่มีทั้งหมด 3,200 ไร่ โดยแบ่งพื้นที่เป็นป่ากันลม ป่ากันคลื่น เขตอภัยทาน และพื้นที่อยู่อาศัย

การรวมตัวกันของชาวประมงที่ตระหนักและเห็นถึงความสำคัญของการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน กลายเป็นแนวความคิดที่ได้แพร่หลายไปสู่ชุมชนใกล้เคียง ที่เรียกว่า “เขตเลเสบ้าน” หรือเขตทะเลสี่หมู่บ้านที่ประกอบไปด้วย บ้านน้ำราบ บ้านควนตุ้งกู บ้านฉางหลาง และบ้านเกาะมุกด์ มีวัตถุประสงค์เพื่อเฝ้าระวังรักษาสิ่งแวดล้อมทางทะเลและร่วมกันแก้ปัญหาการใช้เครื่องมือทำลายล้างต่างๆ ส่งเสริมการทำประมงพื้นบ้านเชิงอนุรักษ์ ฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ เพื่อร่วมผลักดันนโยบายและกฎหมายคุ้มครองสิทธิการทำประมงและควบคุมการใช้เครื่องมือทำลายล้าง โดยทั้ง 4 หมู่บ้านได้มีข้อตกลงร่วมกันเป็นกติกาชุมชน ดังนี้

- ห้ามทำประมงด้วยอวนรุน อวนลาก อวนประกอบเครื่องมือกระทุ้งน้ำ อวนชัก อวนทับตลิ่ง ระเบิด ยาเบื่อ เบ็ดราไว ลอบหรือไซที่ตาอวนต่ำกว่า 2 นิ้ว
- การจำกัดและห้ามทำประมงตามช่วงเวลา ตามฤดูกาลในบางพื้นที่
- ร่วมกันฟื้นฟูระบบนิเวศโดยรวม
- ป่าชายเลนชุมชน การดูแลรักษาและรักษาประโยชน์ให้เป็นไปตามกฎกติกาของชุมชน
การท่องเที่ยวของชุมชน เกิดขึ้นหลังจากที่ชุมชนได้เล็งเห็นว่าการทำกิจกรรมการอนุรักษ์ในแต่ละครั้งนั้น ต้องใช้งบประมาณเป็นจำนวนมาก ซึ่งทางกลุ่มไม่ได้คาดหวังพึ่งงบประมาณจากหน่วยงานภาครัฐเพียงอย่างเดียว จึงได้ร่วมกันจัดทำการท่องเที่ยวของชุมชนขึ้น โดยให้ชุมชนได้จัดการบริหารธุรกิจท่องเที่ยวด้วยตัวเอง เพื่อสร้างรายได้กลับคืนสู่คนในชุมชน และรายได้ส่วนหนึ่งก็หักเข้ากองทุนสิ่งแวดล้อม เพื่อนำมาใช้ในการขับเคลื่อนกิจกรรมการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าชายเลน

กิจกรรมที่น่าสนใจของที่นี่ประกอบด้วย 7 กิจกรรมหลัก คือ

- การล่องเรือ ล่องแพ ชมป่าชายเลนที่อุดมสมบูรณ์ บนผืนป่านับ 3,200 ไร่ ชมอุโมงค์ป่าโกงกาง ศึกษาธรรมชาติและวิถีประมงพื้นบ้าน
- กิจกรรมผจญภัยปีนและชมวิวเขาชมป่าแบบ 360 องศา เป็นผืนป่าโกงกางสลับภูเขาไกลสุดลูกหูลูกตา มองเห็นเกาะจากด้านบนที่มีลักษณะคล้ายรูปหัวใจ
- ชมทะเลแหวกที่มีขนาดใหญ่เท่าสนามฟุตบอลและเล่นน้ำริมหาดทรายสีขาว
- ทำกิจกรรมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เช่น เก็บขยะทางทะเล ปล่อยพันธุ์ปลา พันธุ์ลูกปูม้า ปลูกหญ้าทะเล เพื่อเพิ่มแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำและอาหารของพะยูน
- รับประทานอาหารซีฟู้ด ทั้งปูม้า ปลาหมึก ปลาเผา และอื่นๆ แบบสดๆ จากทะเล ที่มีรสชาติถูกปาก
- เยี่ยมชมศูนย์เรียนรู้ชุมชน มีทั้งกิจกรรมการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำและหญ้าทะเล การเพาะเลี้ยงสาหร่ายพวงองุ่น และการบริหารทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งของชุมชน
- การจำหน่ายสินค้าและผลิตภัณฑ์ของกลุ่มวิสาหกิจชุมชน เช่น ปลาเค็มกางมุ้ง กะปิกุ้งเคย เป็นต้น
สำหรับอัตราค่าบริการการท่องเที่ยวแบ่งเป็น 3 รูปแบบ ดังนี้

- ล่องแพพร้อมอาหาร เริ่มต้นที่ 5 คน อัตราค่าบริการคนละ 1,380 บาท แต่ถ้าหาก 25 คนขึ้นไป อัตราค่าบริการคนละ 480 บาท
- ค่าบริการเหมาแพ ขนาดใหญ่นั่งได้ไม่เกิน 60 คน อัตราค่าบริการลำละ 6,000 บาท แพขนาดกลาง นั่งได้ไม่เกิน 30 คน อัตราค่าบริการลำละ 5,000 บาท และแพขนาดเล็ก นั่งได้ไม่เกิน 15 คน อัตราค่าบริการลำละ 3,000 บาท โดยทั้งหมดไม่รวมค่าอาหารและเครื่องดื่ม
- ค่าบริการเหมาเรือหางยาว นั่งได้ไม่เกิน 9 คน อัตราค่าบริการลำละ 1,500 บาท ไม่รวมค่าอาหารและเครื่องดื่ม
นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวส่วนใหญ่จะมาซ้ำเป็นครั้งที่ 2 และ 3 และจะนำไปบอกต่อๆ กันว่าที่นี่บรรยากาศดี มีทรัพยากรป่าชายเลนที่อุดมสมบูรณ์ และมีอาหารทะเลที่สด สะอาด และรสชาติถูกปาก ซึ่งนอกจากจะสร้างความภาคภูมิใจให้กับชาวบ้านแล้ว ยังเกิดผลดีเป็นรูปธรรม ทำให้ชุมชนเกิดความเข้มแข็ง ตระหนักและหวงแหนทรัพยากรในท้องถิ่นของตนเอง

คุณสรวง พรหมบุญทอง เกษตรอำเภอกันตัง กล่าวว่า วิสาหกิจชุมชนกลุ่มประมงพื้นบ้าน บ้านน้ำราบ เป็นหนึ่งในวิสาหกิจชุมชนด้านการท่องเที่ยวของอำเภอกันตัง ซึ่งทางสำนักงานเกษตรจังหวัดตรัง โดยสำนักงานเกษตรอำเภอกันตัง ได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการส่งเสริมและสนับสนุนในด้านการท่องเที่ยวเชื่อมโยงสู่การท่องเที่ยวเชิงเกษตร โดยการมีส่วนร่วมของวิสาหกิจชุมชน กลุ่มเกษตรกร และเครือข่าย ทั้งการส่งเสริมและพัฒนาผลิตภัณฑ์เด่นของชุมชน การพัฒนาองค์ความรู้ของเกษตรกร และการเชื่อมโยงกับกลุ่มเกษตรกรกลุ่มอื่นๆ ในพื้นที่ เพื่อเพิ่มศักยภาพให้มีความพร้อมในการรองรับนักท่องเที่ยวและยกระดับการท่องเที่ยวให้มีมาตรฐานและมีความปลอดภัย ถือเป็นการสร้างงาน สร้างรายได้ให้แก่เกษตรกร ก่อให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจระดับฐานราก และต่อยอดไปสู่ระดับธุรกิจการท่องเที่ยวต่อไป

สำหรับนักท่องเที่ยวที่อยากจะมาสัมผัสบรรยากาศการท่องเที่ยววิถีเกษตร ที่บ้านน้ำราบ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานเกษตรอำเภอกันตัง จังหวัดตรัง เบอร์โทรศัพท์ 075-251-742 หรือ คุณหลงเฝียะ บางสัก หรือ บังเดียะ ประธานวิสาหกิจชุมชนกลุ่มประมงพื้นบ้าน บ้านน้ำราบ หมู่ที่ 4 ตำบลบางสัก อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง เบอร์โทรศัพท์มือถือ 084-629-7971
…………………
เผยแพร่ในระบบออนไลน์เป็นครั้งแรก เมื่อวันจันทร์ที่ 7 มีนาคม พ.ศ.2565