“ดูฟู้ด” ผุดโรงงานประชารัฐ ประกันรับซื้อกล้วยแปรรูป “ชิมชิพส์”

“ดูฟู้ด” ที่ปรึกษาคณะกรรมการประชารัฐ ตั้ง 2 โรงงานรับผลผลิตกล้วยจากเกษตรกร จ.เลย-จ.ตากแปรรูปแบรนด์ “CHIMP CHIPS” ส่งผ่านเซเว่นอีเลฟเว่น พร้อมเปิดตัวแกงกะทิผลไม้ Curry Pop แถมอาศัยช่องทางนำทุเรียนสดตกไซซ์มาทำ “ฟรีซดราย” จับกลุ่มลูกค้าจีนขายผ่านช่องทางดิวตี้ฟรี

นายเดวิด เล้า ชิไว ประธานกรรมการ บริษัท ดูฟู้ด จำกัด ผู้ผลิตอาหารกึ่งสำเร็จรูปและอาหารสำเร็จรูป เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ในฐานะที่เป็นที่ปรึกษาโครงการประชารัฐในพื้นที่ จ.เลย และ จ.ตาก ทางบริษัทได้ไปลงทุนตั้งโรงงานแปรรูปผลผลิตทางการเกษตรตามนโยบายประชารัฐใน พื้นที่ 2 จังหวัดเมื่อปีที่ผ่านมา เพื่อประกันราคารับซื้อผลผลิตกล้วยจากเกษตรกรนำมาแปรรูปและทำการตลาด โดยขณะนี้โรงงานในส่วนของ จ.เลยสามารถผลิตสินค้ากล้วยฉาบปรุงรส จดทะเบียนเครื่องหมายการค้า “CHIMP CHIPS” จะเริ่มส่งเข้าไปจำหน่ายผ่านร้านเซเว่นอีเลฟเว่นทั่วประเทศ 9,800 สาขาในเดือนสิงหาคมนี้ ราคาจำหน่ายขนาด 27 กรัม ถุงละ 10 บาท

“เกษตรกรไทยยังขาดเทคโนโลยีที่จะมาถนอมอาหาร การทำบรรจุภัณฑ์ การทำตลาด รวมถึงมีปัญหาเรื่องโลจิสติกส์ ส่งผลให้เกษตรกรส่วนใหญ่ต้องรอพ่อค้าคนกลางเข้าไปรับซื้อผลผลิตในพื้นที่ เพราะระยะทางที่ปลูกห่างไกลจากตลาดรับซื้อ เช่น ปลูกที่ อ.แม่สอดต้องส่งมากรุงเทพฯ ใช้เวลาเดินทาง 7-8 ชั่วโมง ดังนั้น บริษัทจึงเริ่มลงไปส่งเสริมการเพาะปลูกพันธุ์กล้วยให้เกษตรกร 100 กว่าครัวเรือน ปลูกต้นกล้วยได้ 1 แสนต้น จากนั้นได้ประกันราคาให้เกษตรกรในพื้นที่ 50 กิโลเมตรรอบโรงงาน กำหนดราคากลางเท่ากันทั้งปีไม่ว่าราคาตลาดจะสูงขึ้นหรืออยู่ในช่วงฤดูการ เก็บเกี่ยวราคาลดลง เรารับซื้อในราคาเท่าเดิม จ่ายเงินสดให้เลย หลังจากนั้น แปรรูปเป็นกล้วยฉาบทันที ทำให้กล้วย 10 ตัน เหลือน้ำหนักแค่ 2 ตัน จากนั้นส่งเข้ากรุงเทพฯจะช่วยประหยัดค่าขนส่งไปประมาณ 80% แล้วจึงนำไปปรุงรส เช่น รสบาร์บีคิว ปาปริก้า และกล้วยหอม ใส่แพ็กแบรนด์ เราไม่ขายแพง กำไรแค่ 3-5% พอให้ธุรกิจหมุนเวียนเพื่อช่วยเกษตรกร ให้ทุกตำบลมีโรงงานแปรรูปวัตถุดิบส่งเข้าสู่ส่วนกลาง และวางแผนจะส่งออกเป็น OEM ตอนนี้กำลังผลิต 1 แสนซองต่อวัน ต้องการให้เกษตรกรหลุดพ้นจากความยากจนต้องทำอย่างนี้”

ในส่วนของ อ.แม่สอด จ.ตาก อยู่ระหว่างพัฒนาผลิตภัณฑ์แปรรูป ที่ผ่านมาได้ศึกษาพบว่า กล้วยตากในตลาดปกติมีขนาดใหญ่-เล็กต่างกัน ดังนั้น จึงออกแบบแปรรูปสร้างมูลค่าเพิ่มให้ผลิตภัณฑ์กล้วยตากสี่เหลี่ยมลูกเต๋า เคลือบช็อกโกแลตคล้ายกับขนม ตั้งเป้าหมายจะวางจำหน่ายเป็นขนมที่ระลึกสำหรับนักท่องเที่ยว (Souvenir) บรรจุถุงเล็ก ขนาด 5-6 เม็ด ในแพ็กใหญ่มี 30 ซอง จะมีน้ำหนักเบา สะดวกต่อการรับประทาน คาดว่าในอีก 2-3 เดือนข้างหน้าจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ได้

ปัจจุบันทางบริษัทดูฟู้ด ยังได้พัฒนาและเปิดตัวสินค้าใหม่ในงานแสดงสินค้าอาหาร THAIFEX 2017 ซึ่งเป็นแกงกะทิผลไม้กึ่งสำเร็จรูปพร้อมปรุง “Curry Pop” หลายรสชาติ เช่น ทุเรียน แกงลิ้นจี่ แกงมะม่วง แกงสับปะรด สามารถนำไปปรุงได้สะดวกเพียงใส่เนื้อสัตว์ลงไป และอุ่นร้อน ทั้งนี้ แกงกะทิผลไม้กึ่งสำเร็จรูปสามารถเก็บได้นาน 2 ปีโดยไม่ต้องแช่เย็น มุ่งตลาดกลุ่มลูกค้าที่เป็นนักท่องเที่ยว มีแผนวางจำหน่ายที่ร้านปลอดภาษีคิง เพาเวอร์ ราคากล่องละ 90 บาท

“เราต้องการเป็นผู้นำในการผลิตอาหารพร้อมทาน และเห็นพฤติกรรมลูกค้าจีนที่นิยมรับประทานผลไม้ไทย เช่น มีการนำทุเรียนไปทำหม้อไฟทุเรียน เราจึงนำมาต่อยอดเป็นอาหารคาว”

นอกจากนี้ ได้มีการลงทุนโรงงาน “All Thai Fruit” ผลิตผลไม้แช่เย็นแช่แข็ง (ฟรีซดราย) ขึ้นที่ จ.ระยองอีกแห่ง โดยซื้อโรงงานเฟอร์นิเจอร์เก่า ขนาด 8,000 ตร.ม. มาปรับเปลี่ยนเครื่องจักรด้วยงบประมาณ 100 ล้านบาท คาดว่าจะแล้วเสร็จและเริ่มเดินเครื่องผลิตได้ภายใน 1-2 เดือน ทั้งนี้ โรงงานรองรับการแปรรูปผลไม้สดเป็นผลไม้แช่เย็นแช่แข็งกำลังผลิต 2 ตันต่อวัน จะใช้วัตถุดิบประมาณ 20 ตันต่อวัน เริ่มนำร่องในกลุ่มทุเรียนก่อน โดยเลือกทุเรียนขนาดที่ไม่ได้มาตรฐานไม่สามารถขายสดได้ เพราะอาจใหญ่เกินไปหรือเล็กเกินไปนำมาแปรรูป

“ที่ลงทุนแตกไลน์ทำผลไม้แช่เย็นแช่แข็ง เพราะไทยเป็นแหล่งผลิตผลไม้ที่สำคัญ ทั้งมะม่วง ทุเรียน ขนุน มังคุด เงาะ และมีตลาดรองรับโดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนที่นิยมผลไม้ไทยจำนวนมาก แต่ละปีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางมาประเทศไทยกว่า 9 ล้านคน ปีนี้คาดว่าจะมีถึง 12 ล้านคน เราผลิตและวางจำหน่ายที่ร้านคิง เพาเวอร์ จับกลุ่มนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ ซึ่งจะซื้อกลับเป็นจำนวนมาก ๆ เพื่อนำไปรวมกับการขนส่งกับสินค้าอื่น ๆ เพื่อลดต้นทุนค่าขนส่ง”

นายเดวิดให้ความเห็นถึงปัญหาการรับซื้อของล้งจีนว่า การมีล้งช่วยเกษตรกรสามารถจำหน่ายผลผลิตได้ราคาดี จากสมัยก่อนราคาทุเรียนที่สวน กก.ละ 10-12 บาทจนเกษตรกรต้องออกมาประท้วง ปัจจุบันทุเรียนอยู่ที่ กก.ละ 50-60 บาท เมื่อมีการแข่งขันทำให้เกษตรกรขายได้ราคาสูงขึ้น

สำหรับสินค้าอาหารพร้อมรับประทาน ซึ่งเป็นสินค้าหลักของบริษัท ส่งซัพพลายให้กลุ่มลูกค้าสายการบิน 17 สายการบินทั่วโลก ได้แก่ กลุ่มการบินไทย คาเธ่ย์แปซิฟิค สิงคโปร์ แอร์ไลน์ส ลุฟท์ฮันซ่า สายการบินเกาหลี สายการบินคูเวต แอร์เอเชีย และไทยไลอ้อนแอร์ เป็นต้น และแต่ละตลาดมีแนวโน้มขยายตัวได้ดี อาศัยจุดแข็ง คือ เน้นการให้บริการผลิตและจำหน่ายสินค้าตามความต้องการของลูกค้า และรักษามาตรฐานสินค้า จึงเป็นตลาดที่ไร้คู่แข่ง และไม่ต้องประมูลตลอดระยะเวลา 20 กว่าปีที่ผ่านมา

“เราเข้าไปออกแบบสินค้าให้ตรงตามความต้องการของลูกค้าแต่ละรายที่ไม่เหมือนกัน จึงเรียกว่าไม่มีคู่แข่ง เช่น เราผลิตอาหารยาก อาหารฮาลาล หรืออาหารมังสวิรัติ หรือช่วยลูกค้าแก้ปัญหา เช่น เที่ยวบินจากฟิลิปปินส์ไปปักกิ่งใช้เวลา 5 ชม.บิน และจอด 1 ชม. ซึ่งขากลับกว่าจะเสิร์ฟอาหารหลังจากนั้นอีก 1.30 ชม. รวมใช้เวลา 7.30 ชม. เพื่อเสิร์ฟอาหารชุดที่ 2 หากเป็นอาหารโฟรเซ่น น้ำแข็งแห้งที่ใส่ไปพร้อมกับอาหารส่วนใหญ่ละลายหมด อาหารอาจจะเสีย แต่อาหารพร้อมรับประทานผลิตโดยผ่านการฆ่าเชื้อและใช้เทคโนโลยีทำให้เก็บ รักษาไว้ได้ 2 ปีในดรายสโตร์ เสิร์ฟเมื่อไรก็ได้”

ที่มา ประชาชาติธุรกิจออนไลน์