ผู้ผลิตกาแฟบนดอยช้างปรับทัพ เน้นแปรรูป-ติดแบรนด์บุกตลาดคั่วบดโต

ผู้ปลูกกาแฟบนดอยช้าง เชียงราย สบช่องตลาดกาแฟเฟื่องฟู หันมาแปรรูปเพิ่มมูลค่า พร้อมติดแบรนด์บุกเจาะตลาดกาแฟคั่วบดขยายตัวทั่วประเทศ ด้านกาแฟลีซู ดอยช้าง เปลี่ยนชื่อใหม่ “อะเบโนะ” เน้นผลิตกาแฟเกรดพรีเมียม เอาใจนักดื่มได้ลิ้มรสชาติดีที่สุด เผยดอยช้างมีพื้นที่ปลูกเกือบ 2.5 หมื่นไร่

ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” ประจำจังหวัดเชียงราย สำรวจสถานการณ์กาแฟในจังหวัดเชียงราย โดยเฉพาะอย่างยิ่งพื้นที่บนดอยช้าง ตำบลวาวี อำเภอแม่สรวย ซึ่งเป็นแหล่งปลูกกาแฟพันธุ์อาราบิก้าคุณภาพในระดับแถวหน้าของเมืองไทย พบว่าในช่วงแรกๆ มีเอกชนเพียงไม่กี่รายที่มีการสร้างแบรนด์กาแฟ ได้แก่ “กาแฟดอยช้าง” จนเป็นที่รู้จักไปทั่วประเทศ

แต่ปัจจุบันไลฟ์สไตล์และกระแสความนิยมบริโภคกาแฟเพิ่มมากขึ้น และการลงทุนธุรกิจร้านกาแฟยังคงขยายตัวต่อเนื่อง ทำให้มีผู้ประกอบการ กลุ่มเกษตรกรรายใหม่ๆ ได้หันมาพัฒนาคุณภาพและเพิ่มมูลค่ากาแฟทั้งกระบวนการปลูก เก็บเกี่ยว แปรรูป เพื่อจำหน่ายเมล็ดกาแฟคั่ว และผลิตภัณฑ์บรรจุภัณฑ์เป็นจำนวนมาก โดยมีการทำแพ็กเกจจิ้งสวยงาม มีการสร้างเรื่องราว (Story) และติดแบรนด์ เช่น 1. บริษัท เบเช คอฟฟี่ จำกัด เน้นผลิตเมล็ดกาแฟ 2. กาแฟแบรนด์ดอยช้าง ของบริษัท ดอยช้าง คอฟฟี่ ออริจินอล จำกัด 3. กาแฟเอเลเฟ่น ดอยช้าง 4. กาแฟอะเบโนะ 5. กาแฟดอยหมอก เป็นต้น

นอกจากนั้นยังมีร้านกาแฟชื่อดังที่นำเมล็ดกาแฟจากแหล่งปลูกบนดอยช้างไปจำหน่ายที่ร้าน เช่น กาแฟวาวี กาแฟยอดดอย ฯลฯ สำหรับพื้นที่อื่นๆ ของจังหวัดเชียงราย ก็มีกาแฟหลายยี่ห้อเช่นกัน อาทิ กาแฟอาข่าอ่ามา กาแฟผาฮี้ กาแฟดอยหลวง กาแฟผาตั้ง เป็นต้น

ดอยช้างวาวี ปลูก 2.4 หมื่นไร่

ข้อมูลจากสำนักงานเกษตรจังหวัดเชียงรายระบุว่า ปัจจุบันจังหวัดเชียงรายมีพื้นที่ปลูกกาแฟทั้งหมดประมาณ 47,061 ไร่ เกษตรกรจำนวน 2,662 ราย โดยมีพื้นที่ให้ผลผลิตแล้ว 33,222 ไร่ และยังไม่ให้ผลผลิต 13,839 ไร่ ในปีที่ผ่านมาให้ผลผลิตรวมกว่า 12,737,019 ไร่ ในปีที่ผ่านมาให้ผลผลิตรวมกว่า 12,737,019 กิโลกรัม

สำหรับพื้นที่ที่มีการปลูกมากที่สุดคือ อำเภอแม่สรวย ซึ่งเป็นที่ตั้งของดอยช้าง ครอบคลุมพื้นที่ ตำบลวาวี โดยมีพื้นที่ปลูกรวมกันกว่า 24,890 ไร่ เกษตรกรจำนวน 920 ราย ให้ผลผลิตรวมกันต่อปีกว่า 8,420,460 กิโลกรัม รองลงมาคือ อำเภอแม่สาย จำนวน 11,654 ไร่ ผู้ปลูกจำนวน 260 ราย อำเภอเมือง จำนวน 6,840 ไร่ ผู้ปลูก 513 ราย

กาแฟอะเบโนะบุกพรีเมียม

นายชาลี คีรีคามสุข กรรมการฝ่ายผลิต บริษัท อะเบโนะ คอฟฟี่ ดอยช้าง จำกัด หนึ่งในผู้ผลิตเมล็ดกาแฟบนดอยช้าง ตำบลวาวี อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ปัจจุบันสถานการณ์การผลิตและตลาดกาแฟเปลี่ยนแปลงไปมาก โดยมีผู้ผลิตกาแฟออกมาหลากหลายยี่ห้อ ทำให้ผู้ผลิตรายเก่าแก่บนดอยช้างต้องเร่งปรับตัวรับการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น

สำหรับบริษัท อะเบโนะฯ ก็ได้เปลี่ยนชื่อจากแบรนด์ลีซู ดอยช้าง มาเป็นยี่ห้อ “อะเบโนะ” ซึ่งเป็นชื่อบิดาของตน พร้อมทั้งติดตราโลโก้เป็นบิดาบนห่อกาแฟด้วย และมีนโยบายผลิตกาแฟเกรดเอ หรือพรีเมียมเพียงเกรดเดียวเท่านั้น เพื่อให้ผู้บริโภคได้ดื่มกาแฟที่ดีที่สุดเหมือนกันหมด โดยไม่แบ่งเป็นเกรดกาแฟ

ปัจจุบัน บริษัทปลูกกาแฟบนดอยช้างประมาณ 20 ไร่ และรับซื้อเมล็ดแบบเชอรี่จากชาวบ้านด้วย โดยปี 2559 รับซื้อกิโลกรัมละ 22 บาท นำมาคัดเมล็ดคุณภาพก่อนนำมาล้างและแช่น้ำ โดยเมล็ดที่ดีจะจมน้ำ จะนำมาตากบนแคร่ไม้ไผ่ ส่วนที่ลอยขึ้นมาแสดงว่าไม่ดีทั้งหมด แต่เนื่องจาก

“กาแฟแต่ละผลจะมีเมล็ด 2 กลีบติดกัน จึงต้องนำมาคัดกลีบที่ดีออกมาแล้วนำเมล็ดกาแฟไปตากแห้งบนแคร่ไม้ไผ่เพื่อให้ลมพัดให้แห้ง โดยไม่ตากบนลานคอนกรีต เพราะจะทำให้รสชาติเปลี่ยนไปด้วยไอปูนที่ขึ้นมาและจะทำให้รสชาติไม่ดีเท่าการตากแบบธรรมชาติ เมื่อแห้งดีแล้วก็นำมากะเทาะเปลือกด้วยมือ ก่อนนำไปคั่วให้สุกตามกรรมวิธีต่อไป”

ติดยี่ห้อเชียงรายแบรนด์

นายชาลี กล่าวอีกว่า ปัจจุบันมีโรงคั่วและบรรจุหีบห่อบนดอยช้าง ซึ่งกาแฟคั่วอะเบโนะมีทั้งแบบที่เป็นเม็ดและบดแล้ว รวมทั้งมีแบบคั่วให้รสชาติเข้มข้นมากและเข้มน้อย 2 ชนิด แต่ทุกชนิดเป็นเกรดเดียวกันทั้งหมด จำหน่ายกิโลกรัมละ 500 บาท บรรจุห่อ ห่อละ 250 กรัม ซึ่งในปี 2559 สามารถผลิตกาแฟสารพร้อมคั่วได้ ประมาณ 6.5 ตัน และในปีนี้ตั้งเป้าที่จะผลิตให้ได้ไม่น้อยกว่า 5 ตัน ส่วนกลุ่มลูกค้ากระจายอยู่ทั่วประเทศทั้งโรงแรม รีสอร์ต ร้านค้า ร้านกาแฟ ฯลฯ ซึ่งยังไม่มีการส่งออกไปต่างประเทศ เพราะตลาดในประเทศมีความต้องการสูงมากอยู่แล้ว

นอกจากนั้นยังได้รับเลือกให้ติดยี่ห้อของจังหวัดเชียงราย หรือ “เชียงรายแบรนด์” อีกด้วย ซึ่งสามารถนำไปแสดงให้ลูกค้าเห็นได้ว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองจากจังหวัดแล้ว ทำให้ได้รับการยอมรับมากขึ้น และสามารถไปร่วมงานออกบู๊ธกับหน่วยงานราชการต่างๆ ได้อีกด้วย

 

ขอบคุณข้อมูลจากประชาชาติธุรกิจ