เนื้อวากิว ปูฮอกไกโด และประเทศญี่ปุ่น

เมื่อพูดถึงเกาะฮอกไกโด หรือจังหวัดฮอกไกโด ของญี่ปุ่น ที่นักท่องเที่ยวจะกล่าวถึงกัน หากไม่ใช่เรื่องหิมะน้ำแข็ง ก็ต้องเป็นเนื้อวากิว และปูฮอกไกโด เพราะทั้งสองอย่างนี้เป็นอาหารอร่อยที่มีถิ่นกำเนิดที่เกาะฮอกไกโดนี่เอง

ประเทศญี่ปุ่น ผู้คนเขานิยมการบริโภคเนื้อวัวเป็นหลัก ส่วนเนื้อหมูและเนื้อแกะนั้นมีน้อยมาก เนื้อวัวที่เลื่องชื่อมานานในญี่ปุ่น คือเนื้อโกเบ ซึ่งเป็นที่กล่าวขานว่าเนื้อนุ่มมาก จนเอาตะเกียบฉีกได้โดยไม่ต้องใช้มีด ที่นุ่มอย่างนี้เพราะวิธีการเลี้ยงเนื้อที่เมืองโกเบนี้จะต้องดูแลวัวอย่างดี ไม่ให้วิ่งมาก มีการเอาเหล้าให้วัวกินเพื่อให้วัวกินหญ้าแล้วนอนเสียเป็นส่วนใหญ่

อย่างไรก็ตาม ในช่วง 2-3 ทศวรรษนี้ คนไทยและคนทั่วโลกต่างก็ได้รู้จักเนื้อแบรนด์ใหม่ที่ชื่อวากิว ถ้าเป็นภาษาญี่ปุ่นที่เต็มยศ เรียกว่า “คูโรเกะวากิว” (Kuroke Wagyu) โดย คูโรเกะ แปลว่าขนดำ วา แปลว่าญี่ปุ่น กิว แปลว่าวัว ก็คือวัวขนดำของญี่ปุ่นนั่นเอง จะมีถิ่นกำเนิดที่เมืองไหนไม่ทราบ แต่ที่เกาะฮอกไกโดมีอากาศหนาวเย็นนาน มีทุ่งราบสำหรับปลูกหญ้าเลี้ยงวัวกว้างใหญ่ไพศาล ทั้งนี้ เพราะเนื้อที่ของเกาะฮอกไกโดนี้มีขนาดเกือบเท่าภาคเหนือของประเทศไทยทั้งภาค

ขอพูดเรื่องเนื้อวากิวอีกหน่อย เนื้อพันธุ์นี้มีมานานแล้วที่ญี่ปุ่นผู้เลี้ยงวัวพันธุ์นี้เขาตั้งเป็นชมรมคุ้มกันหนาแน่นไม่ให้หลุดไปแพร่พันธุ์ที่ไหน แต่เมื่อประมาณ 20-30 ปีที่ว่า วัวเนื้อพันธุ์วากิวขนดำนี้ได้หลุดไปที่ประเทศออสเตรเลีย จึงได้ขยายพันธุ์กันแพร่หลายที่นั่น โดยเฉพาะที่เกาะแทสเมเนีย (Tasmania) ซึ่งอยู่ใต้สุดของออสเตรเลีย มีอากาศหนาวดีมาก เนื้อที่ก็กว้างใหญ่ขนาด 3-4 เท่า ของเกาะภูเก็ต

ปัจจุบัน หากขับรถไปตามถนนรอบเกาะแทสเมเนียก็จะพบเห็นวัวพันธุ์วากิวฝูงใหญ่ๆ เดินกินหญ้ากันเป็นแถว การเลี้ยงวัวพันธุ์นี้อย่างมากของออสเตรเลีย มุ่งทั้งเพื่อการบริโภคในประเทศและส่งออก ซึ่งปัจจุบันคนไทยสามารถบริโภคเนื้อวากิวได้ในราคาที่ถูกลงมาก

มาถึงเรื่องปูฮอกไกโด ปูชนิดนี้ตัวใหญ่มาก สีแดงจัด เนื้อแข็งแน่น และอร่อยมาก ไม่ว่าจะนึ่ง ต้ม หรือย่าง ปกติถิ่นที่อากาศหนาวมาก เช่น ฮอกไกโด แคนาดา หรือแถบขั้วโลกก็จะมีปูตัวใหญ่แบบนี้มาก ไม่เฉพาะปูปลาน้ำลึกดีๆ ก็อาศัยอยู่ในแถบอากาศหนาวทั้งนั้น ดังนั้น ปูฮอกไกโดในญี่ปุ่นจึงมีราคาไม่ค่อยแพงนัก ร้านอาหารญี่ปุ่นบางร้านที่ขายปู มีภาษาไทยเขียนกำกับในเมนูก็มี เพราะคนไทยจำนวนมากชอบเดินทางไปท่องเที่ยว และใช้เงินด้วยการไปหาปูฮอกไกโดรับประทาน

เกาะฮอกไกโดมีสถานะเป็นจังหวัด 1 ใน 47 จังหวัด ของประเทศญี่ปุ่น มีผู้กำกับดูแลด้านบริหารสูงสุดเรียกว่า ชิจิ (Chiji) เทียบเท่ากับผู้ว่าราชการจังหวัดของไทยเรา แต่ชิจิมาจากการเลือกตั้งทุก 4 ปี ชิจิที่ประชาชนในจังหวัดรัก จะสมัครกี่ครั้งก็ได้ แต่ละจังหวัดจะประกอบด้วยเมืองซึ่งจะเรียกว่า City หรือเมืองใหญ่ ซึ่งปัจจุบันมีทั้งหมด 14 เมืองในญี่ปุ่น เช่น โตเกียว โอซาก้า ฟูกูโอกะ เกียวโต นาโกย่า โยโกฮาม่า โกเบ ซัปโปโร เป็นต้น ที่เหลือนอกจากนี้เป็นเมืองเล็ก เมืองใหญ่จะได้อำนาจบริหารมากกว่าเมืองเล็กในด้านการจัดสวัสดิการให้ประชาชน หัวหน้าผู้กำกับดูแลบริหารเมืองใหญ่เรียกว่าชิโช (Shicho) ซึ่งเทียบเท่ากับนายกเทศมนตรี ส่วนเมืองขนาดกลางเล็กลงมาเรียกว่าโชโจ (Chocho) และเมืองขนาดเล็กเรียกว่า ซอนโจ (Soncho) ผู้บริหารสูงสุดของเมืองขนาดต่างๆ เหล่านี้ ล้วนมาจากการเลือกตั้งเช่นกัน

Advertisement

สรุปแล้วประเทศญี่ปุ่นที่มีการปกครองดูแลบ้านเมืองอย่างสงบเรียบร้อยด้วยความรักสามัคคีของประชาชน พร้อมจะต่อสู้กับภัยธรรมชาติทุกอย่าง ก็เพราะใช้ระบบเลือกตั้งที่เป็นประชาธิปไตยเป็นตัวนำ

แม้กระทั่งการบริหารแต่งตั้งตำรวจในเมืองส่วนท้องถิ่น ก็จัดการโดยคณะกรรมการตำรวจ ซึ่งประกอบด้วยบุคคลในท้องถิ่นเป็นหลัก

Advertisement

ประเทศญี่ปุ่นในปัจจุบัน นอกจากจะส่งสินค้าออกประเภทอุตสาหกรรมตั้งแต่หนักถึงเบาไปยังต่างประเทศแล้ว ยังส่งสินค้าประเภทอาหารออกมากด้วย ซึ่งรวมทั้งขนมนมเนยพร้อมสรรพ และถ้าพูดถึงด้านบริการ โดยเฉพาะการท่องเที่ยว ประเทศญี่ปุ่นก็มีสถานที่ท่องเที่ยวไม่แพ้ใครในโลกนี้ มีทั้งสิ่งก่อสร้างเก่าแก่ยุคประวัติศาสตร์ จนถึงวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม บ้านเรือนที่อยู่อาศัยที่ช่างน่ารักในทุกแห่ง และที่เตะตามากคือ ดอกไม้และต้นไม้ที่สวยงามไม่แพ้ประเทศแถวยุโรป

ประเทศญี่ปุ่นทุกวันนี้ไม่มีรถติด ไม่มีบุหรี่ ขยะ หรือคราบโสโครกบนถนน ทั้งๆ ที่ในที่สาธารณะถังขยะมีไม่มาก เพราะไม่มีขยะจะทิ้ง คนมีขยะเมื่อไม่มีที่จะทิ้ง เขาจะเก็บเศษขยะของเขาใส่กระเป๋า ไปถึงที่ทิ้งขยะเมื่อไหร่ค่อยทิ้ง แต่ไปถึงที่ทิ้งแล้วไม่มีใครทิ้งขยะง่ายๆ เขาจะต้องมองก่อนว่า อันนี้เป็นเศษกระดาษ หรือเป็นกระป๋องโลหะ เป็นเศษพลาสติก ต้องแยกกันทิ้งครับ เด็กนักเรียนยืนอยู่ข้างหนึ่งของถนน มีเศษขยะจะทิ้งแต่ไม่มีถังขยะให้ทิ้ง แต่เห็นถังขยะอยู่อีกฝั่งตรงข้าม เขาก็ต้องเดินข้ามถนนตรงทางข้ามไปอีกฝั่งเพื่อเอาขยะไปทิ้งแล้วค่อยเดินกลับ

อย่างนี้ คนไทยจะทำได้ไหม ทำไม่ได้ เพราะคนไทยส่วนใหญ่ไม่รู้หน้าที่พลเมืองดี ไม่สามารถแยกความสกปรกโสโครกกับความสะอาด ไม่เห็นความต่างของถนนและทางเท้าที่สะอาดกับที่สกปรกรกรุงรัง จะให้รัฐมนตรีหรือใครที่ว่าใหญ่แค่ไหนก็ตามมาสอนทางวิทยุและทีวีทุกสัปดาห์ก็จะไม่สามารถเปลี่ยนสิ่งที่เป็นนิสัยไม่ดีเหล่านี้ของคนไทยได้อีกแล้ว เพราะไม่ได้มีการเน้นสอนโรงเรียนระดับต้นๆ กันมาเลย มาสอนกันทางทีวีตอนนี้ แต่ก่อนเรียกว่าเข้าหูซ้ายทะเลหูขวา

แต่เดี๋ยวนี้ไม่เข้าซักหูแล้ว

การที่รัฐบาลญี่ปุ่นยอมรับให้คนไทยไปเที่ยวที่ประเทศญี่ปุ่นโดยไม่ต้องมีวีซ่ามาร่วมสองปีกว่าแล้ว นับว่าเป็นบุญกุศลของคนไทยที่พอมีอันจะกินอย่างมากที่จะได้ไปเปิดหูเปิดตา เห็นสวรรค์บนดินเหมือนผู้คนประเทศอื่นบ้าง ไม่ถูกยัดเยียดให้ฟังและเห็นอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้

รัฐบาลญี่ปุ่นเขาเลือกเปิดให้คนไปเที่ยวดูบ้านเมืองเขาเป็นบางประเทศเท่านั้นนะครับ คนญี่ปุ่นที่ชอบเมืองไทยมีมาก รัฐบาลเขาก็ชอบประเทศไทยมาก เขาจึงยอมให้คนไทยไปเที่ยวเมืองเขาง่ายขึ้น ไม่ต้องมีวีซ่า ใครที่มีกำลังเงินพอก็ควรจะไป ถ้ายังรักเมืองไทย

เมื่อกลับมาอยู่บ้านก็พยายามทำอย่างที่ชาวญี่ปุ่นเขาทำ เขาทั้งสุภาพ ให้เกียรติผู้อื่น รักษาความสะอาดเรียบร้อย มีระเบียบวินัย พูดคำไหนคำนั้น เชื่อฟังผู้ใหญ่ รักชาติยิ่งชีวิต เชื่อและเคารพผู้นำ แต่พร้อมจะหาผู้นำคนใหม่ถ้าเห็นว่าไม่ได้ความ ถึงเวลาต้องกลับบ้านเก่าได้แล้ว

 

ขอบคุณข้อมูลจากมติชนรายวัน