จำนง มาคำ เจ้าของทรัพย์จำนงฟาร์ม จบประถม สู่ นายฮ้อย เมืองเหนือ

“ทรัพย์จำนงฟาร์ม” เป็นอาณาจักรฟาร์มโคเนื้อใหญ่ที่สุดของจังหวัดพะเยา เจ้าของฟาร์มชื่อ คุณจำนง มาคำ ชายผิวดำแดง รูปร่างเล็กสันทัด คนในวงการโคเนื้อระดับประเทศรู้จักกันในนาม “นายฮ้อยเมืองเหนือ” 30 ปีบนเส้นทางการค้าขายโคเนื้อ จากพ่อค้าระดับตำบลสู่การค้าขายโคเนื้อระหว่างประเทศ ที่ดินผืนเล็กบริเวณตำบลแม่ปืม อำเภอเมือง จังหวัดพะเยา เติบโตเป็นอาณาจักรฟาร์มโคเนื้อครบวงจรบนผืนดินหลายร้อยไร่ ความคิด ความเห็น และทัศนะที่มีต่อวงการค้าโคเนื้อประเทศไทย จึงแหลมคม แม่นยำ ตรงต่อความเป็นจริง

สายพันธุ์โคบาลพะเยา คุณจำนง เล่าว่า เกิดมาตระกูลของคนเลี้ยงโค ตอนอยู่โรงเรียนเห็นพ่อต้อนโคก็วิ่งออกจากโรงเรียนไปช่วยพ่อ เรียนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 อ่านออกเขียนได้ พอทำบัญชีเป็น เติบโตเป็นหนุ่มก็เริ่มค้าขายโคเนื้อ ตอนเช้ามืดขับรถมอเตอร์ไซค์ฮอนด้าดรีมเดินทางจากพะเยาถึงตลาดนัดโคกระบืออำเภองาว จังหวัดลำปาง

ผศ.น.สพ.สมชาติ ธนะ และ คุณจำนง มาคำ

“ตอนนั้นซื้อโคเนื้อจำนวน 5 ตัว ได้กำไรตัวละ 1,000 บาท การซื้อโคเนื้อที่ตลาดนัดโคกระบือมีข้อดีเรื่องการเปรียบเทียบราคา คนซื้อโคเนื้อสามารถคำนวณผลกำไรได้ก่อนการลงทุน แต่การซื้อโคเนื้อที่บ้านเกษตรกรไม่มีตัวเปรียบเทียบ มองไม่เห็นช่องทางการขาย โอกาสขาดทุนจึงมีมาก การลงทุนในธุรกิจโคเนื้อเป็นเบี้ยหัวแตก ลงทุนธุรกิจอื่นต้องลงทุนต่อเนื่องบางครั้งขาดทุน แต่การลงทุนซื้อขายโคเนื้อ ลงทุน 1 ล้าน ได้เงิน 1 ล้านพร้อมกำไร ตอนเย็นผมยังพาโคเดินเล่นกินหญ้า โดยส่วนตัวผมคิดว่าการเลี้ยงโคเป็นเรื่องของความสุขทางใจ”

เมื่อเริ่มเติบโตก็เริ่มมีพ่อค้าชาวมาเลเซียเข้ามาติดต่อขอซื้อโคเนื้อ มีพ่อค้าชาวจีน ชาวเวียดนาม ทำให้ทรัพย์จำนงฟาร์มเติบโตขึ้น

ถามถึงตลาดหลักต้องตลาดมาเลเซีย คุณจำนง บอกว่า พ่อค้าชาวมาเลเซียเห็นหน้าตนเองจะพูดถึง “วัวก๊อก” หรือโคอายุน้อย

“ผมเดินทางเยือนปีนัง ประเทศมาเลเซีย เพื่อดูตลาดความต้องการของคนมาเลเซีย ฟาร์มของพ่อค้าชาวมาเลเซียมีลักษณะเหมือนศูนย์อนุรักษ์โคไทย พ่อค้ามาเลเซียนำส่งโคเนื้อเข้าโรงเชือดวันละ 100 ตัว เชือดในโรงเชือดของตนเองอีกวันละ 10 ตัว ผมคิดว่าตลาดมาเลเซียเป็นตลาดโคเนื้อที่ดีที่สุด มาเลเซียมีประชากรชาวมุสลิมจำนวนมาก พื้นที่เลี้ยงโคเนื้อมีจำนวนน้อย ถือเป็นตลาดที่สำคัญของประเทศไทย”

คุณจำนง มาคำ กับโคที่เลี้ยง

คุณจำนง เล่าว่า หลายปีก่อนคุณจำนงอยากได้โคเนื้อจำนวนมาก จึงตัดสินใจเดินทางสู่จังหวัดแม่ฮ่องสอน ข้ามฝั่งชายแดนประเทศไทยสู่รัฐฉาน ประเทศพม่า ก่อนข้ามพรมแดนก็จ้างเจ้าหน้าที่ทหารพาข้ามฝั่งเดินทางด้วยเท้า เดินหลบกับระเบิดตลอดทาง พอถึงกลางคืนช่วงดึกก็ต้องจ้างทหารเฝ้ายาม เพราะระหว่างทางอาจถูกปล้น เมื่อถึงตลาดนัดโคกระบือก็พบกับโคเนื้อเมืองพม่า สวยมาก มีให้เลือกทั้งสีแดง สีขาว สีดำ พ่อค้าชาวพม่าสวมสร้อยคอทองคำสวมแหวนครบทุกนิ้ว เมื่อเจรจาเขาก็ขายโคเนื้อให้จำนวนร้อยกว่าตัว ราคาตัวละ 17,000 บาท

คุณจำนงจ้างคนลากจูงโคเนื้อคนละ 400 บาท จูงโคเนื้อคนละ 2 ตัว พาโคเนื้อเดินทางข้ามชายแดนฝั่งพม่ามาถึงชายแดนไทยใช้เวลา 11 วัน เมื่อเดินทางถึงจังหวัดแม่ฮ่องสอน จัดการจ่ายค่าแรงคนจูงโคเนื้อ จ่ายค่าแรงคนนำทาง มีกำไรจากโคเนื้อประเทศพม่าตัวละ 7,000 บาท นั่นเป็นการเดินทางเข้าประเทศพม่าเพียงรอบเดียวในชีวิตคนค้าขายโคเนื้อ เป็นการค้าขายบนเส้นทางอันตราย

ปัจจุบันคุณจำนงไม่จำเป็นต้องเสี่ยงอันตรายแล้ว หากได้โคเนื้อก็จอดรถรออยู่บริเวณริมเส้นทางที่ใช้ขนส่งโคเนื้อ คันไหนน่าสนใจก็เรียกดู ลักษณะเฉพาะโคเนื้อพม่าส่วนใหญ่เป็นโคพื้นเมืองของอินเดียและปากีสถาน เป็นต้นสายของโคสายพันธุ์บราห์มัน มีลักษณะคล้ายโคขาวลำพูนของไทย เป็นโคปลดระวางจากการใช้แรงงาน กีบเท้าผุพัง บางตัวใส่เกือก บริเวณคอเป็นรอยหาบคอน แต่คุณลักษณะของโคเนื้อพม่าซึ่งส่วนใหญ่มีลักษณะที่อึด ถึก ทน ทำงานหนัก สามารถเดินทางไกลโดยไม่อิดโรย โคเนื้อประเทศพม่าส่วนหนึ่งถูกรับซื้อโดยพ่อค้าชาวเวียดนามเพื่อนำเข้าสู่ประเทศจีน อีกส่วนหนึ่งถูกรับซื้อโดยพ่อค้าชาวไทยเพื่อเลี้ยงขุนก่อนขายให้กับพ่อค้าชาวจีน

วัวปลดระวางจากอินเดีย

ปลดล็อกโควิด-19 ตลาดโคเนื้อเติบโต 100 เปอร์เซ็นต์

ตลาดโคเนื้อของประเทศไทย หากไม่มีปัญหาเรื่องโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ทุกประเทศรับโคเนื้อของประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นพ่อค้าชาวมาเลเซีย พ่อค้าชาวจีน หรือพ่อค้าชาวเวียดนาม การค้าขายเป็นเรื่องความไว้วางใจ พ่อค้าไว้ใจได้ บ้านเรามีแม่พันธุ์จำนวนน้อย จำนวนโคเนื้อก็มีน้อยลง อนาคตหากไม่มีโคเนื้อแม่พันธุ์เราก็จะไม่มีโคเนื้อเลี้ยง ตัวอย่างจังหวัดพะเยาในปี 2564 เหลือโคเนื้อที่สามารถนำมาขายให้กับทรัพย์จำนงฟาร์มคือ อำเภอปง อำเภอเชียงม่วน สมัยก่อนคิดว่าโคเนื้อเมืองพะเยาไม่มีวันหมด วันนี้ต้องคิดใหม่ โคเนื้ออาจเยอะขึ้นภายหลัง แต่ราคาของโคเนื้อจะขยับขึ้นเป็นลำดับนับจากเวลานี้

สำหรับตลาดโคเนื้อประเทศจีนถือเป็นเรื่องอนาคต พ่อค้าโคเนื้อทุกคนวางเป้าหมายสู่การส่งออกโคเนื้อให้กับประเทศจีน แต่เมื่อทำจริงกลับพบปัญหาหลายประการ เช่น ความยุ่งยากในการเดินทางข้ามประเทศ มาตรการปราบปรามการลักลอบนำเข้าโคเนื้อผิดกฎหมาย หรือผลประโยชน์ของการค้าชายแดนที่ไม่ลงตัว ความต้องการของชาวจีน เขาต้องการโคเนื้อตัวใหญ่แต่การเลี้ยงขุนต้องใช้เวลานาน ใช้ต้นทุนค่อนข้างสูง ค่าอาหารตัวละ 100 บาทต่อวัน

ทรัพย์จำนงฟาร์มต้องเสียค่าอาหารเป็นเม็ดเงินกว่าหมื่นบาทต่อวัน ฉะนั้น การซื้อการขายเพื่อให้มีเงินหมุนเวียนจึงมีความจำเป็น คุณจำนง ยืนยันได้ว่า ตลาดโคเนื้อประเทศจีนไม่ใช่ตลาดโคเนื้อของไทย คู่แข่งอย่างพ่อค้าชาวลาวอย่างเช่น “พ่อเลี้ยงคำจันทร์” พ่อค้ารายใหญ่ชาวลาวมีเม็ดเงินซื้อขายกับพ่อค้าชาวจีนจำนวนกว่า 1,000 ล้านบาทต่อปี มีโคเนื้อจำนวนมากที่เตรียมนำเข้าจีนเมื่อมีการเปิดด่าน ส่วนพ่อค้าเวียดนามก็ส่งออกโคเนื้อให้ประเทศจีนอย่างสม่ำเสมอ

คุณจำนง มาคำ

ส่วนปัญหาเรื่องสารเร่งเนื้อแดงในโคเนื้อ พูดกันตามความเป็นจริง ต้องถามถึงต้นสายปลายเหตุ การใส่สารเร่งเนื้อแดงเป็นความต้องการของใครในตลาดโคเนื้อ มันเป็นความต้องการของพ่อค้าแม่ค้าที่รับซื้อโคเนื้อเข้าโรงเชือด พวกเขาต้องการปริมาณเนื้อจำนวนมาก ปริมาณไขมันน้อย เวลาเชือดจะได้ไม่ขาดทุน แน่นอนว่า การใส่สารเร่งเนื้อแดงไม่ใช่ความต้องการของผู้บริโภค ไม่ใช่ความต้องการของคนเลี้ยงโค

ขอบคุณข้อมูลและภาพ จาก ผศ.น.สพ.สมชาติ ธนะ และ ร.ต.อ. ทรงวุฒิ จันธิมา (กระจอกชัย)

เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรก วันพฤหัสที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ.2565