คนไม่ขาดสาย! ‘‘มหกรรม 360 องศา ปลดล็อคกัญชาฯ’ วันสุดท้าย แห่ช็อปสินค้า ‘กัญชา-กัญชง’ เพื่อสุขภาพ

สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดบุรีรัมย์ จัด ‘มหกรรม 360 องศา ปลดล็อคกัญชา ประชาชนได้อะไร’ ระหว่างวันที่ 10-12 มิถุนายน 2565 เวลา 09.00-16.30 น. ที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ ด้วยจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องแก่ประชาชน ในการนำกัญชา-กัญชง มาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ การดูแลสุขภาพ การใช้ประโยชน์ในครัวเรือน และกระตุ้นเศรษฐกิจ

การจัดงานครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกหลังปลดล็อคกัญชาออกจากการเป็นยาเสพติดให้โทษ เมื่อวันที่ 9 มิถุนายนที่ผ่านมา ทำให้มีประชาชนเดินทางมาร่วมงานอย่างหนาแน่น ภายใต้มาตรการป้องกันโควิด-19 อย่างเคร่งครัด

บรรยากาศวันที่ 12 มิถุนายน ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการจัดงาน ยังคงมีประชาชนทั่วประเทศเดินทางมาร่วมงานอย่างไม่ขาดสายตลอดทั้งวัน เพื่อชมนิทรรศการกัญชา-กัญชง ที่นำเสนออย่างเข้าใจง่าย พบกัญชาหลากหลายสายพันธุ์ ที่นำมาจัดแสดงให้ชมอย่างใกล้ชิด รับแจกต้นกล้ากัญชาฟรี

นอกจากนี้ ยังสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับกัญชา-กัญชง จากบู๊ธของหน่วยงานต่างๆ ด้วยความสนใจ พร้อมเข้ารับบริการคลินิกกัญชาทางการแพทย์ฟรี รวมทั้งเข้าร่วมเวทีเสวนาและเวิร์กชอป ที่จัดขึ้นตลอดทั้งวัน ขาดไม่ได้คือการชิม-ช็อป ผลิตภัณฑ์จากกัญชา จากร้านค้ามากมาย ที่นำอาหาร ขนม เครื่องดื่ม และสินค้าต่างๆ ที่มีส่วนผสมของกัญชา-กัญชง ในปริมาณที่ปลอดภัยต่อสุขภาพ มาจำหน่ายในราคาย่อมเยา

 

บูธ ‘กรมวิชาการเกษตร’ คึกคัก! ประชาชนต่อคิวยาว รับแจกต้นกล้ากัญชาฟรี

หนึ่งในไฮไลต์ของงาน คือ ความร่วมมือระหว่างกระทรวงสาธารณสุข กับกรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่นำต้นกล้ากัญชา รวม 1,000 ต้น มาแจกให้ประชาชนตลอดระยะเวลา 3 วันของการจัดงาน โดยวันนี้ (12 มิถุนายน) มีการแจกต้นกล้ากัญชา 200 ต้น ได้รับความสนใจจากประชาชนจำนวนมาก ต่างพากันมาต่อคิวลงทะเบียนรับต้นกล้ากัญชากันอย่างคึกคัก

‘เวทีเสวนา’ จัดเต็มความรู้ ชี้สารสกัดกัญชาไทยไม่แพ้ใคร หากพัฒนาดี      มีโอกาสตีตลาดโลก

ตลอดการจัดงาน ‘มหกรรม 360 องศา ปลดล็อคกัญชา ประชาชนได้อะไร’ มีเวทีเสวนา ที่ได้ผู้เชี่ยวชาญหลากหลายสาขา มาร่วมกันถ่ายทอดความรู้ แลกเปลี่ยนประสบการณ์และมุมมองเกี่ยวกับกัญชา-กัญชง ทั้งด้านการแพทย์ เศรษฐกิจ อุตสาหกรรม ฯลฯ ซึ่งวันสุดท้ายของงาน เวทีเสวนายังคงมีเนื้อหาสาระเข้มข้น เป็นประโยชน์ต่อผู้เข้าฟังทุกคนเช่นเดิม

เริ่มด้วยเวลา 09.00-10.30 น. เป็นการเสวนา ‘ทิศทางตลาดสารสกัดกัญชากับอนาคตประเทศไทย’ โดย ภก.ธนพงศ์ เพ็งผล โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร นายศุภจักร ไตรรัตโนภาส กรรมการ บริษัท แปซิฟิก แคนโนเวชั่น จำกัด และ รศ.ดร.อภิชาติ บุญทาวัน หัวหน้าสาขาเทคโนโลยีชีวภาพ สำนักวิชาเทคโนโลยีการเกษตร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี

นายศุภจักร กล่าวตอนหนึ่งว่า การส่งผลิตภัณฑ์ไปต่างประเทศได้ อันดับแรก คือ ต้องทราบมาตรฐานแต่ละประเทศว่า มีมาตรฐานแบบไหน และผลิตให้ตรงกับมาตรฐานนั้นๆ เพราะถ้าไม่รู้ความต้องการหรือมาตรฐานของเขา ผลิตให้ดีแค่ไหน ปลายทางก็ไม่รับซื้อ

ประเด็นดังกล่าว นำไปสู่จุดเริ่มต้นของการผลิต ที่ต้องได้มาตรฐาน ซึ่งปัญหาหลักๆ ที่บริษัทพบ คือ เกษตรกรส่วนใหญ่มีการปลูกที่ไม่ได้มาตรฐาน เมื่อนำไปตรวจแล้วใช้ไม่ได้ มีสารเจอปน มีสารโลหะหนัก รวมถึงสารฆ่าแมลง จึงอยากให้เกษตรกรเปลี่ยนความคิดว่า ถ้าอยากทำธุรกิจสารสกัด ธุรกิจกัญชา-กัญชง ไม่ใช่พืชไร่ แต่คือธุรกิจยา จำเป็นต้องมีมาตรฐานการปลูกที่ปลอดภัย ปลูกเพื่อนำไปทำเป็นยา เพราะฉะนั้น การใส่ปุ๋ยดิน ปุ๋ยน้ำ สารฆ่าแมลง ต้องเป็นออร์แกนิก เพราะสุดท้ายแล้วอะไรที่ใส่ไปจะออกมาในขั้นตอนการสกัด และการสกัดก็ต้องให้ได้มาตรฐาน ถึงจะมีตลาด

“จากมุมมองที่ได้คลุกคลีอยู่กับวงการกัญชามาสักพัก ทำให้มั่นใจได้ว่า ประเทศไทยจะเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ได้ ในเรื่องสารสกัดกัญชงกัญชา ด้วยเหตุผลที่พืชกัญชงกัญชาเหมาะกับการปลูกในพื้นที่แถบร้อน วัตถุดิบที่เราจะทำได้ ถูกกว่าประเทศอื่นๆ ขณะที่ตัวโรงงานที่ทำกัน มีการลงทุนและมาตรฐานเท่าๆ กันหมด 

“ถ้าใครติดตามข่าวตอนนี้ บริษัทที่ผลิตกัญชาในโซนยุโรป หลายที่เริ่มปิดไปเยอะ เนื่องจากแบกต้นทุนไม่ไหว เพราะฉะนั้น ผมมองว่า ประเทศที่มีลักษณะภูมิประเทศคล้ายๆ เมืองไทย จะเป็นศูนย์กลางในการผลิตสารสกัด รวมไปถึงผลิตภัณฑ์ที่จะส่งออกทั่วโลก เราก็ต้องมาสู้ที่คุณภาพ และได้ต้นทุนต่ำ ผมว่าอนาคตสดใสอยู่แล้ว”

จากนั้น เวลา 10.30-12.00 น. เป็นหัวข้อ ‘งานวิจัยและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ปลายน้ำจาก CBD’ โดย รศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายนวัตกรรมและกิจการเพื่อสังคม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวถึง CBD (แคนนาบิไดออล) ซึ่งสกัดจากพืชกัญชา-กัญชง ในปริมาณที่กำหนด เพื่อนำมาใช้ประโยชน์ในผลิตภัณฑ์ต่างๆ เป็นการส่งเสริมสุขภาพ และช่วยเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจได้

ขณะที่ห้องสัมมนาย่อย เวลา 09.00-10.00 น. มีหัวข้อ ‘ใช้กัญชาทางการแพทย์อย่างไรได้ประโยชน์สูงสุด’ (คลิป) โดย ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

เวิร์กชอปสุดปัง ‘น้ำพริกขี้กากัญชา’ แก้เบื่ออาหารได้ แถมอร่อยด้วย

เวลา 13,00 น. มีเวิร์กชอป ‘กัญชากับอาการเบื่ออาหาร’ โดย โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร มีผู้สนใจเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก ซึ่งวิทยากรแนะนำว่า สามารถนำกัญชามาใช้เป็นส่วนประกอบในการทำอาหาร ที่มีเครื่องเทศ ทั้ง ต้ม ยำ ตำ แกง เพื่อช่วยให้เลือดลมไหลเวียนดีขึ้น แต่ไม่ควรบริโภคในปริมาณมาก เนื่องจากมีรสเบื่อเมา

สำหรับการใช้กัญชาแก้อาการเบื่ออาหาร ผู้ป่วยสามารถเลือกกินอาหาร ที่มีส่วนผสมของใบกัญชา โดยเริ่มกินปริมาณแต่น้อย เช่น กินประมาณครึ่งใบต่อวัน ซึ่งการปรุงกัญชาผสมในอาหาร ที่มีส่วนผสมของเครื่องเทศเป็นหลักนั้น จะช่วยปรับธาตุลมในทางเดินอาหาร ทำให้เลือดลมไหลเวียนได้ดี และกินข้าวได้มากยิ่งขึ้น

หลังกินอาหารที่มีส่วนผสมของกัญชา อาจมีอาการข้างเคียง เช่น ปากแห้ง คอแห้ง ง่วงนอน รู้สึกมึนงง ปวดหัว ใจเต้นเร็ว โดยอาการเหล่านี้จะแสดงผลหลังจากกินไปแล้ว 30-60 นาที และอยู่ได้นานถึง 6 ชั่วโมง ดังนั้น หลังกินแล้วไม่ควรขับขี่ยานพาหนะ หรือควบคุมการทำงานกับเครื่องจักร เพราะจะทำให้เกิดอันตรายได้

‘ยาดม ยาหม่อง พิมเสนน้ำ’ ขึ้นแท่นสินค้ากัญชายอดฮิต

ภายในงานมหกรรมกัญชาครั้งนี้ มีหน่วยงานต่างๆ อาทิ โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร องค์การเภสัชกรรม (GPO) วิสาหกิจชุมชน และผู้ประกอบการอื่นๆ มาออกบู๊ธแนะนำ และจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกัญชา-กัญชง ในปริมาณที่ปลอดภัยต่อสุขภาพ ให้ผู้เข้าร่วมงานได้เลือกซื้อเป็นจำนวนมาก โดยจำหน่ายในราคาย่อมเยา เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์กัญชา-กัญชง ทางการแพทย์ได้ง่ายขึ้น โดยบูธที่ขายผลิตภัณฑ์ จะมีทีมแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน คอยให้คำแนะนำ และช่วยเลือกสินค้าที่ถูกต้องกับอาการเจ็บป่วยที่เป็นอยู่

บู๊ธของ รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร เป็นหนึ่งในจุดที่ประชาชนให้ความสนใจแวะเวียนมาเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกัญชา-กัญชงไม่ขาดสาย โดยผลิตภัณฑ์ที่นำมาวางจำหน่าย และขายดีอย่างมากตลอดทั้ง 3 วัน คือ กลุ่มยาใช้ภายนอก เช่น ยาดม ยาหม่อง พิมเสน ซึ่งมีส่วนช่วยในเรื่องการบำบัดร่างกาย เพราะกลิ่นของกัญชามีคุณสมบัติช่วยให้ร่างกายรู้สึกสดชื่น และเกิดการผ่อนคลาย จึงมีผู้ให้ความสนใจเข้ามาเลือกซื้อเป็นจำนวนมาก

ด้านบู๊ธขององค์การเภสัชกรรม (GPO) ก็มีประชาชนให้ความสนใจอย่างมากเช่นเดียวกัน โดย    อัจจิมา กาญจนาภา นักการตลาด องค์การเภสัชกรรม (GPO) กล่าวว่า ตลอด 3 วัน มีผู้ให้ความสนใจเข้ามาสอบถามผลิตภัณฑ์ทั้งเวชสำอาง และวิตามินที่ช่วยรักษาโรคต่างๆ เป็นจำนวนมาก ซึ่งหลังจากมีการปลดล็อกกัญชา-กัญชง แล้ว GPO มีแผนจะนำพืชชนิดนี้มาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ ที่มีส่วนช่วยรักษาสุขภาพของประชาชนมากยิ่งขึ้น