เกษตรกรหนุ่มอารมณ์ดี ปลูกสับปะรดพันธุ์ตราดสีทองขาย สร้างรายได้หลักแสนต่อปี

คุณปกรณ์ รัตนธรรม หรือ คุณท็อป เกษตรกรหนุ่มอารมณ์ดี วัย 30 ปี เจ้าของไร่รัตนธรรม ในพื้นที่หมู่ที่ 6 ตำบลท่ากุ่ม อำเภอเมือง จังหวัดตราด หลังเรียนจบหันมาสานต่ออาชีพเกษตรกรอย่างเต็มตัว เพราะที่บ้านทำเกษตรมาก่อนอยู่แล้ว ด้วยการปลูกผลไม้หลายอย่าง โดยเฉพาะสับปะรดพันธุ์ตราดสีทอง ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่เหมือนใคร

คุณปกรณ์ รัตนธรรม หรือ คุณท็อป เจ้าของไร่รัตนธรรม

จุดเริ่มต้นของการปลูกนั้น เกิดขึ้นเมื่อหลังจากเรียนจบปี 2558 คุณปกรณ์ได้ทำงานเป็นนักวิจัยเกี่ยวกับการเก็บข้อมูลในบริษัทแห่งหนึ่ง ได้เงินมาจำนวน 10,000 บาท จนกระทั่งต้นปี 2559 คุณปกรณ์จึงทดลองปลูกสับปะรดพันธุ์ตราดสีทอง 7,000-8,000 หน่อ ในพื้นที่ข้างบ้าน และเริ่มศึกษาหาข้อมูลอย่างจริงจัง ลองผิดลองถูกด้วยตนเองมาหลายครั้ง อีกทั้งขณะนั้นเริ่มขายสับปะรดได้ในราคาที่พึงพอใจ จึงลงมือทำและพัฒนาสับปะรดพันธุ์ตราดสีทองมาจนถึงปัจจุบันนี้

คุณปกรณ์และสับปะรดภายในไร่รัตนธรรม

โดยสับปะรดพันธุ์ตราดสีทองที่เป็นพืชเศรษฐกิจอันดับต้นๆ ของเกษตรกรจังหวัดตราด เป็นพืชที่สร้างรายได้ให้เกษตรกรค่อนข้างสูง มีการปลูกและเก็บเกี่ยวผลผลิตตลอดปี ผลผลิตเป็นที่ต้องการของตลาดทั้งภายในและต่างประเทศ

ลักษณะเด่นภายนอกคือ ขอบใบที่ต้นและขอบใบที่จุกผลมีหนามสั้นๆ แหลมคม ทรงโค้ง สีน้ำตาลแดง ผลเป็นรูปทรงกระบอก ผิวเปลือกเมื่อแก่สุกเปลี่ยนเป็นสีเหลืองเข้มหรือเหลืองส้ม ตาใหญ่ ร่องตาลึก เปลือกหนา ตาลึก ทนทานต่อการขนย้าย

สับปะรดพันธุ์ตราดสีทองภายในไร่รัตนธรรม

ลักษณะเด่นภายในมีความหวาน 16-20 บริกซ์ กลิ่นหอมมาก เนื้อสีเหลืองเข้ม เนื้อและไส้กรอบ เนื้อแห้งไม่ฉ่ำน้ำ เนื้อมีเส้นใยอ่อนนุ่ม เคี้ยวไม่ติดฟันกว่าสับปะรดทุกสายพันธุ์

วิธีการดูแลรักษาหลักๆ ต้องดูในเรื่องของหน่อสับปะรด ตั้งแต่การปลูกเริ่มต้น ถ้าหากเราอยากได้สับปะรดที่ดี ควรหาแม่พันธุ์สับปะรดที่ดีมาปลูก ต้องดูว่าหน่อสับปะรดมีเชื้อรา มีโรคเหี่ยวปะปนมาบ้างหรือไม่ ก่อนที่จะนำหน่อสับปะรดลงปลูก จำเป็นต้องนำรากมาแช่ยาแก้เชื้อรา หรือดึงหน่อสับปะรดที่เสียออก ก่อนที่จะนำลงปลูก

สับปะรดที่ถูกปลูกแบบเว้นระยะสวยงาม

สับปะรดเป็นพืชที่ดูแลไม่ยาก เมื่อเทียบกับไม้ผลจำพวก เงาะ ทุเรียน มังคุด ลองกอง หรือลำไย สับปะรดเป็นพืชที่ทนทานต่อสภาพดินฟ้าอากาศ ความต้องการน้ำปานกลาง ไม่มากเท่าไม้ผลอื่น โรคและแมลงศัตรูพืชไม่ค่อยมี

Advertisement

ที่สำคัญสับปะรดเป็นพืชที่สามารถกำหนดแผนการผลิตได้ค่อนข้างแน่นอน สามารถกำหนดวันปลูก เก็บเกี่ยวได้ กระจายการผลิตได้ตลอดปี มีความแน่นอน แผนการผลิตและเก็บเกี่ยวจึงไม่มีความคลาดเคลื่อนมากนัก

“ระยะเวลาการปลูกสับปะรดพันธุ์ตราดสีทองของไร่รัตนธรรม ตั้งแต่เริ่มปลูก นำหน่อลงดินขึ้นอยู่กับว่าปลูกในช่วงหน้าฝนหรือหน้าแล้ง ถ้าช่วงหน้าฝนก็จะใช้เวลาทั้งหมด 6-7 เดือน ก็สามารถบังคับลูกได้ บังคับลูกต่ออีก 4 เดือน ถึงจะสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตขายสู่ท้องตลาดได้ครับ ถ้าหน้าแล้งก็จะอยู่ประมาณ 8-9 เดือน ซึ่งทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับขนาดหน่อที่ปลูก ถ้าหน่อเล็กก็จะใช้เวลาประมาณ 10 เดือน ถ้าหน่อใหญ่จะใช้เวลาประมาณ 6 เดือน”

Advertisement
สับปะรดเริ่มผลิดอก พร้อมเติบโต

ราคาสับปะรด 1 หน่อ ในปัจจุบันจะอยู่ที่ 1 บาท  50 สตางค์ การปลูกสับปะรดที่ดีและเหมาะสม ใน 1 ไร่ ควรอยู่ที่ 3,500-4,500 หน่อ ขึ้นอยู่กับพื้นที่ หลุมที่ปลูกจะใช้จอบขยัน หน้ากว้าง 15 เซนติเมตร ด้านลึกประมาณ 15-20 เซนติเมตร ขุด 1 ครั้ง จะนำหน่อลง จากนั้นดันดินกลบทันที

สับปะรดทางภาคตะวันออกจะปลูกเป็นแนวร่องยาง 1 แนว จะปลูก 1 คู่ เรียงเป็นแถวลงไปให้มีระยะห่าง 30-40 เซนติเมตร ทั้งด้านคู่และด้านแถว ระหว่างคู่หน่อจะห่างประมาณ 50-60 เซนติเมตร

สับปะรดในไร่รัตนธรรมหลายพันต้น

การปลูกสับปะรดพันธุ์ตราดสีทองในไร่รัตนธรรมนั้น คุณปกรณ์ลงมือทำเองเกือบทั้งหมด ตั้งแต่การดูแลใส่ปุ๋ย พ่นยาบำรุงลูก ทำในลักษณะการใช้ปุ๋ยอินทรีย์อัดเม็ดหรือปุ๋ยอินทรีย์ธรรมดาจากมูลสัตว์ต่างๆ ควบคู่กับปุ๋ยเคมี ใส่เพียง 2-3 รอบต่อการผลิต ขึ้นอยู่กับฤดูกาลที่ผลิตครั้งนั้นๆ รอบแรกใช้ปุ๋ยอินทรีย์โรยระหว่างคู่แถวสับปะรด และใช้ปุ๋ยเคมีสูตรหน้าและหลังสูง เช่น 21-4-21 ผสมน้ำฉีดพ่นเข้าทางใบ

“โรคส่วนใหญ่ที่เจอจะเป็นโรคเหี่ยว ทำให้ใบออกแดงและไหม้ และโรคเชื้อรา เมื่อนำหน่อสับปะรดลงดินแล้วจะทำให้ผลผลิตไม่เจริญเติบโต วีธีการดูป้องกันโรคคือนำรากมาแช่ยาแก้เชื้อรา ก่อนนำหน่อสับปะรดลงปลูกทุกครั้ง หรือถ้าเจอก็จะหยิบออกมา รอจนแห้งก็จะทำการเผาทิ้งทันที หากไม่ได้รับการกำจัดอย่างถูกวิธี อาจจะส่งผลในเรื่องของการเจริญเติบโตของสับปะรด เพราะเนื่องจากโรคที่เกิดขึ้นเหล่านี้ แพร่กระจายได้อย่างรวดเร็ว”

สับปะรดลูกโต สวย พร้อมรับประทาน

ส่วนความต้องการทางการตลาดนั้น ถือว่ายังมีความต้องการทางตลาดสูง สับปะรดพันธุ์ตราดสีทองของไร่รัตนธรรมนั้น จะส่งไปให้พ่อค้าแม่ค้าเจ้าประจำที่ตลาดสี่มุมเมือง จังหวัดปทุมธานี เพราะด้วยรสชาติที่หวาน มีกลิ่นหอม มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่เหมือนใคร

คุณปกรณ์ เล่าว่า รายได้ต่อปีอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพึงพอใจ เช่น ลดทุน 1 แสนบาท ได้กำไรอยู่ที่ประมาณ 1 แสนบาท ขึ้นอยู่กับความผันผวนของราคาสับปะรดในขณะนั้น

คุณปกรณ์ แนะนำสำหรับผู้ที่อยากปลูกสับปะรดว่า ควรศึกษาและทำความเข้าใจรายละเอียดเกี่ยวกับการปลูกสับปะรด เพราะเนื่องด้วยสถานการณ์ราคาปุ๋ยในปัจจุบัน อาจจะต้องลงทุนเพิ่มมากขึ้น อยากให้เกษตรกรหันกลับมาใช้ปุ๋ยอินทรีย์กันมากขึ้น เพื่อลดต้นทุนการผลิตลงนั่นเอง

สำหรับท่านใดที่สนใจสามารถติดต่อ คุณปกรณ์ รัตนธรรม หรือ คุณท็อป ได้ที่เพจเฟซบุ๊ก ไร่รัตนธรรม หรือติดต่อได้ที่เบอร์โทรศัพท์ 087-543-2392