เผยแพร่ |
---|
จังหวัดร้อยเอ็ด มีพื้นที่ทุ่งกุลาร้องไห้จำนวน 986,807 ไร่ ลักษณะภูมิประเทศทั่วไปเป็นที่ราบสูงสลับกับพื้นที่ราบลูกคลื่น สภาพภูมิอากาศภายในจังหวัดแห่งนี้เป็นประเภทฝนเมืองร้อน จะมีฝนตกชุกในเดือนมิถุนายนถึงตุลาคม และมีสภาพอากาศร้อนแห้งแล้งในเดือนมีนาคมถึงพฤษภาคม ด้วยสภาพ ภูมิอากาศที่มีลักษณะที่กันดารเป็นที่ราบสูงมีสภาพดินเค็ม และสภาพอากาศแห้งแล้ง ส่งผลให้การปลูกข้าวหอมมะลิข้าวเกิดความเครียดและหลั่งสารหอม 2AP และทําให้ข้าวหอมมะลิในแหล่งนี้มีความหอมเป็นเอกลักณ์เฉพาะถิ่น
คุณพงษ์ศักดิ์ วรวงศ์ พาณิชย์จังหวัดร้อยเอ็ด ให้ข้อมูลว่า สำนักงานพาณิชย์จังหวัดร้อยเอ็ดได้ผลักดันข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ สินค้า GI ของจังหวัดร้อยเอ็ด เป็น 1 ใน 18 แห่ง สินค้าดี GI อีสานสู่สากล มั่นใจคุณภาพข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้กลุ่มข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้อำเภอเกษตรวิสัย จังหวัดร้อยเอ็ด ว่า จังหวัดร้อยเอ็ด 1 ใน 5 จังหวัดในพื้นที่ทุ่งกุลาร้องไห้ โดยจังหวัดร้อยเอ็ดมีพื้นที่ที่อยู่ในเขตพื้นที่ทุ่งกุลาร้องไห้ ประกอบด้วย 5 อำเภอ ได้แก่ อําเภอเกษตรวิสัย อําเภอสุวรรณภูมิ อําเภอปทุมรัตต์ อําเภอโพนทราย และอําเภอหนองฮี โดยข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้กลุ่มข้าวหอมมะลิ อำเภอเกษตรวิสัย จังหวัดร้อยเอ็ด ได้รับการรับรองสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) จากกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2550

“GI ของร้อยเอ็ดในเรื่องของข้าว เป็นข้าวหอมมะลิของทุ่งกุลาร้องไห้ ซึ่งเป็น GI ของประเทศไทย และก็เป็น GI ของยุโรป กระทรวงพาณิชย์ได้ไปจดที่ยุโรปด้วย ทำให้เราได้มาตรฐานทั้ง 2 ตัว ทั้งของไทยและของยุโรป ซึ่งเราเห็นถึงความสำคัญในเรื่องนี้ จึงได้มีการส่งเสริมในเรื่องของข้าว GI เพื่อให้ได้รับการโปรโมตไปทั่วโลก ให้ได้รับรู้ว่าของเรามีของดีเป็นสินค้าที่มีความเป็นอัตลักษณ์ ระดับโลก” คุณพงษ์ศักดิ์ กล่าว
จากความเป็นเอกลักษณ์นี้จึงทำให้ข้าวหอมมะลิจังหวัดร้อยเอ็ด เป็นข้าวหอมมะลิที่มีคุณภาพ การผลิตสินค้าข้าว GI ในแหล่งภูมิศาสตร์ที่ขึ้นทะเบียน เป็นการสร้างสินค้าข้าวที่มีเอกลักษณ์ต่างจากแหล่งผลิตอื่น จึงนับว่าเป็นโอกาสทางการค้า การตลาด รวมถึงเป็นการยกระดับสินค้าชุมชนให้เป็นสินค้าข้าวคุณภาพที่ได้มาตรฐานการผลิต สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคในด้านคุณภาพและความปลอดภัย เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางการค้าทั้งในและต่างประเทศ

คุณบุญเลิศ อุดหนุน ประธานวิสาหกิจชุมชนนาแปลงใหญ่ หมู่ที่ 10 บ้านโนนสบาย ให้ข้อมูลว่า ข้าวหอมมะลิ เป็นชีวิตของคนทุ่งกุลาร้องไห้ เพราะการผลิตข้าวที่นี่มีการร่วมกลุ่มสร้างความเข้มแข็ง จึงทำให้ในเรื่องของการลดต้นทุนการผลิตต่างๆ ค่อนข้างได้ผลดี เอกลักษณ์ของข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ คือ “หอม ยาว ขาวนุ่ม” เกิดจากลักษณะสภาพภูมิอากาศที่กันดาร เป็นที่ราบสูงมีความ อุดมสมบูรณ์ของสินค้า ดินเค็ม สภาพอากาศแห้งแล้งและส่งผลให้เกิดความเครียดและหลั่งสารหอม 2AP และทําให้ข้าวหอมมะลิในแหล่งนี้มีความหอมมาก
โดยการทำนาของวิสาหกิจชุมชนฯ ทางกลุ่มจะเน้นทำการปลูกด้วยการหยอดเป็นหลัก ซึ่งต่างจากสมัยก่อนที่จะเน้นดำเป็นหลัก แต่ด้วยสถานการณ์แรงงานที่ขาดแคลนทำให้การดำเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก ต่อมาถึงได้ปรับมาหว่าน แต่การหว่านต้นทุนก็เพิ่มสูงขึ้น เพราะจะสิ้นเปลืองในเรื่องของการใช้เมล็ดพันธุ์ จึงได้ปรับวิธีการปลูกมาใช้วิธีการหยอดแทน
“กลุ่มเรามีรถหยอด เรามีเครื่องหยอด เรียกได้ว่ามีอุปกรณ์ที่ครบเครื่อง จึงทำให้ต้นทุนการผลิตของเราลดลง ด้วยการที่เรามีครบวงจร จึงทำให้เราเก็บเกี่ยวผลผลิตของเรา ไม่ต้องรอเวลานาน โดยการจัดการเราก็จะเก็บเกี่ยวกลุ่มเราให้เสร็จให้หมด จากนั้นถ้ามีผู้ว่าจ้างต้องการที่จะเก็บเกี่ยว ก็สามารถเข้ามาจ้างทางการกลุ่มเราได้ เท่ากับกลุ่มเราก็มีรายได้หลายช่องทางไปพร้อมๆ กัน” คุณบุญเลิศ บอก
โดยข้าวที่ทำการแปรรูปแล้วทั้งหมดจะนำมาทำการจำหน่ายเอง ซึ่งตลาดหลักๆ ยังคงเป็นตลาดภายในประเทศเท่านั้น ส่วนในอนาคตการจำหน่ายยังตลาดต่างประเทศนั้น ต้องดูขั้นตอนในอีกหลายๆ ชนิด ซึ่งทางกลุ่มวิสาหกิจชุมชนฯ กำลังทำการศึกษาอยู่ในเรื่องของการทำตลาดต่างประเทศ แต่การจำหน่ายภายในประเทศนั้น ถือว่าได้ผลตอบรับเป็นที่น่าพอใจ แต่หลังจากที่โควิดระบาดเข้ามา ทำให้การจำหน่ายชะงักลงไปบ้าง
“การจำหน่ายก็มีการนำผลผลิตทางการเกษตรไปออกบูธตามงานต่างๆ บ้าง เพราะผลผลิตของเราถือว่าเป็นข้าวเพียวๆ ของทุ่งกุลาร้องไห้เลย เป็นข้าวที่ผ่านการปลูกจากมือชาวนา 100 เปอร์เซ็นต์ เมื่อผ่านการแปรรูปแล้ว เราก็ส่งจำหน่ายถึงมือผู้บริโภคโดยตรงเลย ซึ่งราคาผู้บริโภคสามารถจับต้องได้ อยู่ที่กิโลกรัมละ 50 บาท” คุณบุญเลิศ บอก
สำหรับท่านใดที่สนใจข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ ที่ผ่านการผลิตจากมือของเกษตรกรพี่น้องโดยตรง สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คุณบุญเลิศ อุดหนุน หมายเลขโทรศัพท์ 083-337-5775, 089-573-2112
……………………………….
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรก 26 กรกฎาคม 2565
———————————————————-
ถ้าอยากรู้จัก “ข้าวให้มากขึ้น” พบกันได้ที่ #งานมหัศจรรย์ข้าวไทย 2024 งานที่มัดรวมข้าว GI ที่หายากจากทุกสารทิศทั่วไทยมาไว้ในงานเดียว!
พร้อมเดินทัวร์ให้รู้ว่าข้าวไทยทำถึง กับนิทรรศการข้าวสุดอลัง ฟังเสวนาที่ครบรสทั้งความรู้และความบันเทิง จัดเต็มกับเวิร์กช็อป และการสาธิตสารพัดเมนูจากข้าวทั้งคาว-หวานครบรส #ข้าวไทย ก็ทำได้จริง แถมได้ช้อปปิ้งสินค้าเกี่ยวกับข้าวที่หลากหลายกันให้หนำใจ
มาชิมให้รู้ มาชมให้เห็นกับตาว่า #ข้าวไทยอร่อยที่สุดในโลก เตรียมตัวพบกันวันที่ 31 พฤษภาคม ถึง 2 มิถุนายนนี้ ที่สามย่านมิตรทาวน์ฮอลล์ ชั้น 5 ศูนย์การค้าสามย่านมิตรทาวน์ เดินทางสะดวกด้วยรถโดยสารสาธารณะ, รถไฟฟ้าใต้ดิน สถานีสามย่าน ทางออกที่ 2 เข้าฟรี! ไม่เสียค่าใช้จ่าย